บทที่ 40 คุณชายฉิน

จางซิ่วเอ๋อเห็นแล้วก็รู้สึกผิดอย่างอดไม่ได้ นางไม่ได้รู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเองเลย แต่ถ้านางไม่มาอยู่ที่โรงเตี๊ยมนี้แล้วแบกน้ำกับปลาไว้บนหลัง เขาก็คงไม่เจอกับหายนะแบบนี้

จางซิ่วเอ๋อจึงเลียนแบบคนโบราณ คำนับนิดหน่อยและเอ่ยขึ้น “ขออภัยเจ้าค่ะ!”

ส่วนเรื่องโขกศีรษะขอขมาอะไรนั่นเหรอ? นางไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว!

ในฐานะคนยุคปัจจุบัน นางไม่ได้มีความเป็นทาสเข้ากระดูกดำแบบนั้น ถ้าเจอเจ้าสวรรค์ขึ้นมานางอาจจะต้องโขกศีรษะคำนับจริง ๆ แต่เวลาแบบนี้นางคงไม่เหยียบย่ำตัวเองด้วยการคุกเข่าขอขมาลาโทษหรอก!

คนผู้นั้นกำลังขมวดคิ้ว ถึงจะไม่ได้พูดอะไร แต่จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกว่าท่าทางของเขาตอนนี้เหมือนพายุโหมก่อนฝนกระหน่ำ ทำให้นางพลันรู้สึกหนาวเยือกไปทั้งตัว

แต่ท้ายที่สุดแล้วคนผู้นี้ก็ไม่ได้อารมณ์เสียใส่จางซิ่วเอ๋อ ไอเย็นรอบตัวค่อย ๆ จางหายไปทีละนิด

“โอ้คุณชาย ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?” ผู้ติดตามชุดเขียวถามอย่างตื่นตูม

ชายชุดฝ้ายตอบเสียงขรึม “ไปเอาเสื้อผ้ามา”

พูดมาถึงตรงนี้เขาก็ชำเลืองเถ้าแก่และเอ่ยสั่ง “เตรียมน้ำให้ข้า”

“โอ้ คุณชายฉิน ท่านรอก่อนนะขอรับ ข้าขอเอาของพวกนี้ไปเก็บที่คลังด้านหลังก่อน” เถ้าแก่มองจางซิ่วเอ๋อตาขวางและหันไปมองคุณชายฉินด้วยรอยยิ้ม

ความฉับไวในการเปลี่ยนสีหน้านั้นช่างรวดเร็วจนจางซิ่วเอ๋อตาโตอ้าปากค้าง

แล้วนางก็ถูกผู้คนทั้งหลายเมินไปโดยปริยาย

แม่นางน้อยมองปลาบนพื้นที่น่าจะตายไปแล้วก็อดปวดใจไม่ได้ วันนี้ตัวเองไม่น่ามาดวงตกที่นี่เลย

หลังเรียกสติคืนกลับมาได้ นางก็ก้มหน้าเก็บปลาขึ้นมาใส่ตะกร้าไม้ไผ่สานของตัวเองทีละตัว

ตอนนี้นางไม่อยากจะอยู่ที่นี่แม้แต่นาทีเดียว

ดูจากเหตุการณ์วันนี้ ปลาของนางคงขายไม่ออกแล้ว

ดังนั้นตอนที่ปลาพวกนี้ยังสดอยู่ นางควรรีบเอาไปขายที่อื่นดีกว่า

ส่วนเรื่องวุ่น ๆ ที่นี่กับคนพวกนี้นางก็อธิบายชัดเจนหมดแล้ว มัวพัวพันอยู่ที่นี่ต่อไปคงไม่เป็นผลดีกับตัวนางเอง

ไม่ว่าจะโรงเตี๊ยมนี้ หรือคุณชายสูงศักดิ์ผู้นั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนฐานะอย่างนางจะมีเรื่องด้วยได้เลย

ถึงแม้จางซิ่วเอ๋อจะมีนิสัยไม่ยอมเสียเปรียบ แต่ก็รู้จักปรับตัว เข้าใจความหมายของคำว่ารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี

นางแบกตะกร้าสานขึ้นหลังแล้วเดินออกไป

เนื่องจากบาดเจ็บที่เอว หลังจึงโก่งนิดหน่อย และก้าวเดินช้าอย่างยิ่ง

เสี่ยวเอ้อเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อจะไปแล้ว เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร ไปเสียได้ก็ดี ถ้านังยาจกน้อยนี่ยังต่อความยาวสาวความยืดอยู่อีก เถ้าแก่ต้องทำโทษเขาแน่

รอให้นังยาจกนี่ไปแล้ว คำพูดอะไรที่เขาอยากพูดก็ย่อมพูดได้

ตอนนี้เถ้าแก่สนใจแค่คุณชายฉิน ด้วยกลัวว่าคุณชายฉินจะอาละวาด

แต่พอจางซิ่วเอ๋อเพิ่งก้าวพ้นประตูไป จู่ ๆ คุณชายฉินก็พูดขึ้น “เดี๋ยวก่อน”

จางซิ่วเอ๋อชะงักนิดหน่อยพลางหยุดฝีเท้า หรือว่าคนผู้นี้ไม่คิดจะปล่อยตัวเองไป? และในขณะที่จางซิ่วเอ๋อกำลังคิดหาวิธีตอบโต้นั่นเอง

คุณชายฉินก็เอ่ยต่อ “มาขายปลาใช่ไหม?”

หา?

จางซิ่วเอ๋อหันกลับไปมองคุณชายฉินอย่างไม่เข้าใจ ขายไม่ขายแล้วเกี่ยวอะไรกับเขาเหรอ?

เถ้าแก่รีบพูดขึ้น “คุณชายฉิน ท่านวางใจได้ ข้าไม่ยอมปล่อยนังเด็กนี่ไปง่าย ๆ หรอก”

จางซิ่วเอ๋อหน้าเสีย เมื่อครู่นี้เถ้าแก่จะไม่เอาเรื่องแล้ว ส่วนนางก็กำลังจะไปที่นี่ แต่ประโยคเดียวจากเขาก็ย้อนทุกอย่างกลับสู่จุดเดิม

ถึงแม้นางจะโมโห แต่ตอนนี้นางไม่มีอำนาจ ไม่มีเงิน จะไปสู้คนตรงหน้าพวกนึ้ได้อย่างไร?

คุณชายฉินกลับเหลือบมองเถ้าแก่ “เจ้าห้ามทำอะไรนาง”

เถ้าแก่ผงะไปทันที ไม่ได้จะเอาคืนหรอกหรือ? ถึงได้สั่งให้เขาห้ามทำอะไร…..

หรือว่าคุณชายฉินเปลี่ยนนิสัยแล้ว?

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

ไม่มีผู้ใดไม่รู้ถึงชื่อเสียงของคุณชายฉิน ในเรื่องคิดเล็กคิดน้อย เจ้าคิดเจ้าแค้น แถมชอบเอาคืน!

อีกทั้งเขายังขึ้นชื่อเรื่องรักสะอาด นังยาจกนี่สาดน้ำสกปรกใส่ตัวเขา เขาจะปล่อยนางไปง่าย ๆ ได้อย่างไร? หรือคุณชายฉินหมายความว่าไม่ให้คนอื่นยุ่ง เขาขอเป็นคนจัดการเอง?

อื้ม ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ !

พอคิดได้แบบนี้ เถ้าแก่ก็มองจางซิ่วเอ๋ออย่างเห็นใจ

ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อเริ่มสับสนกับสถานการณ์ ทำไมมันช่างงงงวยขนาดนี้นะ? ต่อให้นางฉลาดเฉลียวขนาดไหนก็มองคุณชายฉินผู้นี้ไม่ออก ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรในใจ

ขณะนั้นคุณชายฉินก็พูดขึ้นอีก “ข้าว่าปลานี่ดูสดใหม่มาก วันนี้ข้าจะกินปลานี่แหละ”

พูดเสร็จเขาก็พูดรายชื่ออาหารไปหลายชื่อ ทั้งปลานึ่ง ปลาเจี๋ยนน้ำแดง ปลากับผักดอง ปลากับเต้าหู้ ปลากับกระเทียม……

จางซิ่วเอ๋อได้ยินคุณชายฉินพูดรายชื่ออาหารพวกนี้แล้วก็รู้สึกว่าคน ๆ นี้ก็ไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้น บางทีเขาอาจจะเป็นนักกินแห่งยุคโบราณก็เป็นได้?

แต่ปลาเยอะขนาดนี้ เขาจะกินหมดเหรอ? สายตาจางซิ่วเอ๋อเริ่มสงสัย

พริบตาเดียวนางก็หัวเราะเบา ๆ ตัวเองนี่จุ้นจ้านเรื่องคนอื่นจริง ๆ

คนเขามีเงินจะทำอะไรก็ได้ กินหมดหรือไม่หมดเกี่ยวอะไรกับนาง?

พูดจบคุณชายฉินก็หันมองเถ้าแก่และเอ่ยขึ้น “จ่ายเงิน”

เขาจะซื้อปลาจริง ๆ ด้วย เถ้าแก่เดาใจคุณชายคนนี้ไม่ถูกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ เวลานี้ก็ได้แต่ทำตามที่เขาต้องการ

เถ้าแก่ไม่กล้านับเหรียญให้จางซิ่วเอ๋อเพราะอยู่ต่อหน้าคุณชายฉิน จึงหยิบออกมา 5 ตำลึงเงินแล้วยื่นให้จางซิ่วเอ๋อ “พอไหม?”

พอไหม? พอยิ่งกว่าพอน่ะสิ!

ปลาพวกนี้ของนางต่อให้ขายตามราคาที่ดีที่สุดอย่างมากก็แค่ครึ่งตำลึงเงินเท่านั้นแหละ

5 ตำลึงเงินนี้มากกว่าเดิมถึง 10 เท่า!

ที่จริงการที่เถ้าแก่ให้ตำลึงจางซิ่วเอ๋อขนาดนี้ก็นับว่าปวดใจอยู่เหมือนกัน แต่ช่วยไม่ได้ที่คุณชายฉินเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่นี่ ทุกครั้งที่มากินข้าวมีแต่ให้เกินไม่เคยขาด เวลานี้เขาจะต้องทำให้คุณชายฉินรู้สึกว่าเขาซื้อวัตถุดิบทำอาหารในราคาถูกไม่ได้

ตอนนี้เถ้าแก่ก็ทำใจแล้ว ขอแค่คุณชายฉินไม่มีเรื่องอะไรกับเขา ตัวเขาเองนั้นจะทำให้ ส่วนเรื่องระหว่างคุณชายฉินกับนังยาจกนี่ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณชายเองแล้ว

เถ้าแก่ชำเลืองมองเสี่ยวเอ้อ “ยังไม่รีบทำความสะอาดอีก”

เสี่ยวเอ้อเหมือนถูกปลดปล่อย ผละหายไปในพริบตา

เถ้าแก่เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่ในเมื่อคุณชายฉินไม่เอาความแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลจะเอาความกับเสี่ยวเอ้อต่อหน้าคุณชายฉิน ถ้าทำแบบนั้นจริง ๆ ก็เหมือนหาเรื่องให้ตัวเอง

แต่เถ้าแก่ไม่คิดจะปล่อยเสี่ยวเอ้อไปง่าย ๆ ต่อให้นังยาจกน้อยนี่ผิด แต่เสี่ยวเอ้อก็ไม่ควรลงไม้ลงมือ

แน่นอนว่าต่อให้จะจัดการ ก็ต้องทำในที่ลับ

เรื่องวุ่น ๆ นี่จึงจบลงอย่างงง ๆ

ถึงแม้ตอนนี้คุณชายจะมีสภาพมอมแมมไปหน่อย แต่เขาก็ยังคงความสง่าและรัศมีของชนชั้นสูงอยู่

………………………………………