ผู้ชายทั้งหมดจากทั้งเจ็ดครอบครัว ต่างร่วมแรงร่วมใจกันสร้างที่พัก
เสียงตัดต้นไม้ดังอย่างต่อเนื่อง ขวานและมีดต่างสับเข้าไปที่ลำต้นของต้นไม้ มีต้นไม้ถูกตัดออกมามากมายและถูกมัดเข้าด้วยกันเพื่อทำเป็นเตียงนอน
เถียนสี่ฟาพาคนหนุ่มหลายคนเดินไกลออกไปเพื่อหากิ่งไม้เล็กๆ และเหนียวทนทาน
ด้านล่างใช้ไม้ทำเป็นเตียงเรียบร้อยแล้ว ด้านบนก็จำเป็นต้องมีที่กำบัง ถ้าฝนตกอย่างที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ก็ไม่สามารถละเลยเรื่องนี้ได้
กิ่งไม้เล็กที่สามารถดัดให้โค้งงอได้แบบนี้ สามารถนำมาล้อมบนพื้นแล้วดัดให้โค้งมาเชื่อมต่อกัน
เมื่อทำโครงหลังคาเสร็จ ข้างบนจะสามารถปูเสื่อน้ำมันได้ วางกิ่งไม้หรือเปลือกไม้ทับเสื่อน้ำมันอีกทีด้านบน ก็สามารถป้องกันฝนได้แล้วและไม่เป็นจุดสังเกตด้วย เพราะหากมองไกลๆ จะเห็นเป็นแผ่นสีเขียวๆ ไม่เป็นที่สะดุดตาแต่อย่างใด
ทุกคนขะมักขะเม้นทำงานกันอย่างเต็มที่ ส่วนซ่งฝูเซิงก็ใช้สายตามองไปรอบด้าน ยิ่งสังเกตมากเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าป่าแห่งนี้ช่างดูลึกลับและน่ากลัว
เขาใช้ข้อศอกสะกิดเถียนสี่ฟา “พี่เขย เสียงดังขนาดนี้คงไม่เป็นการเรียกหมาป่ากับหมีมาใช่ไหม?”
เขากำลังครุ่นคิด คนอื่นยังไม่ตื่น ถ้าพวกเขาทำให้คนอื่นตื่นมาแล้วได้ยินเรื่องแบบนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่ๆ
เถียนสี่ฟามองน้องสาม “ไม่เป็นไรหรอก ภูเขาลูกนี้กว้างใหญ่ ต้องเดินหลายวันหลายคืนกว่าจะถึง ตรงนี้ถือเป็นพื้นที่ตีนเขา แห้งแล้งไม่มีอะไรให้กิน ไม่เหมือนป่าลึกที่อยู่ด้านใน โดยปกติพวกมันจะไม่เดินมาทางนี้”
ซ่งฝูหลิงรีบวิ่งมาบอก “ท่านพ่อ ลุงเขย ข้าเห็นลำธารเล็กๆ อยู่ตรงนั้น น้ำดูใสสะอาด พวกเราไปกางเต็นท์ตรงนั้นเถอะ จะได้ดื่มน้ำ ทำอาหารก็สะดวก”
ซ่งฝูเซิงจะตบปากรับคำ เถียนสี่ฟารีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ได้ ต้องอยู่ห่างจากแหล่งน้ำ หากใกล้จนเกินไปเสียงน้ำไหลจะหนวกหูพวกเรา พวกสัตว์ก็จะตามมา และถ้าพวกมันมาเมื่อไหร่พวกเราก็ไม่ได้ยินเสียงมันด้วย”
ซ่งฝูเซิง “…” ท่านบอกเองไม่ใช่รึ ว่าหมาป่ากับหมีมันไม่มาทางนี้หรอก?
“ลุงเขย พวกเราหาต้นไม้ที่มีอายุมากหลายๆ ต้นหน่อย ต้นใหญ่ๆ แบบต้นนั้น แล้วสร้างเต็นท์ไว้ด้านข้าง เลือกต้นที่มีกิ่งไม้หนาแน่นหน่อย หากเกิดเหตุการณ์คับขัน พวกเราก็สามารถปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ได้หมดทุกคน”
“ไม่ได้ ส่วนใหญ่ต้นไม้แบบนั้นจะมีแค่ต้นเดียว เมื่อฝนตกหนักจะเสี่ยงถูกฟ้าผ่ามาก”
ซ่งฝูเซิงรู้สึกว่าไม่ควรถามแล้ว ยิ่งถามยิ่งน่าตระหนก เขารีบผลักซ่งฝูหลิง “ลูกสาว เจ้ารีบกลับไปเถอะ หาที่พักผ่อนเสีย ห้ามออกมาเดินเล่นเพ่นพ่าน เจ้าไม่ต้องกังวลไป รอเจ้าหลับสักตื่นหนึ่ง พ่อจะจัดการให้เรียบร้อยเอง”
แผนการที่ซ่งฝูเซิงวางไว้ก็คือดึงพี่เขยให้ไปกับเขา
เถียนสี่ฟาบอกว่า ด้านนั้นยังมีงานอีกมาก ซ่งฝูเซิงรู้สึกว่าเถียนสี่ฟาช่างดื้อดึง เขาจึงโน้มน้าวพี่เขยต่อไป
“พี่เขย ทำไมท่านถึงซื่อขนาดนี้ นั่นเป็นที่พักพิงของพวกเรา เราทุกคนช่วยกันทำได้ ขาดท่านไปคนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอกน่า…
…ท่านรีบหน่อย ช่วยข้าเลือกก่อนว่าต้นไม้ต้นไหนที่แข็งแรง ที่สัตว์ป่าไม่สามารถชนจนล้มได้ และเป็นต้นไม้ที่จะไม่ถูกฟ้าผ่า ข้าต้องการตั้งเต็นท์บนต้นไม้เพื่อให้เด็กๆ ได้ขึ้นไปอยู่บนนั้น…
…มิเช่นนั้นข้าก็กังวลใจ มีเหตุการณ์ร้ายอะไร พวกเรายังวิ่งหนีกันได้รวดเร็ว แต่ฝูหลิงกับเถาฮวาวิ่งได้ไม่เร็วเท่า”
“แค่พวกเราสองคน? คงไม่มีเวลา ตอนนี้คนพวกนั้นกำลังยุ่งอยู่มาก คาดว่ายังต้องทำถึงหนึ่งหรือสองชั่วยาม ท่านลุงหลี่เจิ้งกับชับให้ข้าคอยคุมงาน น้องสาม พวกเราสองคนทำเต็นท์บนต้นไม้เกรงว่า?”
“คำพูดท่านช่างเยอะจัง พี่เขย อย่าชักช้าเลย ข้าคนเดียวทำได้ ท่านสอนข้าสิ!”
ตั้งแต่นี้ต่อไป ซ่งฝูเซิงจะไม่อู้งานอีกแล้ว
เขาหยิบขวานขึ้นมาจาม แรงสะเทือนจนนิ้วหัวแม่มือกับง่ามมือของเขาเจ็บ ร้อนจนเหงื่อไหลเต็มแผ่นหลัง เพียงครู่เดียวเสื้อผ้าก็เปียกชุ่ม
เขาไม่สนใจยุงกัด ถอดเสื้อเปลือยไหล่ เผยให้เห็นร่างกายอันขาวสะอาดของเขา
เพิ่งถอดเสื้อออก เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง
ในบรรดาเจ็ดครอบครัว มีครอบครัวหนึ่งคือแซ่หวัง สะใภ้คนเล็กของท่านยายหวังที่เดินไปส่งน้ำให้สามี เป็นนางที่ร้องกรี๊ดออกมาและยังเอามือปิดตา
ซ่งฝูเซิงเหนื่อยหอบ เขาใช้แขนปาดเหงื่อบนหน้าผาก ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบโคลน เขาขมวดคิ้วแล้วถลึงตาใส่หญิงผู้นั้น พร้อมกับคิดในใจ
เจ้าไม่เคยแต่งงานรึไง ไม่เคยเห็นแผ่นหลังสามีของพวกเจ้าหรือ? มีอะไรน่าตกใจจนร้องเอะอะโวยวาย
ผู้หญิงในยุคโบราณนี่จริงๆ เลย แต่ละคนก็ชอบแอ๊บจนเหมือนจริง
โอ้ย ให้ตายเถอะ เสียงกรีดร้องทำเอาเขาตกใจแทบตาย คิดว่าหมาป่ากับหมีมาเสียอีก