บทที่ 34 อย่ากลัว

คู่ชะตาบันดาลรัก

บทที่ 34 อย่ากลัว Ink Stone_Romance

การเคลื่อนไหวกะทันหันนั้นทำเอาความปรารถนาของนายท่านหกหายไปจนน่าตกใจ

พอเขาหันหลังกลับไปก็เห็นหมิงเวยที่พังประตูเข้ามา จนเขาเกือบคิดว่าตนเองฝันไป “เสี่ยว เสี่ยวชี”

ฮูหยินสามรู้สึกเย็บวาบไปทั่วร่างเมื่อเห็นบุตรสาวนางก็พูดไม่ออก

ถูกเห็นแล้ว ถูกเสี่ยวชีเห็นเข้าแล้ว…ในหัวของนางส่งเสียงหึ่งๆ สะท้อนสองประโยคนี้อยู่ซ้ำๆ ไปมา

“ดูเหมือนท่านอาหกจะจำหลานได้” หมิงเวยก้าวเข้ามาในห้อง นางมองฮูหยินสามที่อยู่บนโต๊ะบูชาในสภาพเสื้อผ้ายับยุ่ง จากนั้นหันไปมองปิงซินที่ล้มหัวแตกอยู่บนพื้นแล้วความโกรธก็ปะทุขึ้นมาในอกของนาง

สำหรับนางแล้วยิ่งนางโกรธมากเท่าใด ภายนอกนางจะดูนิ่งสงบมากเท่านั้น เวลานี้นางเผยรอยยิ้มแล้วเอ่ยถามราวกับคนไม่รู้ความ “ดึกดื่นเช่นนี้ ท่านอาหกมาที่สวนอวี๋ฟางเพื่อมาขอพรกับเสวียนหนี่เหนียงเหนียงหรือ”

“เอ่อ…” เห็นนางยิ้มเช่นนั้น นายท่านหกรู้สึกสับสนเล็กน้อย

เขายังไม่สร่างเมาเต็มที่ ในภาพจำของเขาหลานสาวคนนี้เป็นเด็กโง่ แม้ว่านางจะสามารถตอบคำถามกับผู้คนได้ แต่นางก็ไม่ต่างจากเด็กสามขวบ

เมื่อเห็นว่าหมิงเวยไม่ได้โกรธแต่กลับยิ้มจึงคิดว่านางเป็นเด็กโง่คนเดิมจึงโพล่งออกไปว่า “อาหกกำลังเล่นกับแม่ของหลาน! เจ้ารีบกลับไปนอนเถอะ”

“หมิงหรง!” ฮูหยินสามอุทานเสียงแหลม

ถูกเสี่ยวชีเห็นขนาดนี้แล้ว เขายังจะหลอกล่อนางให้กลับไปเพื่อที่เขาจะได้สนุกต่องั้นหรือ ทำไมคนผู้นี้ถึงได้หน้าด้านหน้าทนขนาดนี้!

หมิงเวยหัวเราะ “ที่แท้ท่านอาหกก็มาเล่นกับท่านแม่งั้นหรือ!” แล้วบทสนทนาก็เปลี่ยนไป นางถามกลับอย่างไร้เดียงสาไปว่า “หลานเองก็อยากเล่น ท่านอาหกมาเล่นกับหลานแทนไม่ดีกว่าหรือ!”

ใบหน้าอันงดงามไร้เดียงสานี้ทำเอาเขาปฏิเสธไม่ได้จริงๆ เดิมทีนายท่านหกไม่คิดอันใดเยอะอยู่แล้ว ถึงแม้จะเป็นหลานตนเอง แต่เขาไม่เคยมีความคิดเรื่องนี้มาก่อน

เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นรอยยิ้มอันแสนร่าเริงของนาง คลื่นแสงเคลื่อนไหวใต้แสงเทียน ใบหน้าที่ดูคล้ายคลึงกับฮูหยินสาม มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทำเอาเขาปฏิเสธไม่ออกโดยไม่รู้ตัวราวกับถูกผีอำ

หลานสาวของเขาเกิดมางดงามขนาดนี้เชียวหรือ

เขารู้สึกเสียดายมาตลอดที่ตนเองเกิดช้าไปจนไม่ได้พบเจอกับพี่สะใภ้สามเมื่อครั้นที่นางยังเป็นเด็กสาว เขาเคยคิดว่าถึงแม้หลานสาวโง่ๆ คนนี้จะเหมือนพี่สะใภ้สาม แต่กลับไม่มีเสน่ห์เอาเสียเลย พอมาดูอีกทีจู่ๆ เขาก็มีความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไป

ที่แท้พี่สะใภ้สามในวัยเยาว์เป็นเช่นนี้นี่เอง ช่างทำให้คน…

ฮูหยินสามที่ถูกทำร้ายมาหลายปี เห็นแววตาของนายท่านหกแล้วมีหรือที่นางจะไม่เข้าใจ ทันใดนั้นนางรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ

หากเรื่องสกปรกเช่นนี้เกิดขึ้นจริง เสี่ยวชีจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร! ในตอนนั้น พี่สาวคนโตก็…

“หมิงหรง!” นางตะโกนขึ้นอย่างรุนแรง “เสี่ยวชีเป็นหลานสาวของท่านนะ!”

ชายที่มีอารมณ์รุนแรงหุนหันพลันแล่นเช่นนี้จะไปเข้าใจอะไร ยิ่งไปกว่านั้นนายท่านหกวันๆ เอาแต่ดื่มสุรา ไม่เคยจะมีสติกับเขาเลยสักวัน

ฮูหยินสามไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นางวิ่งไปหาหมิงเวยแล้วผลักนางออกไป “เสี่ยวชี หนีไป! รีบหนีไปซะ!”

“ท่านแม่อย่าเพิ่งโกรธไป” หมิงเวยยิ้มหวานและกดนางให้นั่งลงบนเก้าอี้ “ลูกขอเล่นกับท่านอาหกก่อนแล้วค่อยไป”

ฮูหยินสามรู้สึกมึนงง นางถูกรั้งไว้เช่นนี้จึงทำได้แต่ตะโกนด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวชี!”

หมิงเวยไม่สนใจ นางสั่งงูสีขาวตัวน้อยให้กลายร่างเป็นควันแล้วรัดฮูหยินสามเอาไว้ “ท่านอาหก ต้องเล่นอย่างไรหรือ”

นางเงยหน้าขึ้น และมองไปที่นายท่านหกด้วยท่าทางที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา

นายท่านหกรู้สึกคันที่หัวใจจนเขาลืมเรื่องสายเลือดและจริยธรรมไปหมดแล้ว เขายื่นมือไปจับนาง “เล่นแบบนี้…”

เมื่อเห็นว่านายท่านหกจับตัวหมิงเวย ฮูหยินสามรู้สึกเหมือนเลือดในกายของนางแข็งค้างไปทั้งหมด

เวลานี้ดูเหมือนจะย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน วันนั้นนางกำลังคัดลอกคัมภีร์เช่นเดียวกับในตอนนี้

ไม่รู้ว่านายท่านหกเข้ามาเมื่อใด ทั้งตัวเขามีแต่กลิ่นเหล้า เขากดนางลงบนโต๊ะบูชา

นางดิ้นและร้องไห้ แต่ไม่เป็นผล ชายหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ เกิดมามีพละกำลังที่แข็งแรง นางจะรอดพ้นเงื้อมมือเขาได้อย่างไร

ฝันร้าย…

แต่เมื่อฝันร้ายสิ้นสุดลง นางก็ยังไม่ตื่นจากความฝัน สิ่งที่รอนางอยู่นั้นเป็นฝันร้ายที่ยิ่งใหญ่กว่า

จนกระทั่งวันนี้ นางก็ยังจมดิ่งอยู่

“เสี่ยวชี! ไม่ ไม่นะ…” ฮูหยินสามเริ่มบ้าคลั่ง

หากบุตรสาวของนางต้องพบเจอกับความโชคร้ายเช่นนี้ ที่นางทนมาเป็นสิบปีจะมีความหมายอะไรกัน

นางยังมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร

ไม่ ไม่นะ!

หากเรื่องมาถึงจุดนี้จริงๆ นางยอมตายเสียดีกว่า!

ต้องตายไปด้วยกัน เรื่องนี้ต้องจบลงอย่างสะอาด!

หมิงเวยที่เดิมทีคิดจะเล่นกับนายท่านหก แต่เมื่อเห็นว่าสภาวะของฮูหยินสามดูท่าไม่ดีแล้วจึงเปลี่ยนใจทันที

ตอนที่นายท่านหกกำลังยิ้มเยาะอยู่ นางมองไปข้างหลังของเขา จากนั้นก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ “ท่านพ่อ!”

นายท่านหกผงะ

ในตอนนั้นเองหมิงเวยพลิกข้อมือแล้วผละตัวออกจากพันธนาการของเขาอย่างชำนาญ ปิ่นปักผมสีทองที่ถืออยู่ในมือนานแล้วก็แทงเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ลงมืออย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ต้องใช้ตามองก็รู้ว่าประตูชี่[1]อยู่ที่ไหน

“อา!” นายท่านหกกรีดร้อง

หมิงเวยไม่แม้แต่จะมอง นางดึงปิ่นปักผมออกแล้วยกเท้าเตะนายท่านหก จากนั้นก็พุ่งไปหาฮูหยินสาม

“ท่านแม่!”

ฮูหยินสามน้ำตาไหล นางกำลังดิ้นรนอย่างหนักราวกับพยายามที่จะแยกตัวออกจากฝันร้ายที่กักขังนางมาสิบปี “ไปให้พ้น ไปให้พ้นนะ! พวกท่านมันไร้ยางอาย ทำไมไม่ตายไปซะ!”

“ท่านแม่!” หมิงเวยกอดนางแน่นเพราะกลัวว่านางจะทำร้ายตัวเอง “อย่ากลัวไปเลยเจ้าค่ะ! ไม่เป็นอะไรแล้ว ลูกไม่เป็นอะไร ท่านไม่เป็นอะไร พวกเราปลอดภัยดี อย่ากลัว…”

“พวกแซ่หมิง พวกท่านมันไร้ศีลธรรมจรรยาเฉกเช่นสัตว์เดรัจฉาน! สวรรค์ไม่มีทางปล่อยคนอย่างพวกท่านเอาไว้แน่!” ฮูหยินสามก่นด่าเสียงดังด้วยความเกลียดชังราวกับจะระบายความแค้นที่มีมาตลอดสิบปี

หมิงเวยทั้งปวดใจทั้งกังวลใจเมื่อเห็นว่านางยังคงบ้าคลั่งจนไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้ หมิงเวยจึงต้องใช้มือกดที่หน้าผากของนาง ใช้วิชาง่ายๆ เพื่อให้จิตใจของนางสงบ

แววตาของฮูหยินสามนิ่งสงบลงแล้ว เสียงค่อยๆ เงียบลง และกลับมาอยู่ในความสงบ

“ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ!” ฮูหยินสามค่อยๆ ได้สติอย่างช้าๆ นางมองบุตรสาวตรงหน้านางด้วยอาการหวาดผวา “เสี่ยวชีหรือ”

“เจ้าค่ะ ท่านแม่ดูสิ ลูกไม่เป็นอะไร” ฮูหยินสามกลับเข้าสู่ความเป็นจริง นางมองเลยออกไป นางเห็นนายท่านหกนอนอยู่บนพื้น มือกุมท้องน้อย และร้องเสียงโหยหวน

“เกิดอะไรขึ้น เขา…”

หมิงเวยมองนายท่านหกด้วยสายตาเย็นชา “ลูกเอาปิ่นปักผมแทงจุดสำคัญของเขา เขาจะไม่สามารถรังแกท่านแม่ได้อีกต่อไป”

จิตใจของฮูหยินสามสับสนวุ่นวายและไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ

หมิงเวยหมุนตัวกลับมาแล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ท่านแม่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาที่นี่ใช่หรือไม่ ก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ หรือว่ามีใครอีก”

เมื่อได้ยินคำถามพวกนี้ ฮูหยินสามรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง “ลูกอย่าถามเลย”

จะให้บุตรสาวได้ยินเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ได้อย่างไร แค่นางมาเห็นภาพนี้มันก็เกินพอแล้ว

เสี่ยวชียังต้องการแม่ที่สูญเสียความบริสุทธิ์เช่นนี้อยู่หรือไม่ นางสกปรกขนาดนี้ ยังมีคุณสมบัติที่จะเป็นมารดาของเสี่ยวชีได้อีกหรือ ในอนาคตนางจะไปมีหน้ามองหน้าบุตรสาวได้อย่างไร

“เจ้าค่ะ ลูกจะไม่ถาม” หมิงเวยรู้ดีว่าจิตใจของฮูหยินสามในตอนนี้เปราะบางมาก กลัวว่าจะไปกระตุ้นนางอีกครั้ง

นางกอดฮูหยินสามเบาๆ “แต่ลูกจะอยู่เคียงข้างท่านแม่ตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะอยู่เคียงข้างท่านแม่ อย่ากลัวไปเลยเจ้าค่ะ เราสองแม่ลูกอยู่ด้วยกัน ไม่มีอะไรต้องกลัว”

ฮูหยินสามพึมพำ “อย่ากลัว…”

“ใช่เจ้าค่ะ อย่ากลัว เรื่องในอดีตแค่ปล่อยผ่านไป อย่าไปกลัวมัน อย่าโทษตัวเอง คนเลวจะต้องถูกลงโทษ พวกเราเป็นคนดี…”

…………………………………………………………

[1] ประตูชี่ : รูเหงื่อ เป็นช่องทางกระจายและระบายหยางชี่