ในพจนานุกรมของอวี๋หมิงหลางไม่มีคำว่า อ่อน
หลังจากที่หวางย่าเฟยทำผลงานยิงถูกเป้าหมด อวี๋หมิงหลางก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ถอยหลัง ถอยอีก แล้วก็ยังถอยอีก…
“เฮ้ย ถอยออกไปไกลขนาดนั้นทำไม”
เจ้าของร้านถึงกับกลัว
นี่ได้ตุ๊กตารางวัลใหญ่ของเขาไปแล้วยังจะเอาปืนไปด้วยเหรอ?
“ฉันอยู่นี่นายจะกลัวทำไม?” เสี่ยวเชี่ยนพูด เธอสังเกตท่าทางของอวี๋หมิงหลาง
“แต่อยู่ห่างขนาดนั้นยิงไม่โดนแน่ ปืนนี่ยิงได้ไกลสุดก็แค่ไม่กี่เมตร” เจ้าของร้านรู้จักปืนตัวเองดี นี่เป็นปืนของเล่น อีกทั้งยังถูกดัดแปลง หากยืนห่างออกไปมากเกิน บวกกับแรงลมหรือปัจจัยอื่นๆอีก ถ้าอยากจะยิงโดนคงต้องระดับปรมาจารย์
“ยิงโดนไม่โดนก็เรื่องของเขา ดูเฉยๆก็พอแล้ว”
เสี่ยวเชี่ยนพูดจบก็หันไปมองอวี๋หมิงหลาง
หวางย่าเฟยมีสีหน้าอึ้ง คนที่ตามมาด้วยอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“แบบนี้จะยิงโดนได้ยังไง?”
ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าหน่วย011เก่งขั้นเทพ และก็รู้ว่าทหารของที่นั่นล้วนคัดเลือกจากสุดยอดของแต่ละที่มาอยู่รวมกัน แต่ต่อให้เป็นจอมทหารเมื่อมาเจอภารกิจที่ไม่น่าจะทำให้สำเร็จได้แบบนี้ก็ไม่น่าจะทำได้หรือเปล่า?
หลังจากที่อวี๋หมิงหลางถอยจนพอใจแล้วเขาก็เริ่มยิงปืน ปังๆๆๆ เสียงลูกโป่งแตกดังตามมา พวกของหวางย่าเฟยมองกันตาค้าง
มีคนใช้ปืนที่ถูกดัดแปลงมายิงโดนเป้าในระยะที่แทบจะเป็นไปไม่ได้แบบนี้ได้จริงๆเหรอ?
อวี๋หมิงหลางไม่ได้ยิงเรียงกันด้วย
เขายิงบนบ้าง ล่างบ้าง ตรงกลางบ้าง ตอนแรกพวกหวางย่าเฟยยังคิดว่าเขายิงมั่วแล้วบังเอิญโดน แต่พอเขายิงถูกลูกโป่งมากขึ้นเรื่อยๆทุกคนต่างก็มองกันจนตาค้าง
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกสนุกขึ้นมาทันที
เขายิงเป็นคำว่าเหม่ย
ยิงไปเรื่อยๆจนนัดสุดท้ายเขาหลับตายิง ระยะห่าง ความเร็วลม ลูกกระสุน อีกทั้งตำแหน่งของลูกโป่ง ทุกอย่างอยู่ในใจเขาหมดแล้ว มือสไนเปอร์ที่แท้จริงไม่ได้อาศัยสายตาในการยิง
อวี๋หมิงหลางยิงเสร็จแล้ว แต่คำว่าเหม่ยยังขาดไปหนึ่งขีดซ้ายบน เขาจึงเดินไปที่ขอบกั้นหน้าร้านแล้วเก็บก้อนหินขึ้นมา จากนั้นก็ปาไปตรงตำแหน่งที่ขาดอยู่ ชื่อที่เขาเรียกเธอปรากฏอยู่บนแผงลูกโป่งแล้ว
อวี๋หมิงหลางวางปืนลงแล้วมองไปทางเสี่ยวเชี่ยน
ลูกเชี่ยน คุณสวยที่สุด
เสี่ยวเชี่ยนยกนิ้วโป้งให้เขา นายเท่ห์มาก
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังทำร้ายคนโสดอยู่นั้น ในใจของหวางย่าเฟยกำลังเกิดความรู้สึกที่พูดไม่ออก
เขามีพรสวรรค์เรื่องยิงปืนที่เหนือกว่าคนอื่น และก็คิดมาตลอดว่าฝีมือของเขาล้ำเลิศสุดๆ แต่วันนี้พอได้มาเจอกับคนเก่งกว่าถึงได้พบว่าฝีมือของตัวเองนั้นยังอยู่ห่างอีกไกล
เมื่อครู่ยังรู้สึกอัดอั้นตันใจ อยากให้อวี๋หมิงหลางยอมรับในความพยายามของเขา ถึงขนาดคิดไปว่าหลังจากที่อวี๋หมิงหลางได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของเขาแล้ว อวี๋หมิงหลางจะรู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจให้เขาสอบไม่ผ่าน
แต่พออวี๋หมิงหลางยิงปืนเป็นชื่อเรียกของเสี่ยวเชี่ยนโดยใช้วิธีที่ไม่น่าเชื่อ หวางย่าเฟยก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกมือล่องหนมาตบเข้าที่หน้าอย่างแรง
ไอ้011นี่คงจะยิ่งภูมิใจสินะ เขาคงดูน่าขบขันมากกว่าเดิม…
แม้แต่เสี่ยวเชี่ยนยังคิดว่าอวี๋หมิงหลางจะทำท่ายกนิ้วโป้งทิ่มลงหรือไม่ก็ส่ายนิ้วชี้เพื่อเป็นการตอบโต้ที่เมื่อครู่หวางย่าเฟยยกนิ้วกลางให้เขา
แต่ไม่ใช่ พออวี๋หมิงหลางยิงเสร็จเขาไม่ได้มองหวางย่าเฟยเลยสักนิด แต่ยื่นมือไปที่เจ้าของร้าน เจ้าของร้านทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ตัวใหญ่มีแค่สองตัว พวกนายได้คนละตัวก็หมดแล้ว เอาตัวเล็กไปสองตัวได้ไหม?”
ไอ้พวกก่อกวนนี่มันมาจากไหนกันแน่วะเนี่ย คว้าแจ็คพอตไปหมดแล้ว
อวี๋หมิงหลางมองเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้รู้สึกเกรงใจเลยแม้แต่น้อย เธอชี้ไปที่ตุ๊กตาสองตัว เจ้าของร้านแอบร้องไห้ในใจพร้อมกับหยิบตุ๊กตาส่งให้เสี่ยวเชี่ยน ไปได้แล้ว รีบๆไสหัวไปเลย
เสี่ยวเชี่ยนกอดตุ๊กตาตัวเล็กสองตัว อวี๋หมิงหลางถือตัวใหญ่แล้วเดินออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ทำไม” หวางย่าเฟยตะโกนถามไล่หลังอวี๋หมิงหลาง
อวี๋หมิงหลางหยุดเดินแล้วหันไปมองเด็กหนุ่มที่ถูกเขาหักหน้าอย่างไม่มีชิ้นดี
“ไม่ทำไมหรอก ที่หน่วยของพวกเราไม่มีความจำเป็นต้องถามคำว่าทำไม”
ทหารหน่วยรบพิเศษมีแค่การรับปากทำภารกิจด้วยใจเต็มร้อยเท่านั้น ไม่มีใครถามว่าทำไม และก็ไม่มีใครมานั่งหาเหตุผล
“แต่ระยะห่างเมื่อกี้นายไม่น่าจะยิงโดน ทำไม…”ถูกหักหน้าในเรื่องที่ตัวเองถนัดที่สุด หวางย่าเฟยรู้สึกสะเทือนใจมาก
“นายคิดแค่ว่ายิงโดนแล้วเป็นไง ยิงไม่โดนแล้วเป็นไง แต่ตอนที่ฉันจับปืนขึ้นมาในใจฉันมีแค่เป้าหมาย ตอนฝึกซ้อมยิงปืนนายจะถูกสอนให้ดูความเร็วลม การเล็งเป้า หรืออาจถูกฝึกให้จดจำสภาพของปืน แต่เรื่องพวกนี้มันไม่จำเป็นสำหรับพวกเรา ฉันไม่สนว่าจะมีความยากแค่ไหน คิดอยู่อย่างเดียวคือทำให้สำเร็จ นายเป็นคนเก่ง แต่ความเก่งของนายได้กลบจุดมุ่งหมายแรกที่เคยมีในใจ”
อวี๋หมิงหลางพูดจบก็ไม่สนหวางย่าเฟยที่ยืนอยู่ที่เดิม เดินควงแขนเสี่ยวเชี่ยนออกไป หวางย่าเฟยยืนอยู่ตรงนั้นมองอวี๋หมิงหลางเดินห่างออกไป ได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
“ย่าเฟยอย่าคิดมากเลยนะ พวกเราสู้พวกเขาไม่ได้หรอก หน่วย011แต่ละคนกินกระสุนแทนข้าวด้วยซ้ำ กระสุนที่พวกเขายิงออกไปเยอะกว่าข้าวที่พวกเรากินอีกมั้ง ถ้านายได้ไปอยู่ในที่แบบนั้นฝีมือนายก็ไม่ด้อยไปกว่าเขาหรอก”
ทหารที่มากับหวางย่าเฟยพูดปลอบ
หวางย่าเฟยกลับส่ายหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ไม่ใช่ ไม่เหมือนกันหรอก
เขาไม่อยากหลอกตัวเอง 011คนนั้นมีดีพอที่จะอวดจริงๆ
อวี๋หมิงหลางกล้ายืนในตำแหน่งนั้นใช้ปืนของเล่นที่มีปัญหาเรื่องการเล็ง แล้วเขาใช้อะไรเป็นตัวช่วยเรื่องความแม่นยำ?
อักษรเหม่ยยังคงอยู่บนกระดานนั่น แต่สภาพจิตใจของหวางย่าเฟยในเวลานี้ช่างอยู่ห่างจากคำๆนี้มากนัก
นี่เขาเกลียดอะไรผิดไปหรือเปล่า…
เดินออกไปไกลมากแล้ว เสี่ยวเชี่ยนเห็นร้านค้าร้านหนึ่ง มีแม่พาลูกสาวมานั่งขายของ เด็กคนนั้นเอาแต่จ้องตุ๊กตาที่อยู่ในอ้อมกอดของเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนเดินเข้าไปเอาตุ๊กตาตัวเล็กสองตัวยื่นให้เด็กคนนั้น
พอกลับมาก็เจอสายตาของอวี๋หมิงหลางที่มองมากึ่งๆแซว เธอรีบอธิบายแก้เขิน
“ฉันไม่ชอบก็เลยยกให้เด็กไป”
อวี๋หมิงหลางลูบผมเธอแล้วมองเธออย่างเอ็นดู “ปากแข็งจังน้า”
เสียวเหม่ยของเขาน่ารักที่สุด ปากร้าย แต่จิตใจดี
“อวี๋เสี่ยวเฉียง อันที่จริงนายชอบหวางย่าเฟยนั่นใช่ไหมล่ะ?” เสี่ยวเชี่ยนไม่ยอมให้อวี๋หมิงหลางแซวอยู่ฝ่ายเดียว จึงจงใจเอาคืน
“ผมชอบคุณแค่คนเดียว” อวี๋หมิงหลางเล่นมุก
“เหอๆ…ไม่ชอบแต่พูดกับเขาตั้งเยอะแยะน่ะนะ?”
“ต่อให้ผมพูดมากกว่านี้แต่ถ้าเขาคิดไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์”
สายตาของอวี๋หมิงหลางมองข้ามเสี่ยวเชี่ยนไปด้านหลังเธอ
เด็กคนเมื่อกี้ที่เสี่ยวเชี่ยนเอาตุ๊กตาไปให้ถูกแม่สั่งให้วิ่งมาพร้อมกับปลาหมึกปิ้งของร้านตัวเอง
เด็กน้อยยัดใส่มือเสี่ยวเชี่ยนด้วยความเขิน แล้วพูดเบาๆว่า ขอบคุณค่ะ จากนั้นก็หันตัววิ่งกลับไป
เสี่ยวเชี่ยนมองเด็กน้อยแล้วยิ้มออกมา
“แม่ของเขาดีจัง รู้จักมอบของขวัญที่ดีที่สุดให้ลูกที่ไม่ใช่เงินทองหรือวัตถุ แต่เป็นจิตใจที่รู้จักสำนึกในบุญคุณ การสั่งสอนเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ”
อวี๋หมิงหลางชื่นชม แต่กลับเห็นเสี่ยวเชี่ยนมองเขาด้วยท่าทางกลั้นยิ้ม
“นายเป็นพ่อให้คนตั้งเยอะแยะ เป็นนายก็ไม่ง่ายเหมือนกัน”