อวี๋หมิงหลางตกใจ “ลูกเชี่ยน มีไวขนาดนั้นเลย? ไม่น่ามั้ง เพิ่งจะทำเอง…อีกอย่างตอนนั้นก็ใส่ถุง ต่อให้มีรูลอดออกไปก็ต้องรอเวลาปฏิสนธิอีกระยะหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
“ไปไกลๆเลย ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”
เสี่ยวเชี่ยนทำอารมณ์ไม่ถูกกับการขัดจังหวะของเขา คนๆนี้นี่ชมไม่ได้เลยจริงๆ จุดประเด็นนิดหน่อยก็จินตนาการเลยเถิด
อันที่จริงเธอหมายความว่า บทบาทของอวี๋หมิงหลางในที่ทำงานก็เหมือนผู้ปกครองที่เข้มงวด ฝึกทหารเก่งๆ ต่อให้อยู่ข้างนอกมาเจอหวางย่าเฟยแบบนี้ก็ยังใช้วิธีรับมือแบบเฉพาะ
สายตาของอวี๋หมิงหลางทอดยาวไปไกล แววตาเหมือนกำลังครุ่นคิด เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
นี่เขากำลังเป็นห่วงเรื่องอนาคตของหวางย่าเฟยอยู่เหรอ บางครั้งเสี่ยวเฉียงของเธอก็เท่ห์ทะลุปรอทเลยจริงๆ
“เดี๋ยวกลับไปถึงพวกเราน่าจะลองที่กระจกดูบ้างนะ คราวก่อนไม่สำเร็จผมแอบเสียดายนิดหน่อย … เอ๊ะลูกเชี่ยน ทำไมสะดุดล่ะ?”
“ไปไกลๆเลยไอ้คนหน้าไม่อาย”
เธอไม่ควรคิดว่าตานี่จะคิดเรื่องที่เอาการเอางานเลยจริงๆ คนอะไรคิดเรื่องอย่างว่าด้วยสีหน้าจริงจังอะไรขนาดนี้
เดี๋ยวกลับไปเสี่ยวเฉียงจะทำอะไรบ้าง ไม่ต้องบอกก็รู้
เสี่ยวเชี่ยนที่น่าสงสาร ทายาไปยังไม่ทันจะหายปวด ผู้ชายหน้าด้านบางคนบอกว่าจะให้เสี่ยวเฉียงน้อยเป็นหมอทายาให้เอง ทาไปทามาก็ อะนะ
วันต่อมาตอนที่เสี่ยวเชี่ยนตื่นขึ้นก็เป็นเวลากลางวันแล้ว ข้างกายเย็นเฉียบ เขาออกไปนานแล้ว
ทำเสร็จแล้วก็ไปเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกของเสี่ยวเชี่ยนกลับแตกต่างจากเมื่อชาติที่แล้ว ถึงแม้ในใจจะแอบผิดหวังนิดหน่อย แต่ที่มีมากกว่าก็คือความเข้าใจ
ถึงร่างกายจะยังปวดอยู่ แต่ก็รู้สึกได้ถึงความสบายตัว เขาคงจัดการทำความสะอาดให้เธอ แม้แต่จุดที่ปวดก็ทายาให้อย่างดี อีกทั้งหัวเตียงยังมีซุปที่เขาสั่งมาไว้ให้ ถึงกับไปหาหม้อรักษาอุณหภูมิมาใส่ไว้เพราะกลัวจะเย็นชืดหมด
ความใส่ใจที่พอจะทำได้ทั้งหมดเขาทำให้เธอแล้ว ใต้กล่องข้าวมีกระดาษโน้ตที่เขาทิ้งไว้ให้
จนถึงตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนยังอารมณ์ดีอยู่กับการได้แชร์ความรู้สึกร่วมกับคนรัก แต่พอเธออ่านกระดาษโน้ตใบนั้นก็เกิดความรู้สึกที่หมดคำจะพูด
ถ้ำแห่งนางฟ้านางสวรรค์ ความสวยงามอยู่ที่จุดสุดยอดที่อันตรายนั้น ครั้งหน้าเจอกัน พวกเราค่อยร่วมค้นหาธรรมชาติอันพิศวงด้วยกันอีกนะ รอคอยวันที่จะได้จอดรถด้วยกันอีก
ตาบ้านี่…เขียนจอดตัวใหญ่ขนาดนั้นไม่ได้ตั้งใจจริงๆเหรอ?
ตุ๊กตาที่เมื่อวานยิงปืนได้มาถูกเขาวางไว้ที่พื้นข้างเตียง ที่น่าทุเรศก็คือเขาเอาขนมปังแท่งยาวทำจากข้าวโพดที่ซื้อกลับมาไปวางระหว่างขาของตุ๊กตา เมื่อคืนไม่ทันได้มองดูให้ดีๆ พอวันนี้มองดูแล้ว อันที่จริงตุ๊กตาหมีตัวนี้ก็หน้าตาคล้ายอวี๋หมิงหลางอยู่เหมือนกันนะ ดูหน้าด้านพอกัน
“บ้าบอจริงๆ ท่าอะไรนั่น…” เสี่ยวเชี่ยนไปดึงขนมปังออก ดูเหมือนอวี๋หมิงหลางที่กลายเป็นผู้ชายเต็มตัวแล้วจะหน้าหนายิ่งกว่าเดิม เอาของแบบนี้ไปวางตรงนั้น ในสมองเลยมีภาพเหตุการณ์เมื่อคืนลอยมา
ดูเหมือนเธอจะได้จับของประมาณนี้เหมือนกัน แต่ยาวกว่าอันนี้…ฮึ่ย ลามกตามตาบ้านั่นไปแล้ว
ถึงแม้ร่างกายจะยังอ่อนล้า แต่ในใจกลับเต็มอิ่ม ความรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยความกดดันออกไปจนโล่ง ทำให้เสี่ยวเชี่ยนสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เธออาบน้ำแล้วกินอาหารเช้า เวลาล่วงเลยมาจนป่านนี้แล้วเธอคงไม่ไปเข้าเรียน โดดเรียนเลยทั้งวัน
บนโต๊ะตรงหัวเตียงนอกจากจะมีอาหารเช้าแล้วยังมีซองเอกสารสีน้ำตาลวางอยู่
ไม่มีร่องรอยถูกแกะเลยสักนิด
มันคือข้อมูลที่เจิ้งซวี่ไปสืบมาให้เธอ
เมื่อวานเสี่ยวเชี่ยนยังไม่ทันจะได้แกะดูก็ถูกอวี๋หมิงหลางลอบโจมตีเสียก่อน
เมื่อเช้าตอนอวี๋หมิงหลางทำความสะอาดก็คงเห็นเข้าแล้วถึงได้วางไว้ตรงที่ที่เธอมองเห็นง่าย
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เสี่ยวเชี่ยนประทับใจ เพราะบนซองมีชื่อบริษัทของเจิ้งซวี่อยู่ เขาเห็นแล้วแท้ๆแต่กลับไม่แกะดู แสดงว่าเขาเข้าใจและให้เกียรติ แม้แต่ในกระดาษโน้ตที่ทิ้งไว้ก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้
แสดงให้เห็นว่าอวี๋หมิงหลางมีความเป็นผู้ใหญ่แล้ว
นึกถึงตอนที่เพิ่งคบกันใหม่ๆ แม้แต่แสดงละครบนเวทีเขายังกระโดดขึ้นไปป่วนแถมยังลากตัวเธอออกไปด้วยสีหน้าหึงหวงสุดขีด ตอนนี้กลับใจกว้างไม่ถามถึงเรื่องเอกสารที่รู้ทั้งรู้ว่าเจิ้งซวี่เป็นคนให้เธอมา เขาไม่เพียงแต่จะให้เกียรติเธอ ยังแสดงให้เห็นว่าตอนนี้อวี๋หมิงหลางมีความมั่นใจในความสัมพันธ์ของเธอกับเขาแล้ว
ได้กินแล้วแต่กลับยังดูแลเป็นอย่างดี เสี่ยวเชี่ยนชื่นชมเสี่ยวเฉียงอยู่ได้ไม่ถึงวินาทีก็นึกถึงเมื่อชาติก่อน หรือนี่จะเป็นความแตกต่างระหว่างเธอเป็นฝ่ายรุกก่อน กับเขาเป็นฝ่ายรุกก่อน?
เพิ่งแยกกันแท้ๆแต่คิดถึงเขาอีกแล้ว อยู่ๆเสี่ยวเชี่ยนก็นึกถึงสืออวี้ที่วันต่อมาหลังจากที่ได้เป็นสาวเต็มตัวเอาแต่ยืนส่องกระจก ความรู้สึกที่ทั้งมีความสุขทั้งน่าแปลกใจ
ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่แปลกไป แต่โดยรวมแล้วรู้สึกว่าตัวเองดูโอเคขึ้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ดูเหมือนผิวพรรณจะเปล่งปลั่งขึ้น…แต่รอยจ้ำๆเล็กๆใหญ่ๆบนตัวขอมองข้ามไปก่อน ตาคนปีหมางับไม่รู้จักจบจักสิ้น แถมยังวางแผนมาอย่างดีว่าตรงไหนไม่มีเสื้อผ้าบัง เลือกเฉพาะที่เป็นจุดลับในร่มผ้า
เสี่ยวเชี่ยนเปิดซองออกแล้วหยิบเอกสารออกมา ของประดับบนเพดานได้สะท้อนให้เห็นรอยแดงประหนึ่งลูกสตรอเบอรี่ตรงคอเสี่ยวเชี่ยนที่คนบางคนทิ้งเอาไว้
ตำแหน่งนั้นเสี่ยวเชี่ยนมองไม่เห็น แต่ขอแค่เธอรวบผมออกคนอื่นๆก็จะเห็นหมด
ของประดับที่อยู่เพดานมองเห็นแผนการอันร้ายกาจของอวี๋เสี่ยวเฉียงหมดแล้ว มันสะท้อนกับแสงที่ส่องเข้ามา คล้ายกับกำลังบอกว่า เสียวเหม่ยช่างไร้เดียงสาจริงๆ ผู้ชายที่มีความปรารถนาอันแรงกล้าอย่างอวี๋เสี่ยวเฉียงจะพลาดโอกาสที่จะได้ตีตราเธอได้อย่างไร?
เสี่ยวเชี่ยนยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกขายเข้าแล้ว เธอหยิบเอกสารออกมาแล้วตั้งใจอ่าน
อ่านไปได้สองหน้าก็รู้สึกเย็นสันหลัง
เธอให้เจิ้งซวี่ไปสืบความเป็นไปในช่วงนี้ของหูเหม่ยจิ้ง คู่หมั้นของโลนวูล์ฟอดีตหัวหน้าของหน่วยย่อยโลนวูล์ฟที่อวี๋หมิงหลางเป็นหัวหน้าอยู่ตอนนี้
จากผลการสืบของเจิ้งซวี่ หูเหม่ยจิ้งอยู่เมืองแถวๆนี้ อีกทั้งยังเป็นครูอนุบาลในโรงเรียนรัฐบาล ผู้ชายที่เธอแต่งด้วยคือฉู่เซวียน เป็นข้าราชการระดับล่าง
เสี่ยวเชี่ยนแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นว่าทั้งชื่อ สถานที่ หรือแม้แต่ชื่อสามีจะตรงกันหมด
ต่อให้จนถึงตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนก็ยังคงหวังว่าผู้หญิงที่เธอต้องการหาตัวจะเป็นคนละคนกับคนที่เธอเคยเจอก่อนหน้านี้
แต่จากรูปที่ร่วงออกมาจากซองเอกสาร คล้ายกับได้ฉีกความหวังของเสี่ยวเชี่ยนออกเป็นเสี่ยงๆ
รูปพวกนี้น่าจะเพิ่งถ่ายเมื่อไม่กี่วันนี้ เหมือนหูเหม่ยจิ้งกับฉู่เซวียนจะออกไปจ่ายตลาดมา ทั้งสองคนต่างถือของพะรุงพะรัง เสื้อที่เธอใส่เป็นตัวเดียวกับที่เจอเสี่ยวเชี่ยนครั้งก่อน
ท่าทางอันอ่อนโยนของเธอเสี่ยวเชี่ยนยังจำได้
พูดจาทั้งเบาทั้งช้า ฟังดูก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงนุ่มนวล ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่พูดจาใส่อารมณ์ก็จะดูอ่อนหวานแบบนี้เช่นกัน ตอนนี้เธอยังตัดสินไม่ได้ว่า หูเหม่ยจิ้งคนนี้เป็นนักแสดงมาแต่กำเนิดหรือเป็นคนสองบุคลิก ไม่อย่างนั้นทำไมหูเหม่ยจิ้งที่เธอเจอมันถึงได้แตกต่างจากข้อมูลที่เธอได้มามากขนาดนี้?