ตอนที่ 482 นึกแล้วก็ปวดใจ

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าคู่หมั้นของโลนวูล์ฟก็คือหูเหม่ยจิ้งภรรยาของฉู่เซวียนที่เสี่ยวเชี่ยนเคยรักษา 

 

 

จากที่ซาลาแมนเดอร์บอก ผู้หญิงคนนี้แย่มาก ใจจืดใจดำ เอาเงินชดเชยของโลนวูล์ฟไปตั้งแต่เถ้ากระดูกของเขายังไม่ทันเย็นแล้วไปแต่งงานกับคนอื่น 

 

 

แม้แต่อวี๋หมิงหลางที่เป็นคนยุติธรรมมาตลอดยังยอมรับว่าผู้หญิงคนนั้นไร้ซึ่งความเห็นใจ 

 

 

หูเหม่ยจิ้งที่เสี่ยวเชี่ยนได้สัมผัสคนนี้นิสัยอ่อนโยน เอาใจใส่สามีตัวเอง ถึงสามีจะเป็นโรคอารมณ์แปรปรวนชนิดไม่รุนแรงก็ยังคอยอยู่เคียงข้าง ดูแลอย่างใกล้ชิด 

 

 

อีกทั้งสิ่งที่ทำให้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกตกใจยิ่งกว่าก็คือ แม่บุญธรรมของผู้หญิงคนนี้ก็คือแม่แท้ๆของโลนวูล์ฟ 

 

 

ถ้าโลนวูล์ฟไม่ตาย หูเหม่ยจิ้งก็คงได้เรียกอาจารย์ว่าแม่ เพราะเป็นแม่สามี 

 

 

แต่หลังจากที่โลนวูล์ฟตาย หูเหม่ยจิ้งกับอาจารย์ก็มีสถานะเป็นแม่ลูกบุญธรรมกัน อีกทั้งดูจากท่าทีของอาจารย์ก็ดูจะพอใจเธออยู่ไม่น้อย ฉู่เซวียนสามีของเธอเป็นโรคอารมณ์แปรปรวน อาจารย์จึงให้เสี่ยวเชี่ยนไปรักษา เท่าที่ฟังจากที่หูเหม่ยจิ้งเล่า อาจารย์มักจะไปเยี่ยมเยียนเธอบ่อยๆ 

 

 

อาจารย์ที่ปกติไม่ค่อยเป็นมิตรกับใครเท่าไร แต่กลับมีความรักความเอ็นดูให้หูเหม่ยจิ้ง เหมือนเป็นแม่ลูกกันจริงๆ 

 

 

ข้อมูลมากมายเหลือเกิน เสี่ยวเชี่ยนมึนไปหมดแล้ว เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆว่ามันเกิดความผิดพลาดขึ้นตรงไหนกันแน่ 

 

 

ภายใต้สถานการณ์แบบนี้อย่าว่าแต่จะให้ทำดีกับหูเหม่ยจิ้งเลย ไม่อาฆาตแค้นก็ดีแค่ไหนแล้ว ขนาดเพื่อนทหารของโลนวูล์ฟยังพากันกัดฟันพูดด้วยความโกรธเมื่อพูดถึงเรื่องหูเหม่ยจิ้ง อาจารย์ที่เป็นแม่แท้ๆก็น่าจะยิ่งโกรธแค้นถึงจะถูกสิ 

 

 

สมองอันชาญฉลาดของเสี่ยวเชี่ยนได้นึกถึงความเป็นไปได้หลายๆแบบ 

 

 

อาจารย์ไม่มีทางไม่เคยเจอหูเหม่ยจิ้ง เพราะตอนนั้นโลนวูล์ฟหมั้นกับเธอไปแล้ว จะต้องเคยพาไปให้พ่อแม่ดูตัวอย่างแน่นอน 

 

 

งั้นจะเป็นไปได้ไหมว่า อาจารย์ใช้วิธีอื่นในการแก้แค้นให้ลูกชาย? 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนนึกได้แค่เหตุผลนี้ ก็เหมือนกับเมื่อชาติก่อนหลังจากที่ลูกสาวเธอจากไปเธอก็เริ่มคิดหาวิธีต่างๆในการทรมานคนเลวที่ทำร้ายลูกสาวเธอให้ค่อยๆตายไปทีละคน วิธีการของเธอโหดร้ายมาก 

 

 

นิสัยของอาจารย์ก็ไม่ต่างจากเธอมากนัก หรือจะเป็นเพราะโกรธแค้นหูเหม่ยจิ้งเลยแนะนำผู้ชายที่เป็นโรคอารมณ์แปรปรวนให้กับหูเหม่ยจิ้ง? 

 

 

อีกทั้งยังส่งมือใหม่ไปรักษาฉู่เซวียนซึ่งก็คือเธอ หวังจะให้เธอรักษาฉู่เซวียนจนเพี้ยน ทำให้อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะกลายเป็นโรคจิต แล้วมีลูกที่เป็นโรคอารมณ์แปรปรวน ซึ่งโรคนี้ติดต่อทางพันธุกรรมได้… 

 

 

ข้อสันนิษฐานของเสี่ยวเชี่ยนยิ่งคิดยิ่งน่ากลัว แต่ก็ยังมั่นใจไม่ได้ อาจารย์ไม่ใช่คนไม่รอบคอบ ต่อให้เกลียดหูเหม่ยจิ้งขนาดไหนก็ไม่น่าลากคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างเธอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย 

 

 

ไม่รู้ว่าเหตุมันเกิดขึ้นตรงไหน ดังนั้นตอนนี้เธอปวดหัวมาก 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนไม่มีทางวิ่งไปถามศาสตราจารย์หลิวตรงๆ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องในครอบครัวของศาสตราจารย์หลิว แต่มันยังเกี่ยวข้องกับรอยแผลในส่วนลึกจิตใจของอาจารย์ ตอนนี้อาจารย์กับหัวหน้าใหญ่เพิ่งจะคืนดีกัน ถ้าไปรื้อฟื้นเรื่องราวเจ็บปวดในอดีตขึ้นมา ความพยายามก่อนหน้านี้ของอวี๋หมิงหลางก็จะสูญเปล่า อุตส่าห์ลงทุนลงแรงสร้างสถานการณ์จริงในการรักษาหัวหน้าใหญ่กับหลิวลี่ 

 

 

ดังนั้นเสี่ยวเชี่ยนนึกวิธีดีๆออกวิธีหนึ่ง 

 

 

เธอไปที่บ้านศาสตราจารย์หลิว แต่อาจารย์ไม่อยู่ หลิวลี่อยู่บ้านคนเดียว พอได้ยินเสียงคนเคาะประตูเขาก็หอบร่างกายอันหนักอึ้งออกมาเปิดประตู 

 

 

“พี่เชี่ยนเองเหรอ” 

 

 

“อืม เป็นอะไรน่ะ?” เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าตัวเองเดินมาด้วยสภาพน่าเวทนาแล้ว หลิวลี่อาการหนักยิ่งกว่าเธออีก แทบจะยืดตัวไม่ขึ้น 

 

 

“เดิมผมว่าจะไปทำงาน แต่เมื่อวานโคตรเหนื่อยเลย วันนี้ลุกไม่ขึ้นทั้งวัน พี่เชี่ยนมาหาผมเหรอ?” 

 

 

ตอนนี้หลิวลี่รู้สึกนับถือทหารหน่วยรบพิเศษมาก นี่มันไม่ใช่อาชีพที่คนทั่วไปจะมาทำก็ได้ หลายวันมานี้เขารู้สึกเหมือนร่างจะแยกขาดออกจากกัน ร่างกายเหนื่อยจนไม่รู้จะเหนื่อยยังไงแล้ว  

 

 

“อืม” 

 

 

“งั้นพี่นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวผมไปชงชามาให้” 

 

 

“ขอบใจ” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนมองไปรอบบ้านแล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ตรงจุดหนึ่งในห้องรับแขก เธอสังเกตเห็นบนชั้นวางโทรทัศน์มีตุ๊กตาถักรูปหมาตัวเล็ก เธอเคยเห็นที่บ้านของหูเหม่ยจิ้ง ดูเหมือนหูเหม่ยจิ้งจะชอบทำงานเย็บปักถักร้อย ทุกครั้งที่ไปบ้านมักจะเห็นอุปกรณ์ถักบนโซฟา 

 

 

“เสี่ยวลี่ ตุ๊กตาตัวนั้นพี่เหม่ยจิ้งเป็นคนทำหรือเปล่า?” 

 

 

หลิวลี่มองไปตามที่เสี่ยวเชี่ยนชี้แล้วพยักหน้า “ใช่ๆ” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเดินไปหยิบขึ้นมาแล้วบีบๆดู นี่มันหมาป่าชัดๆ ใช้กระดุมแบบพิเศษมาเย็บเป็นตา ดูแล้วน่ารักแบ๊วไม่เบา 

 

 

“พี่เหม่ยจิ้งมาบ้านนายบ่อยๆเหรอ?” 

 

 

“ใช่แล้ว วันหยุดเขาก็จะมาที บางครั้งคุยกับแม่ตั้งนาน พี่เขาทำกับข้าวอร่อยมากเลยนะ” 

 

 

“อ่อ คุยถูกคอกับอาจารย์ได้ไม่ใช่คนธรรมดาเลยจริงๆนะ” เสี่ยวเชี่ยนจงใจพูดชี้นำ 

 

 

เด็กคนนี้อายุยังไม่มาก ยังอ่อนต่อโลก การจะล้วงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ออกจากปากไม่น่ายาก 

 

 

ตามคาด หลิวลี่ร่ายยาวออกมาทันที 

 

 

“ใช่ไหมล่ะ นิสัยอย่างแม่ผมใครจะไปทนไหว บางครั้งแม่ใส่อารมณ์กับพี่เหม่ยจิ้งด้วย ผมนั่งฟังยังรู้สึกแย่เลย แต่พี่เหม่ยจิ้งกลับไม่โกรธ อีกทั้งยังยอมเรียกเป็นแม่บุญธรรมด้วย” 

 

 

“อาจารย์ใส่อารมณ์เรื่องอะไรเหรอ?” 

 

 

“บางครั้งก็เรื่องงาน พี่เหม่ยจิ้งเป็นคนใจดีมาก เอาง่ายๆก็คือเป็นคนซื่อเกินไป โดนรังแกในที่ทำงานบ่อยๆ เพื่อนร่วมงานชอบมาขอแลกเวรกับเขา บางครั้งเจอเด็กที่ดูแลยากก็จับมายัดไว้ห้องพี่เหม่ยจิ้ง เล่นเอาพี่เขาเหนื่อยทุกวัน แม่ผมเห็นทีก็ว่าที มีครั้งหนึ่งโกรธมากถึงกับจะตามไปคุยกับครูใหญ่” 

 

 

ฟังดูก็ปกติดี อาจารย์ค่อนข้างให้ความสนใจในตัวผู้หญิงคนนี้ เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ศาสตราจารย์หลิวเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ยิ่งถ้าถูกใจใครก็ยิ่งจะด่ามากเป็นพิเศษ ถ้าชอบถึงขนาดเสี่ยวเชี่ยนเวลาโกรธมากๆก็จะลงไม้ลงมือ 

 

 

งั้นก็ไม่เหมือนกับวางแผนไม่ดีไว้…เสี่ยวเชี่ยนตัดสินใจลองคิดไปด้านอื่น 

 

 

“เสี่ยวลี่ ก่อนหน้านี้ฉันเคยเจอซาลาแมนเดอร์เพื่อนพี่ชายนาย เขาเป็นห่วงนายมากนะ” 

 

 

“หา พี่เจิงน่ะเหรอ พี่เขาส่งของเล่นมาให้ผมทุกฤดูเลยนะ ผมบอกพี่เขาไปแล้วว่าผมทำงานแล้วไม่เล่นไอรอนแมนแล้วพี่เขาเลยส่งเสื้อผ้ามาแทน หลายวันก่อนส่งผลไม้มาให้แม่ลังนึงด้วย เห็นบอกว่าที่บ้านเขาปลูก” 

 

 

หลังจากที่ซาลาแมนเดอร์ปลดประจำการแล้วก็กลับบ้านเกิดไปเป็นหมอ เขาไม่เคยลืมหัวหน้าโลนวูล์ฟของเขา 

 

 

“นั่นสิ ซาลาแมนเดอร์ยังบอกกับฉันด้วยว่าแปปเดียวนายโตเป็นหนุ่มแล้ว ใกล้จะมีแฟนแล้ว ไม่ได้ร่วมงานมงคลของพี่นายแต่เขาอยากไปงานของนายนะ” 

 

 

“เฮ้อ พี่ผม…” พอนึกถึงพี่ชายหลิวลี่ก็เศร้าใจ 

 

 

“ถ้าพี่ไม่เกิดเรื่องตอนนี้ผมก็คงกลายเป็นอาแล้ว ตอนพี่หมั้นตอนนั้นผมสอบเข้ามอปลายพอดี แม่ให้ผมไปอยู่โรงเรียนประจำของเอกชนเลยไม่ได้กลับมา ได้ยินว่าผู้หญิงที่พี่หามานิสัยแย่มาก ชอบอาละวาด พี่ผมต้องคอยยอมให้บ่อยๆ ถ้าผู้หญิงคนนั้นนิสัยแบบพี่เหม่ยจิ้งไม่แน่พี่ก็คงไม่เสียสมาธิตอนทำงาน…”