อวี้ถังเป็นคนใจกว้างคนหนึ่ง
ไม่อย่างนั้นเวลาหลายปีที่อยู่สกุลหลี่ นางก็คงถูกคนสกุลหลินบีบให้เป็นบ้าไปนานแล้ว
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว นางก็ไม่อาจคิดมากอีก
เพียงทำตามการปรึกษาหารือของพวกเขาก็เพียงพอแล้ว
ทางอาจารย์เฉียนกล่าวว่า หากจะเอาภาพคืนสู่สภาพเดิม ทั้งต้องทำของปลอมให้พวกเขา ลอกภาพออกมาสามแผ่น ไม่อาจส่งของให้ในเวลาสั้นๆ ไม่ว่า แต่ยังต้องเพิ่มเงินอีกสามสิบตำลึง
อวี้เหวินตัดสินใจอย่างฉับไว ขอยืมเงินกับเถ้าแก่รองถงลับๆ สามสิบตำลึง สัญญาว่าหลังจากกลับหลินอันจะคืน ยังกลัวว่าเถ้าแก่รองถงจะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป อาจทำให้คนอื่นสงสัยจุดประสงค์การมาหังโจวของพวกเขา อวี้เหวินจึงขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่าให้เถ้าแก่รองถงเก็บเป็นความลับ “อย่างไรข้าก็เป็นซิ่วไฉ เรื่องนี้หากเผยแพร่ออกไปคงขายหน้าแย่ เจ้าก็ช่วยข้าปกปิดหน่อยเถิด”
แต่ในความเป็นจริงนั้นกลัวว่าจะมีคนสงสัยจุดประสงค์ในการมาหังโจวของพวกเขา
บัณฑิตตกอับนั้นมีถมเถไป กระทั่งขุนนางบางคนก็ไร้เงินในมือเช่นกัน เถ้าแก่รองถงพบเจอมามาก เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านวางใจ เรื่องนี้ข้าไม่บอกใครหรอก” จากนั้นก็ให้อวี้เหวินเขียนหลักฐานการยืมเงิน เก็บไว้ในคลังเก็บสินค้าของโรงรับจำนำ “ที่นี่น่าเชื่อถือกว่าคลังเก็บสินค้าของศาลาว่าการเมืองหังโจวเสียอีก ท่านวางใจเถิด!”
หากอวี้เหวินไม่เชื่อมั่นในโรงรับจำนำสกุลเผย ก็คงไม่มายืมเงินที่นี่หรอก
เขาขอบคุณเถ้าแก่รองถงเป็นมั่นเป็นเหมาะ เวลานี้จึงกลับไปโรงเตี๊ยม
อวี้ถังอยู่ในโรงเตี๊ยมไม่มีอะไรทำ ทั้งสองวันนี้ไม่เพียงใช้เวลาหมดไปกับการทำปิ่นดอกไห่ถังคู่ให้มารดา แต่ยังทำปิ่นดอกเหมยกำมะหยี่สีแดงให้เถ้าแก่เนี้ยของโรงเตี๊ยม
หลังจากที่เถ้าแก่เนี้ยได้รับก็ดีใจยกใหญ่ ชมว่านางทำปิ่นดอกไม้ได้อย่างงดงาม ยังกล่าวว่า “หลายปีมาแล้วที่ข้าไม่ได้เห็นของที่ประณีตงดงามเช่นนี้ เจ้าอยากจะใช้สิ่งนี้หารายได้ให้ตัวเองบ้างหรือไม่? หากเจ้าสนใจ ข้าสามารถช่วยเจ้าถามร้านฮวาเฟิ่นของสกุลไช่ได้ว่ารับซื้อเท่าใด? หลังจากเจ้ากลับไปหลินอัน สามารถส่งปิ่นดอกไม้ที่ทำเสร็จแล้วให้เถ้าแก่ใหญ่ถงของโรงรับจำนำพาเข้ามาได้ ข้าจะช่วยเจ้านำไปขายในร้านฮวาเฟิ่นของสกุลไช่”
ทั้งสองชาติของอวี้ถังล้วนไม่ได้นึกถึงว่าจะใช้สิ่งนี้ในการหาเงินได้ นางอดลังเลอยู่บ้างไม่ได้ “ปิ่นดอกไม้ของข้าดีขนาดนั้นเลยรึ? ร้านฮวาเฟิ่นจะยินดีอย่างนั้นรึ? ข้าไม่รู้ว่าในหนึ่งเดือนจะสามารถทำได้กี่อัน ในใจยังไม่มีแผนอันใดเลย”
เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้ามีใจจะทำการค้าขายสิ่งนี้จริงๆ ก็กลับไปครุ่นคิดดีๆ เสีย ดูว่าเดือนหนึ่งเจ้าสามารถทำได้กี่อัน แต่ละอันต้องใช้ต้นทุนเท่าใด? รอเจ้าได้คำตอบแล้วค่อยมาหาข้าก็ไม่สาย อย่างไรข้าก็อยู่ที่นี่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแค่เจ้ามาก็หาข้าเจอแล้ว”
อวี้ถังขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช้เวลาว่างหลายวันนี้ทำปิ่นดอกไม้ติดต่อกันเจ็ดแปดอัน ประจวบเหมาะที่อวี้หย่วนกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าพอดี นางยังเรียกอวี้หย่วนขอให้เขาช่วยนางคิดต้นทุน
นี่หากไม่คำนวณก็ไม่รู้จริงๆ พอคำนวณดูถึงกับตกใจ
แค่ปิ่นดอกไม้เจ็ดแปดอัน เสียเงินไม่ถึงสิบอีแปะ อย่างน้อยดอกหนึ่งขายสามสิบอีแปะ ก็ได้เงินมากมายแล้ว
อวี้หย่วนทำท่าคล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่ ปรึกษากับอวี้ถัง “เจ้าว่าพวกเราทำการค้าขายนี้จะเป็นอย่างไร?”
บางครั้งหากมีเวลาว่างทำปิ่นดอกไม้ไม่กี่อันเพื่อช่วยภาระค่าใช้จ่ายในบ้านนั้นย่อมได้ แต่ทำการค้านี้ระยะยาว อวี้ถังไม่เคยนึกถึงมาก่อน แต่เรื่องที่อวี้หย่วนอยากทำ นางล้วนสนับสนุนทั้งนั้น
“เช่นนั้นท่านพี่ไปสำรวจความต้องการในตลาดดู!” อวี้ถังกล่าว
อวี้หย่วนครุ่นคิดเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังคงถอนหายใจ เผยรอยยิ้มขมขื่นอยู่บ้าง “อย่างไรก็ปล่อยไปก่อนเถิด! ท่านพ่อนั้นต้องการลงแรงส่งเสริมร้านเครื่องลงรักของพวกเรา”
อวี้ถังไม่เคยเดินเล่นที่เมืองหังโจวดั่งเช่นตอนนี้มาก่อน คิดว่าร้านค้าของสกุลนั้นดีมาโดยตลอด ยามนี้มาเที่ยวเล่นที่เมืองหังโจว จึงรู้สึกว่าหลินอันเล็กไปอยู่บ้าง เข้าใจอวี้หย่วนว่าเหตุใดเขาจึงทำตัว ‘ไม่เหมาะสม’ อยู่บ้าง แต่บางเส้นทาง อวี้หย่วนจำเป็นต้องเดินด้วยตนเอง สัมผัสด้วยตนเอง เลือกด้วยตนเอง ทั้งช่วงชิงด้วยตนเอง
นางเผยยิ้ม ถามเรื่องทางอาจารย์เฉียนขึ้นมา “หลายวันนี้ท่านพี่อยู่ที่นั่น ราบรื่นดีหรือไม่?”
“ราบรื่นดี!” อวี้หย่วนกล่าว “ฝีมือของอาจารย์เฉียนนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง”
รอจนยามที่เขานำงานที่เสร็จกลับมา ทุกคนพากันส่องซ้ายมองขวา กลับมองไม่ออกว่าแตกต่างกับภาพต้นฉบับอย่างไร อวี้เหวินถึงกับประหลาดใจ อยากทำความรู้จักอาจารย์เฉียนเป็นอย่างมาก แต่ถูกอาจารย์เฉียนปฏิเสธอย่างตรงๆ อวี้เหวินผิดหวังไม่น้อย แต่รู้ว่าเรื่องเช่นนี้ไม่อาจดึงดันได้ จึงจัดเก็บสัมภาระเตรียมที่จะกลับหลินอัน
อวี้ถังให้อวี้หย่วนไปตรอกขายเครื่องแป้งเครื่องประดับผมเป็นเพื่อนนาง ซื้อวัสดุและอุปกรณ์ในการทำปิ่นดอกไม้ ก่อนที่จะเดินทางกลับหลินอัน อวี้เหวินวางแผนจะพาพวกเขาไปกล่าวขอบคุณเผยเยี่ยนด้วย
แต่เผยเยี่ยนและโจวจ้วงหยวนไปเมืองไหวอัน
ตามที่เถ้าแก่รองถงกล่าว หลานชายของโจวจ้วงหยวนย้ายมาเป็นข้าหลวงที่ไหวอัน โจวจ้วงหยวนจึงลากเผยเยี่ยนไปด้วยกัน
อวี้เหวินอิจฉาไม่น้อย “อ่านหนังสือหมื่นเล่ม เดินทางหมื่นลี้ ก็ไม่รู้ว่าวันใดข้าจะสามารถเป็นเช่นนี้ได้บ้าง”
ล่องเรือควบม้าล้วนมากอันตราย อวี้ถังกลับไม่อยากให้อวี้เหวินเดินทางไกล
นางกล่าวไปตรงๆ “นั่นเพราะว่านายท่านสามสกุลเผยและโจวจ้วงหยวนล้วนมีคนรู้จักมักคุ้น อย่างไรท่านอยู่บ้านเป็นเพื่อนท่านแม่กับข้าดีกว่า!”
อวี้เหวินหัวเราะเสียงดัง ลูบเส้นผมนุ่มลื่นของลูกสาว กล่าวด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถิด ข้าก็เพียงอิจฉาเท่านั้น ให้ข้าทิ้งเจ้าและแม่เจ้าออกไปเที่ยว สามวันสี่วันยังพอว่า แต่หากนานไปก็คงไม่ไหว”
อวี้ถังกระตุกยิ้มขึ้นมา
พวกเขาขอบคุณเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ยของโรงเตี๊ยม ก่อนจะขึ้นเรือที่ท่าเรือเล็กๆ ซึ่งไม่ไกลจากโรงรับจำนำสกุลเผย
การเดินทางนั้นราบรื่น ไม่ถึงสองชั่วยามก็เห็นท่าเรือเสาซีในครรลองสายตา
ป้ายของโรงรับจำนำสกุลเผยยังคงปลิวไสวสู้ลม ท่าเรือก็คึกคักอยู่เช่นนั้นไม่เปลี่ยน
อวี้ถังรู้สึกคล้ายจากไปเกือบครึ่งปี เสียงจ้อกแจ้กจอแจพวกนั้นเปลี่ยนเป็นคุ้นเคยขึ้นมา
นางกระโดดลงจากเรือ
เถ้าแก่ถงตะโกนบอกนางจากไกลๆ “ช้าหน่อย ช้าหน่อย ระวังตกน้ำเอา”
อวี้ถังหัวเราะ เข้าไปคารวะเถ้าแก่ถง
เถ้าแก่ถงเดินเข้ามาหาอย่างอารมณ์ดี กล่าวทักทายอวี้เหวิน “น้องข้าบอกว่าพวกเจ้าจะกลับมาวันนี้ เมื่อครู่ข้ายังคิดว่าไฉนพวกเจ้าจึงยังไม่ถึง แต่พวกเจ้ากลับมาถึงพอดี ไปหังโจวราบรื่นดีหรือไม่?”
“ราบรื่นดี!” อวี้เหวินและเถ้าแก่ถงเดินเคียงคู่ไปด้านหน้า ทั้งกล่าวขอบคุณเขาไปพลาง “หากไม่ใช่เพราะน้องชายเจ้า ลูกสาวของข้าคงแย่ไม่น้อย” ก่อนจะเล่าเรื่องที่เชิญหมอให้เถ้าแก่ถงฟัง
อวี้ถังโมโหอยู่ด้านข้าง “ท่านพ่อ ท่านพูดกับเถ้าแก่ถงก็พอแล้ว อย่าได้ไปพูดกับใครอีกนะเจ้าคะ”
อวี้เหวินและเถ้าแก่ถงชะงักไป คล้อยหลังก็หัวเราะขึ้นมา “สาวน้อยอายเสียแล้ว ภายหลังพวกเราย่อมไม่พูดแล้ว ไม่พูดแน่นอน”
เถ้าแก่ถงเชิญอวี้เหวินไปดื่มชา พักผ่อนในร้าน
อวี้เหวินเป็นห่วงคนสกุลเฉินที่รออยู่ที่เรือน จึงปฏิเสธอย่างสุภาพไป
ด้านอวี้ถังก็มอบปิ่นดอกไม้ที่ตัวเองทำให้กับพวกหญิงสาวในสกุลถง
นายหญิงถงและนายหญิงเล็กถงล้วนชื่นชอบเป็นอย่างมาก รู้ว่าอวี้ถังทำเอง ก็นำผ้าเช็ดหน้าไม่ก็ถุงเท้ามอบให้เป็นการตอบแทน ยังกำชับกับอวี้ถังว่าหากว่างๆ ก็เข้ามาเที่ยวเล่นที่นี่พร้อมคนสกุลเฉินได้
อวี้ถังรับปากทั้งรอยยิ้ม
หลังจากกลับถึงบ้านก็เริ่มแจกจ่ายของที่ตัวเองทำอย่างใจกว้าง
คนสกุลเฉิน ป้าเฉิน ซวงเถา หม่าซิ่วเหนียง นายหญิงหม่า…พวกหญิงสาวของสกุลนายท่านอู๋ข้างบ้านก็มอบกล่องไม้เล็กๆ ให้เช่นกัน
ทุกคนต่างพากันชมฝีมือของอวี้ถัง มีเพียงคนสกุลเฉินที่ถามอวี้ถังอย่างสงสัย “นี่เจ้าทำเองจริงๆ รึ? ไม่ใช่ซื้อมาหรอกหรือ?”
อวี้ถังจึงทำตรงนั้นให้คนสกุลเฉินอีกอัน
คนสกุลเฉินตกใจเป็นอย่างยิ่ง กอดอวี้ถังทั้งรอยยิ้ม “เจ้าเด็กคนนี้ คาดไม่ถึงว่าจะมีฝีมือเช่นนี้ ไปร่ำเรียนมาเมื่อใด? ไฉนข้าจึงไม่รู้?”
อวี้ถังไม่บอกคนสกุลเฉิน
จนถึงยามเย็น ยามที่คนสกุลเฉินและอวี้เหวินพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวก็ตำหนิตัวเองอยู่บ้าง “แม้จะกล่าวว่าข้าป่วย ไม่มีเวลามาดูแลทุกเรื่องของอวี้ถัง แต่ข้ายังคงละเลยนางเกินไป กระทั่งนางทำปิ่นดอกไม้เป็น ข้าก็ยังไม่รู้”
อวี้เหวินกลับนึกถึงเรื่องแผนที่นั้น พึมพำตอบกลับ “รีบนอนเถิด! เจ้าก็อย่าคิดมาก ตอนนี้อาถังมีความคิดความอ่านแล้ว ภายหลังนางสามารถประคับประคองครอบครัวขึ้นได้ ไม่แน่ว่าพวกเราจะได้เสวยสุขจากนางจริงๆ”
———————