ตอนที่ 44 ตุ๋นไก่บำรุงร่างกาย
จี้เจี้ยนอวิ๋นปล่อยมืออย่างสบายใจขณะได้รับการพยุงให้นอนลงบนเตียง จากนั้นซูตานหงก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดมือของเขา
ชายหนุ่มมองภรรยาของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกโล่งใจ เขาไม่ได้ปกปิดเรื่องอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า ตอนนี้เขาขาเดี้ยงไปเล็กน้อยแล้ว และคิดว่าภรรยาจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
จี้เจี้ยนอวิ๋นมองเธอแล้วก็เอ่ยหยั่งเชิง “ภรรยา คุณเห็นเท้าของผมแล้วหรือยังครับ?”
“เห็นแล้วค่ะ” ซูตานหงมองหน้าเขา
“นั่น…” จี้เจี้ยนอวิ๋นหยุดพูดและมองหน้าเธอ
ซูตานหงเลิกคิ้ว “ทำไมเหรอคะ คุณอยากให้ฉันหาผู้ชายคนใหม่ คิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับฉัน? อยากให้ฉันบินจากคุณไปงั้นเหรอคะ?”
จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกอึดอัดอย่างมากเมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น แต่ช่างเถอะ เขาคิดอะไรแบบนี้เอาไว้แล้ว ตัวเขาตอนนี้มันไร้ประโยชน์จริง ๆ นั่นแหละ…
“จี้เจี้ยนอวิ๋น คุณนี่สุดยอดจริง ๆ …”ซูตานหงยิ้มขณะจ้องมองเขา “เป็นเพราะบาดเจ็บหนักขนาดนี้ คุณเลยไม่ต้องการแม้กระทั่งภรรยากับลูกคุณใช่ไหม? คุณแน่ใจเหรอ? ฉันบอกได้เลยว่าหลังผ่านหมู่บ้านนี้ไปแล้วมันจะไม่มีอะไรเลย ร้านค้าก็มีแค่ตรงนี้ ถ้าคุณไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้วล่ะก็ เชิญ…”
“ตานหง ผมสำนึกแล้ว ผมสำนึกแล้ว! ผมแค่กังวลว่าคุณจะดูถูกผม สภาพของผมเป็นแบบนี้แล้ว ผมไม่คู่ควรกับคุณจริง ๆ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
เหตุใดเขาต้องปล่อยมือจากภรรยาแสนสวยแบบนี้ไปด้วย? ถ้าเปลี่ยนเป็นภรรยาคนเก่า เขาอาจจะปล่อยมือไปจากเธอ แต่ในเมื่อเป็นภรรยาคนนี้แล้ว เขาจะเต็มใจปล่อยมือไปได้อย่างไร? ต่อให้เขาต้องพึ่งพาเธอ เขาก็จะต้องไม่ปล่อยมือจากเธอ และยิ่งตอนนี้ภรรยาของเขามีลูกของพวกเขาอยู่ในท้องด้วย เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปหรอก
“ถ้าคุณสำนึกแล้ว ก็ช่วยทำให้ฉันรู้สึกดีด้วยเถอะค่ะ ตอนนี้ท้องของฉันแก่จนใกล้คลอดในอีกไม่นานแล้ว ฉันไม่สามารถรอคุณได้นานขนาดนั้นหรอก ฉันจะให้เวลาคุณอย่างมากครึ่งเดือน คุณต้องปฏิบัติตัวดี ๆ กับฉันและรักษาตัวให้ดี หลังจากนั้นคุณก็มาดูแลพวกเราแม่ลูกด้วย!” ซูตานหงเอ่ยอย่างขุ่นเคือง
แม้จะถูกภรรยามองค้อนใส่ แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขามีความสุขเพียงใด หินที่ถ่วงอยู่ในใจบัดนี้ถูกยกออกไปแล้ว
ภรรยาบอกกับเขาว่าเธอจะไม่ทิ้งเขา เธอจะอยู่กับเขา!
“ส่วนเรื่องที่คุณบอกว่าจะลาออกน่ะ คุณลาออกเสียเถอะค่ะ ลาออกแล้วจะเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? ถ้าคุณถูกขอให้ทำงานเมื่อไหร่ก็ค่อยไปทำ ถ้าทำไม่ได้ก็แค่กลับมาหาครอบครัวของเรา อย่างไรครอบครัวเล็ก ๆ ของคุณยังต้องการคุณอยู่นะคะ จะคิดว่าเป็นจุดจบเลยงั้นเหรอ?” ซูตานหงเอ่ยขณะหยิบเข็มกับด้าย
แม้เธอจะรู้สึกเศร้าไปด้วยเมื่อเห็นสามีหมดอาลัยตายอยาก แต่ในใจของซูตานหงก็มีความสุขเช่นกัน ตอนนี้ถือว่าเขาได้อุทิศตนให้กับกองทัพแล้ว จึงถือว่าเป็นการลาออกอย่างสุจริต ถ้าไม่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้น เธอก็ไม่รู้ว่าจะได้ใช้ชีวิตคู่อย่างแท้จริงกับเขาในตอนไหน ถึงแม้ว่าการลาออกจะเป็นการเสียสละราคาแพง แต่มันก็ปลอดภัยที่จะทำเช่นกัน
ซูตานหงจึงรู้สึกเป็นสุขอยู่ในใจยิ่งขึ้น ตราบใดที่สามีของเธอกลับมาอย่างปลอดภัย
“ตานหง” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองเธอ
“ทำไมคะ จะลุกเหรอ?” ซูตานหงจ้องมองเขาด้วยสายตาเชือดเฉือน “ถ้าในอนาคตคุณกล้าทำตัวไม่ดีต่อฉันล่ะก็ ฉันจะทำให้คุณเสียใจเลยคอยดู!”
“ตานหง ผมจะทำดีกับคุณแน่ ผมจะดีกับคุณตลอดชีวิตเลย!”จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยรัวเร็วด้วยความสัตย์จริง
ซูตานหงส่งเสียงพึมพำเบา ๆ ขณะรินน้ำวิเศษใส่แก้วให้เขาดื่ม จากนั้นหยิบแอปเปิลลูกหนึ่งมาปอกเป็นชิ้นและป้อนให้เขา แล้วทั้งคู่ก็กินกันจนหมดลูก
“คุณยังไปที่นั่นไม่ได้อีกนานเพราะว่ายังบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นช่วงนี้อย่าเพิ่งไปที่นั่นเลย แต่คุณจะต้องประหลาดใจที่ได้เห็นมันแน่ ๆ ค่ะ ทุกคนในหมู่บ้านต่างพากันประหลาดใจที่ได้เห็นมันมาแล้ว” ซูตานหงเล่าให้ฟังถึงสวนผลไม้ของพวกเขา
“ภรรยาของผมช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ทั้งพ่อกับแม่ผมปลูกแล้วไม่ขึ้นหมด แต่พอเป็นมือของคุณพวกมันกลับรอดชีวิต” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม
ซูตานหงมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว จากนั้นก็น้อมรับคำชมอย่างเต็มใจ “อย่าว่าอย่างนั้นเลยค่ะ ตอนนี้คนในหมู่บ้านพากันบอกว่าฉันเป็นคนนำโชคมาให้ครอบครัวที่สามารถทำอะไรที่อยากจะทำได้ไปแล้ว แถมยังมีบรรดาพรรคพวกของต้าเฮยอีกที่คนทั้งหมู่บ้านรู้สึกอิจฉาพวกมันขึ้นมา บอกว่าฉันเลี้ยงพวกมันดี ทั้งร่าเริงสดใสและเฝ้าบ้านได้ดีมาก”
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่ครับ พวกมันเป็นสุนัขที่ดีทั้งหมด ไม่แย่ไปกว่าตัวที่เราไม่ได้ฝึกมาเป็นพิเศษเลย”
“ถ้าคุณหายดีแล้ว คุณก็ฝึกต้าเฮยให้ดี ๆ ด้วยนะคะ ถึงตอนนั้นคุณจะได้มีสุนัขอารักขาที่ดีตอนอยู่ที่บ้านอย่างแน่นอน” ซูตานหงเอ่ย
“ตกลงครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าและถามถึงการล้อมรั้วรอบภูเขา “ที่ดินของเรามีขนาดไม่น้อยเลย ถ้าต้องล้อมรั้วก็จะต้องใช้เงินจำนวนมาก ครอบครัวของพวกเราจะมีเงินพอเหรอ?”
ในวันแรกของปีใหม่ ภรรยาของเขาได้จ่ายเงินไป 500 หยวน จากนั้นเธอก็ซื้อต้นกล้าผลไม้มาและจ้างให้คนอื่น ๆ มาทำงานลงกล้า มันไม่ต้องใช้เงินทั้งหมดเลยเหรอ?
เกรงว่าเงินเก็บที่มีอยู่ก่อนหน้านี้จะถูกใช้ไปหมดแล้วใช่ไหมนะ?
“อย่ากังวลเรื่องเงินไปเลยค่ะ งานปักผ้าของฉันเกือบจะเสร็จแล้ว ฉันสามารถหามาชดเชยได้ 400 หยวน แล้วก็ยังมีเก็บในตู้อีก 400 หยวน จะว่าไปแล้วฉันก็ให้คุณพ่อไป 600 หยวนเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ถือว่าพอใช้ไประยะหนึ่งล่ะค่ะ เนื่องจากค่าอิฐค่าปูนก็ไม่ได้แพงมากแล้วค่าแรงก่อสร้างก็ถูก จ่ายแค่เงิน 12 หยวนต่อเดือนพร้อมอาหารกลางวันหนึ่งมื้อเท่านั้น” ซูตานหงกล่าว
ตอนนี้การก่อสร้างกำแพงล้อมสวนเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งซูตานหงยังพอใจมากกับประสิทธิภาพการทำงานของคุณพ่อจี้ กำแพงอิฐที่ก่อขึ้นมามีความสูงมากกว่า 2 เมตรและมีความหนาไม่มากนักเพียง 30 เซนติเมตรเท่านั้น
แต่เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นได้ยิน เขาก็ย่นคิ้ว “ถ้าลองนับดูแล้ว มันต้องใช้เงินเป็นพัน ๆ หยวนในการสร้างกำแพงล้อมเลยนะ?”
“กำแพงอิฐนี้สามารถใช้งานได้นานหลายปีค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ปิดล้อมมัน เพื่อนบ้านจากข้างในและข้างนอกหมู่บ้านก็จะเข้าไปได้ ถ้าในอนาคตสวนของเราออกผลผลิตแล้ว จะไม่มีเด็กรุ่น ๆ กับเด็กเล็ก ๆ เข้าไปทำอันตรายพวกมันเหรอคะ?” ซูตานหงกล่าว
จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า
สวนผลไม้แห่งนี้ของครอบครัวเขานับว่าหาได้ยาก ในตอนนี้ยังไม่เป็นไรนักหรอก แต่ถ้าเป็นปีหน้า มันก็จะเกิดปัญหาขึ้นมากมายแน่ถ้าไม่ล้อมกำแพงไว้
ดังนั้นจึงต้องใช้จ่ายเงินไปกับเรื่องนี้
“ถ้าผมหายแล้วผมจะไปช่วยนะ!” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยในทันที
“อย่ากังวลไปเลยค่ะ ฉันจ่ายเงินจ้างคนมาช่วยงานเป็นสิบ ๆ หยวนต่อเดือนแล้ว ถ้าทำเองคงไม่ไหวแน่ ๆ ค่ะ มันเหนื่อยแค่ไหนล่ะคะ? แล้วในอนาคตคุณก็ต้องอยู่ในหมู่บ้านของเราด้วย คุณกลัวว่าจะไม่มีงานทำเหรอคะ?” ซูตานหงเอ่ยกับเขา
เมื่อทั้งสองสามีภรรยากำลังพูดคุยกัน มันก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสองโมงแล้ว ซูตานหงจึงนำน้ำแกงไก่ดำตุ๋นมาให้ หลังจี้เจี้ยนอวิ๋นให้เธอได้กินน้ำแกงถ้วยหนึ่งแล้ว เขาก็จัดการกินส่วนที่เหลือจนไก่หมดเกลี้ยงทั้งตัว
เขาเป็นคนกินจุมาโดยตลอด โจ๊กพุทราจีนสามชามที่กินตั้งแต่ตอนเที่ยงวันได้ถูกย่อยสลายกลายเป็นปัสสาวะไปจนหมดแล้ว
หลังกินเสร็จแล้วซูตานหงก็งีบพักพร้อมกับเขา เมื่อถึงหนึ่งชั่วโมงผ่านไปเธอก็ตื่นด้วยตัวเองและปล่อยให้จี้เจี้ยนอวิ๋นนอนต่อ
หญิงสาวออกมาทำอาหารเย็น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารรสอ่อน แต่เธอก็ยังตุ๋นเนื้อวัวไว้เผื่อให้ชายหนุ่มกินด้วยเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าไร้รสชาติเกินไป
หลังตุ๋นทุกสิ่งทุกอย่างไว้แล้ว ซูตานหงก็มาหาคุณแม่จี้
เนื่องจากยังต้องตุ๋นไก่ให้จี้เจี้ยนอวิ๋นกินเพื่อบำรุงร่างกายอยู่ เธอจึงไม่อาจปกปิดเรื่องของจี้เจี้ยนอวิ๋นไว้ได้ และจำต้องสารภาพกับนาง
ในตอนแรกคุณแม่จี้ก็รู้สึกกังวล แต่เมื่อได้ยินว่าลูกชายปลอดภัยแล้วและต้องการพักผ่อนไปชั่วระยะหนึ่ง นางก็โล่งใจ
“เขากลับไปทำงานในกองทัพไม่ได้อีกแล้วเหรอ?”
คุณแม่จี้ได้ยินเรื่องนี้แล้วก็ยังคงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นางคิดว่าเขาน่าจะได้อยู่สร้างเกียรติยศต่อเสียอีก
………………………………………………