บทที่ 46 ผีหลอก

จางซิ่วเอ๋อยืนอยู่ตรงนั้นและมองแม่เฒ่าจางด้วยสายตาเย็นเยือก “ในเมื่อท่านย่ารังเกียจข้าขนาดนี้ งั้นหลังจากนี้ก็ถือว่าไม่มีหลานสาวอย่างข้าก็แล้วกัน! จะได้ไม่ต้องมาไร้ความสุขต่อกันด้วย!”

พูดถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็เดินผ่านแม่เถาไปอย่างรวดเร็วไปทางที่พักของตนเอง

แม่เฒ่าจางเห็นจางซิ่วเอ๋อไปทั้งแบบนี้จะยอมเลิกราง่าย ๆ ได้อย่างไร นางไล่กวดตามไปทันที

จางซิ่วเอ๋อเองก็ไม่โง่ เวลานี้วิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดที่ตัวเองทำได้

พอถึงแนวป่า พวกคนที่มามุงรวมถึงแม่เฒ่าจางก็ไม่กล้าเดินเข้าไปด้านใน

มีคนในนั้นพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “นังซิ่วเอ๋อนี่ใจกล้าดีจริง ๆ ถึงกับอยู่ที่แบบนี้ได้ ครั้งก่อนคนตระกูลหลี่หวังจะเดินทางลัดเลยผ่านแถวนี้ ตอนกลับไปถึงกับจับไข้เลยทีเดียว!”

“ใช่ ๆ ข้าก็เคยได้ยินว่ามีคนเห็นเงาผีที่นี่ด้วย!”

แม่เฒ่าจางมองแผ่นหลังที่หายไปของจางซิ่วเอ๋อด้วยสีหน้าไม่สู้ดี นางเองก็ไม่กล้าไล่ตามไปต่อ กลับมองแม่เถาด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าเข้าไป! จับนังตัวดีนั่นกลับมาให้ข้า วันนี้ข้าจะสั่งสอนนาง! นางแทบไม่มีย่าอย่างข้าอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ!”

ด้วยความที่แม่เฒ่าจางกระทำต่อจางซิ่วเอ๋อเกินไปอย่างแท้จริง เวลานี้จึงไม่มีใครรู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อทำเกินไป

นางโดนแม่เฒ่าจางบีบคั้นไม่ใช่หรือ?

ดูสิ เด็กสาวที่ดีขนาดนี้ ต้องมากลายเป็นแบบนี้เพราะมีย่าที่หวังแต่ผลประโยชน์ไม่ใช่หรือ?

แม่เถาไม่อยากไปเลยสักนิด ที่ตรงนี้ออกจะอาถรรพ์ขนาดนั้น ใครล่ะจะอยากเข้าไป?

นางจึงเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ ข้าไม่กล้าเจ้าค่ะ”

“ข้าจะเลี้ยงเจ้าไว้ทำไมเนี่ย? นี่ก็ไม่กล้านั่นก็ไม่กล้า!” แม่เฒ่าจางเอ่ยสั่งสอน

แม่เถาก็นึกน้อยใจ ขนาดตัวแม่เฒ่าจางเองยังไม่กล้าเข้าไป เวลานี้ยังมีหน้าขอให้นางเข้าไปอีก!

พอเห็นแม่เถาไม่ขยับตัว แม่เฒ่าจางจึงกัดฟันแล้วเอ่ย “เจ้าไปจับตัวนังตัวดีมาให้ข้า เดี๋ยวข้าไปหั่นเนื้อให้สือโถวของเจ้า!”

แม่เถาได้ยินก็ตาเป็นประกายเล็กน้อย “งั้นต้องตักถ้วยแยกให้สือโถวของเรานะเจ้าคะ ไม่อย่างนั้นถึงตอนนั้นได้เข้าปากสือโถวแค่ไม่กี่ชิ้น”

พูดถึงตรงนี้ แม่เถาก็มองจางอวี่หมินอย่างมีความหมาย

เฮอะ คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสนักเหรอ ตะกละยิ่งกว่าใคร ขี้เกียจยิ่งกว่าใคร ไม่ได้ทำงานใด ๆ เลยมาครึ่งชีวิต แต่พอในบ้านมีของอร่อยอะไรก็ลงท้องจางอวี่หมินหมด! แถมกินเร็วยิ่งกว่าใครทั้งสิ้น!

ตอนนี้แม่เฒ่าจางกำลังเดือดอยู่ อยากจะสั่งสอนจางซิ่วเอ๋อให้ได้ จึงโวยวายเสียงดัง “ข้ารับปากแล้วไม่ใช่เหรอ? รีบไปสิ!”

แม่เถาถึงยอมเดินเข้าไปข้างใน

นางเดินวนอยู่แถวประตูที่ลงกลอนอยู่พักนึงถึงเจอรอยโหว่ตรงกำแพง และเดินเข้าไปด้านใน

ครั้นเข้ามาในลานบ้านได้ นางก็เงยหน้ามาเจอกับต้นไม้คอเบี้ยว

ใช่ว่าแม่เถาไม่เคยได้ยินเรื่องเล่าของต้นไม้คอเบี้ยวนี่แค่ครั้งเดียว พอเห็นต้นไม้คอเบี้ยวก็ต้องนึกกลัวอยู่แล้ว ที่สยองที่สุดคือมันมีเสื้อผ้าสีแดงหม่นแขวนอยู่บนต้นไม้คอเบี้ยวนี่ด้วย และดูเหมือนจะย้อมด้วยเลือดอีกต่างหาก

เลือดนั่นเป็นเลือดหมู จางซิ่วเอ๋อใช้เลือดหมูที่บ้านย้อมไปเมื่อก่อนหน้านี้ เพื่อใช้หลอกคนในสักวัน

เสื้อนั่นกำลังพลิ้วไหวตามแรงลม แลดูสยดสยองเหลือพรรณนา

แม่เถาตัวสั่น แทบจะใช้พลังทั้งหมดในร่างในการกลั้นเสียงตัวเองไม่ให้ร้องออกมา

ในตอนที่แม่เถาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเข้าไปดูด้านใน หรือจะหันหลังจากไปนั้น เวลานี้เองจางชุนเถาก็หยิบมีดปังตอออกมาแล้วพุ่งไปฟันใต้ต้นไม้ยกใหญ่

“ไอ้ผีผูกคอตายเวรตะไล! ข้าไม่กลัวเจ้า! ข้าไม่กลัวเจ้า!”

“ชุนเถา?” แม่เถาเห็นมีคนอยู่ ก็ลองตะโกนเรียกดู

แต่สภาพของชุนเถาตอนนี้ดูน่าพิศวงมาก นางหันมายิ้มเย็นให้แม่เถา “ไอ้แก่ไม่ยอมตาย ตอนข้าเป็นลูกสะใภ้เจ้า เจ้าก็เอาแต่รังแกข้า! ตอนนี้เป็นผีแล้วยังจะรังแกข้าอีกหรือ? ข้าจะฟันเจ้าให้ตายเลย!”

ว่าแล้วจางชุนเถาก็กวัดแกว่งมีดปังตอในมือไปมา

จางซิ่วเอ๋อวิ่งออกมาจากห้องด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เหมือนจะตกใจมากที่เห็นชุนเถาเป็นแบบนี้ นางรีบคุกเข่ากับพื้นพลางพนมมือภาวนา “ท่านเซียน ท่านเซียน ชุนเถาอายุยังน้อย ทนให้ท่านทรมานแบบนี้ไม่ไหวหรอก ท่านปล่อยชุนเถาไปเถอะ”

แม่เถาเห็นภาพพิศวงตรงหน้าแล้วก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งสันหลัง

ในตอนนี้จางชุนเถาได้เข้าไปใกล้แม่เถาแล้ว “ข้าจะฟันไอ้แก่ไม่ยอมตายอย่างเจ้าให้ตายเลย!”

ท่าทางมาดร้ายหมายเอาชีวิตของจางชุนเถาช่างน่าขนลุกขนพองเหลือคณา

แม่เถารีบถอยลนลาน ไม่ทันจะหนีก็ล้มลงกับพื้น

จางซิ่วเอ๋อกอดจางชุนเถาจากด้านหลังด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ป้าสะใภ้สาม! ชุนเถาโดนผีเข้าสิง ป้ายังไม่รีบไปอีก! เดี๋ยวชุนเถาคลุ้มคลั่งแล้วฟันโดนป้าจะทำอย่างไร?”

เมื่อได้ยินแบบนั้น แม่เถาจึงวิ่งหน้าตื่นออกจากบ้านในบัดดล

ในตอนนั้นเองเหมือนนางจะได้ยินจางชุนเถาร้องไห้โวยวายว่า “พี่ ข้าเห็นเสื้อตัวนั้นอีกแล้ว”

จางซิ่วเอ๋อปลอบอย่างลนลาน “ชุนเถาไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว เจ้ามองผิดแน่ ๆ ไม่ต้องกลัว….”

แม่เถานึกถึงเสื้อตัวนั้นที่ตัวเองเห็นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จึงไม่สนอะไรอย่างอื่นทั้งสิ้น ร้องโหยหวนขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปข้างนอกด้วยความเร็วสูงสุดที่เคยทำได้ในชีวิตประหนึ่งมีหมาป่าไล่ตามมาด้านหลัง!

ครั้นวิ่งออกจากป่าได้ นางก็ล้มลงกับพื้นด้วยหน้าซีดเผือด พูดตะกุกตะกัก “มีผี ข้า….ข้า….ข้าเห็น…..มีผี…”

แม่เถาพูดไปตัวสั่นไป ท่าทางหวาดกลัวสุดขีด

คนรอบ ๆ เห็นภาพนี้ก็มีสีหน้าตื่นกลัว

ตอนนี้แม่เถากำลังเล่าสิ่งที่ตัวเองเห็นด้านในด้วยเสียงตะกุกตะกัก

จากนั้นหญิงชราอายุมากคนหนึ่งก็พูดขึ้น “ชุนเถาเกือบตาย ไปวนอยู่หน้านรกมาแล้ว แถมกลายเป็นคนเอ๋ออีก พูดตรง ๆ คือนางทำวิญญาณหายไปแล้วนั่นแหละ ก็เป็นไปได้ที่ตอนนี้นางจะถูกผีเข้าสิง…..”

“ส่วนซิ่วเอ๋อนั้นมีดวงกินสามีจนคุณชายเนี่ยตาย ท่าทางนางจะดวงแข็งไม่น้อย ผีสางจึงไม่กล้าเข้าใกล้ ถึงอยู่ในนั้นได้และไม่เป็นอะไร”

คำอธิบายแบบนี้สมเหตุสมผลสุด ๆ!

แต่จางซิ่วเอ๋อไม่ได้ยิน ถ้านางได้ยินต้องรู้สึกนับถือแน่ ๆ

ในตอนนี้ทุกคนก็ไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป ขณะไปจากที่นี่ก็ลดเสียงลงและวิจารณ์กันเซ็งแซ่

ถึงจะพูดกันไปต่าง ๆ นานา แต่หลัก ๆ ก็เชื่อสิ่งที่หญิงชราสูงวัยคนนั้นพูด

ส่วนจางซิ่วเอ๋อกับจางชุนเถานั้นเมื่อเห็นแม่เถาไปแล้วจริง ๆ สองพี่น้องก็กอดกันหัวเราะอย่างมีความสุข

ผีสิงอะไรกัน? มีผีที่ไหนกัน?

ตอนที่จางซิ่วเอ๋อกลับมาถึง นางก็คิดขึ้นมาได้ว่าแม่เฒ่าจางคงไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ แน่ ต่อให้ไม่เข้ามาเองก็ต้องส่งคนเข้ามา

นางจึงคุยกับจางชุนเถาว่าจะแกล้งแสดงละคร

คนในหมู่บ้านชิงสือเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาก โดยเฉพาะพวกภูติผีปีศาจ ก่อนที่จางซิ่วเอ๋อกับจางชุนเถาจะเข้ามาอยู่ที่นี่ก็มีตำนานหลากหลายฉบับ

ดังนั้นทุกคนจึงนึกกลัวบ้านผีสิงนี่อยู่แล้ว

ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อยังมีรากฐานไม่มั่นคง นางจึงไม่อยากให้แม่เฒ่าจางมาก่อกวนบ่อย ๆ

…………………………………