ตอนที่ 91 ตามตัวหลิวอวี้เฉินที่บ้านสกุลหลิ่ว? / ตอนที่ 92 เจ้าของหอแห่งแรก (1)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 91 ตามตัวหลิวอวี้เฉินที่บ้านสกุลหลิ่ว? 

 

 

“…” 

 

 

คราวนี้ สีหน้าของเฟิงหรูชิงยิ่งรู้สึกเซ็ง 

 

 

ชายหนุ่ม? ฉินเฉิน? 

 

 

แต่เวลานี้ สิ่งหน้าของเฟิงหรูซวงแย่ยิ่งกว่า 

 

 

ยัยหมูตอนไม่รักหลิ่วอวี้เฉินแล้วหรือ เป็นไปได้อย่างไร วันๆ นางตามเขาแจไม่ใช่หรือ จะตัดใจปล่อยเขาไปได้อย่างไร 

 

 

เฟิงหรูซวงฝืนยิ้ม แววตาของนางดูจ๋อยๆ และรู้สึกผิด “ท่านพี่ ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ก่อนนี้ที่ข้าเจอหลิ่วอวี้เฉิน เขาเป็นคนบอกข้าเอง ข้าไม่รู้ว่าที่แท้แล้วเขาเป็นฝ่ายตามรังควานท่านพี่” 

 

 

คำพูดนี้เป็นการโยนความผิดทั้งหมดไปให้หลิ่วอวี้เฉิน ส่วนตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เกี่ยวข้องกับความผิดทั้งปวง 

 

 

อย่างไรเสียหลิ่วอวี้เฉินก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้ คำพูดจะจริงหรือเท็จ ไม่มีใครพิสูจน์อะไรได้ 

 

 

“หลิ่วอวี้เฉินคนนี้ ข้ามองเขาผิดไปจริงๆ ” มู่ชิงเอ๋อร์พูดด้วยความโกรธ “คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับขาวเป็นดำ ทำผิดเป็นถูก หากเรื่องนี้ไม่แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงก่อนหน้านี้ คนอื่นอาจเชื่อคำพูดของเฟิงหรูซวงก็ได้” 

 

 

“แต่ว่า หลิ่วอวี้เฉินคบกับถานซวงซวงไม่ใช่เหรอ เพื่อถานซวงซวง เขาปล่อยให้องค์หญิงต้องอยู่เรือนหอตามลำพัง แล้วเหตุใดเขาต้องหาเรื่องใส่ตัวอีก” เจาหยางขมวดคิ้ว ท่าทีแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เข้าใจเหตุผลที่หลิ่วอวี้เฉินทำเช่นนี้ 

 

 

ในทางตรงกันข้ามกลับไม่มีใครคิดสงสัยเฟิงหรูซวง 

 

 

เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆ พุ่งเป้าความสนใจไปที่หลิ่วอวี้เฉิน เฟิงหรูซวงก็รู้สึกโล่งอกขึ้นบ้าง 

 

 

เสด็จแม่เคยบอกไว้ พวกขุนนางใหญ่เหล่านั้นล้วนมีบทบาทสำคัญในราชสำนัก นางต้องรักษาความสัมพันธ์กับลูกหลานขุนนางใหญ่เหล่านั้นไว้ให้ดี ต่อไปพวกเขาอาจช่วยสนับสนุนสกุลสวี ยิ่งกว่านั้น เพื่อสกุลสวีแล้ว นางยังจงใจให้เฟิงหรูชิงทำร้ายคนเหล่านั้นด้วย 

 

 

แต่ขุนนางเหล่านั้นกลับใฝ่ใจไปที่สกุลน่าหลานเช่นเก่า 

 

 

ดังนั้น นางจึงคิดเล่นตุกติกกับลูกหลานขุนนางใหญ่พวกนี้ หากยาที่พวกเขาคิดค้นออกมาเป็นผลร้ายกับน่าหลานไต้เอ๋อร์ อย่างนี้สกุลน่าหลานจะต้องแตกหักกับพวกขุนนางใหญ่ และสกุลสวีก็จะได้ช่อง ไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะไม่สวามิภักดิ์ต่อสกุลสวี 

 

 

แต่ในแผนนี้กลับมองข้ามเฟิงหรูชิงไป มันเกินความคาดหมายของนางมาก 

 

 

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เฟิงหรูซวงก็เงยหน้าขึ้นมองเฟิงหรูชิงด้วยท่าทีระแวงระวัง จิตใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ด้วยเกรงว่านางจะพูดอะไรออกมาอีก 

 

 

“อย่างนี้นี่เอง!” เฟิงหรูชิงพูดด้วยอาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ข้ากับหลิ่วอวี้เฉินไม่เกี่ยวข้องกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมเขาต้องเที่ยวใส่ร้ายข้าด้วย ข้าจะไปคิดบัญชีกับเขาที่บ้านสกุลหลิ่วเดี๋ยวนี้ล่ะ!” 

 

 

ขณะนั้น เฟิงหรูซวงหน้าซีด แววตาของนางดูกระวนกระวายใจ 

 

 

ที่นางรู้สึกกลัวยิ่งกว่านั้นคือ ตั้งแต่รู้ว่าอาหารบำรุงสุขภาพของเฟิงหรูชิงช่วยลบเลือนรอยแผลเป็นได้จริง พวกหลินเยว่อิ่งก็เคารพนับถือเฟิงหรูชิงเป็นอันมาก 

 

 

ความเคารพนับถือแบบนี้ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็น แต่เก็บไว้เงียบๆ ในใจ ค่อยๆ หยั่งรากเติบโตอย่างมั่นคง 

 

 

“หลิ่วอวี้เฉินใส่ร้ายองค์หญิง เขาเป็นคนผิดชัดๆ องค์หญิงพวกเราจะตามท่านไปบ้านสกุลหลิ่วเพื่อคิดบัญชีกับเขา ถือเสียว่าเป็นการขอโทษที่พวกเราเสียมารยาทกับท่านในวันนั้น” 

 

 

แววตาของเจาหยางดูจริงใจ เขาพูดด้วยท่าทีแน่วแน่ 

 

 

“ข้าขอไปด้วย ข้าอยากรู้ว่าทำไมหลิ่วอวี้เฉินต้องทำแบบนี้ ทั้งๆ ที่เขาไม่รักองค์หญิง แต่กลับคิดใส่ร้ายทำลายเกียรติขององค์หญิง” 

 

 

สมัยก่อน พวกเขาล้วนรังเกียจเฟิงหรูชิง แต่ก็ไม่เคยมีใครเที่ยวใส่ร้ายนาง เพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่าชื่อเสียงอันเลวร้ายของเฟิงหรูชิงย่อมไม่เป็นผลดีต่อแคว้นหลิวอวิ๋น มีแต่จะทำให้แคว้นอื่นๆ หัวเราะเยาะเอาได้ 

 

 

ชื่อเสียงของนางเน่าเฟะพอแล้ว เหตุใดต้องทำให้มันเหม็นยิ่งขึ้นอีก ดังนั้น ต่อให้พวกเขารู้สึกขัดเคืองเท่าไร อย่างมากก็แค่พูดเหน็บแนมลับหลังเล็กน้อย ไม่เคยเที่ยวไปป่าวประกาศว่าร้ายอะไรนาง 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 92 เจ้าของหอแห่งแรก (1) 

 

 

เฟิงหรูซวงมองดูสีหน้าของคนเหล่านั้นอย่างงงๆ นางก็แค่ไม่ได้มางานพบปะเพียงครั้งเดียว ทำไม…เรื่องราวต่างๆ กลับกลายเป็นอยู่เหนือความควบคุมของนางไปแล้ว 

 

 

“บางทีหลิ่วอวี้เฉิน…อาจเข้าใจท่านพี่ผิดก็ได้” เฟิงหรูซวงยิ้ม “เพราะสมัยก่อนเพื่อให้ได้ตัวหลิ่วอวี้เฉินมา ท่านพี่จับคนรักแยกออกจากกัน การที่เขาเข้าใจผิดก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ท่านพี่ใจเย็นๆ เรื่องนี้ท่านพี่เป็นฝ่ายผิดก่อนไม่ใช่หรือ” 

 

 

ทันใดนั้นคนทั้งกลุ่มก็เงียบลง 

 

 

เป็นจริงดังนั้น ไม่ว่าเฟิงหรูชิงในปัจจุบันจะเป็นเช่นไร แต่เมื่อก่อนนางร้ายกาจเสียจนผู้คนพากันรังเกียจ การกระทำทั้งหมดที่นางทำลงไปเพื่อให้ได้หลิ่วอวี้เฉินมาทุกคนต่างรู้ดี ความเข้าใจผิดของหลิ่วอวี้เฉินจึงเป็นอะไรที่เข้าใจได้ 

 

 

มันไม่มีใครโทษเขาจริงๆ 

 

 

เฟิงหรูชิงหัวเราะ “ความผิดที่ข้าเคยทำมาทั้งหมดข้ายอมรับ แต่มันไม่ได้หมายความว่าข้าเต็มใจยอมรับการใส่ร้ายป้ายสีที่ไร้เหตุผล! เฟิงหรูซวงเจ้าเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหลิวอวิ๋นเป็นลูกสาวของเสด็จพ่อ! การใส่ร้ายข้าเท่ากับสร้างปัญหาให้เสด็จพ่อ ถือว่าเป็นการเนรคุณ การทำให้แคว้นหลิวอวิ๋นต้องเสียเกียรติ     ถือว่าไม่จงรักภักดี คนเนรคุณและไม่จงรักภักดีอย่างเจ้า มีหน้ามาสั่งสอนข้าหรือ” 

 

 

เฟิงหรูซวงหน้าแดง สีหน้าเต็มไปด้วยความอับอาย 

 

 

“อีกอย่าง” เฟิงหรูชิงมองดูเฟิงหรูซวงด้วยสายตาเหยียดๆ แล้วยิ้มเล็กๆ “ข้าเฟิงหรูชิง ไม่ต้องให้ใครมาสั่งสอนหรอก!” 

 

 

ยโส โอหัง คิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในปฐพี! 

 

 

แปะๆ ! 

 

 

จู่ๆ ก็มีเสียงปรบมือดังมาจากชั้นบนของหอแห่งแรก 

 

 

เฟิงหรูชิงแหงนหน้าขึ้นไปมอง ทันใดนั้น ภาพของคนในชุดสีม่วงทองก็กระทบมาที่ดวงตาของนาง 

 

 

ชายคนหนึ่งสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งของตน ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าทั้งหมดของเขา แต่เขาแตกต่างกับคนที่นางเคยเห็นมาทั้งหมด เมื่อเปรียบกับกั๋วซือที่ดูเย็นชาและสูงส่ง ฉินเฉินที่ดูสะอาดบริสุทธิ์  ชายคนที่อยู่ตรงหน้ากลับมีรังสีของความร้ายกาจ ดูอันตรายและมีเสน่ห์ หากเข้าใกล้ก็อาจถอนตัวไม่ขึ้น      อีกเลย” 

 

 

“เจ้าของ…หอแห่งแรก? เขาโผล่มาได้อย่างไรกัน” 

 

 

ความจริงแล้วกิจการของหอแห่งแรกมีมากมาย อาทิ ร้านขายยา ร้านอาหาร ธนาคาร บ่อนการพนัน หรือแม้แต่โรงค้าสัตว์วิเศษก็ยังมี 

 

 

เพียงแค่เจ้าของหอแห่งแรกมักไม่ทำตัวลึกลับน้อยครั้งที่จะปรากฏตัวในหอแห่งแรก แต่หน้ากากอันเป็นสัญลักษณ์ของเขาเหมือนจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเป็นเขา 

 

 

ส่วนคนที่อยู่ข้างๆ ชายคนนั้นก็คือชายแก่ที่ยืนอยู่ด้วยท่าทีนอบน้อม ชายแก่คนนี้มีสีหน้าแบบเดียวคือเขาไม่ขอยุ่งกับเรื่องของใครทั้งนั้น ชายคนนั้นเดินลงมาจากชั้นบน เขาเดินอย่างสง่า มุมปากเจือด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย นัยน์ตาสีทองมีประกายอันแปลกประหลาด 

 

 

เฟิงหรูชิงหยุดหายใจไม่รู้เพราะอะไร เมื่อชายคนนั้นยิ่งเข้าใกล้หัวใจนางยิ่งเต้นแรง ชายคนนั้นมีรังสีอำมหิตรุนแรง รุนแรงถึงขนาดทำให้บรรยากาศโดยรอบเงียบงันไปหมด 

 

 

เมื่อเห็นชายผู้นั้นเดินเข้าไปหาเฟิงหรูชิง เฟิงหรูซวงก็กำมือแน่น แววตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธเคือง 

 

 

แม้เฟิงหรูซวงไม่รู้ว่าในทวีปนี้หอแห่งแรกมีความสำคัญอย่างไร แต่นางรู้ว่าเวลาเสด็จพ่ออยู่กับเจ้าของหอแห่งแรก เสด็จพ่อมักจะให้เกียรติเขา หากเป็นพวกเดียวกับหอแห่งแรกได้ ต่อไปในสายตาเสด็จพ่อ สกุลสวีก็จะมีความสำคัญมากขึ้น หากปล่อยให้เฟิงหรูชิงได้ใกล้ชิดกับเจ้าของหอแห่งแรก สกุลหลิวของนางคงชนะยากขึ้น 

 

 

“เฟิงหรูชิงลูกสาวของน่าหลานฮองเฮา คนไม่เอาไหนในใต้หล้าทำเรื่องชั่วช้ามามากมาย รังแกผู้หญิงเพื่อแย่งผู้ชาย แยกคนรักออกจากกันทำแต่เรื่องเลวทราม” 

 

 

คำพูดทุกคำของชายคนนั้น ทำให้เฟิงหรูชิงสีหน้าเจื่อนลงเรื่อยๆชื่อเสียงอันเลวร้ายของนางกระฉ่อนไปทั่วทั้งใต้หล้า แม้แต่เจ้าของหอแห่งแรกก็ยังรู้