ตอนที่ 40 เธอคือฉินหร่าน

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ฉินหร่านได้รับความนิยมมากในโรงเรียน 

 

 

เธอเป็นตัวของตัวเองและมาแทนที่ฉินอวี่ในฐานะดาวโรงเรียนตั้งแต่แรกที่มาถึงโรงเรียนอีจง  

 

 

ฉินหร่านหน้าตาสวยและข่าวคราวเรื่องความสวยของเธอไม่ได้โด่งดังแค่ในโรงเรียนอีจง แม้แต่นักเรียนจากโรงเรียนรอบๆ โรงเรียนมัธยมสือเยี่ยน โรงเรียนลิ่วจงและโรงเรียนจื๋อยังโดดเรียนเพื่อมาชมโฉมเธอ 

 

 

ภาพชัดระดับเอชดีของฉินหร่านถูกโพสต์ขึ้นอย่างลับๆ ทั่วโรงเรียน ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนชื่นชม ความสวยโดดเด่นของเธอไม่หยุด 

 

 

ฉินอวี่เคยพูดว่าเธอไม่ชอบให้ใครมาสนใจตัวเองมากนัก แต่เมื่อตอนนี้ทุกคนพากันพูดถึงแต่ฉินหร่าน แม้กระทั่งสถานะดาวโรงเรียนของเธอก็โดนแย่งไป เธอจึงอารมณ์เสีย 

 

 

ฉินหร่านทำอะไรที่คู่ควรกับสิ่งนี้เหรอ 

 

 

ยายนั่นเรียนก็ไม่เก่ง แถมยังชอบทะเลาะเบาะแว้ง เธอนิสัยไม่ดีและมีคุณสมบัติของพวกนักเรียนเกเรครบออกแบบนั้น 

 

 

ฉินอวี่รู้ข่าวความคืบหน้าของโปสเตอร์ชั้นสามทับเก้าดี เธอไปหาเนี่ยเฟยเมื่อคืนวานเพื่อที่เนี่ยเฟยจะได้ ไม่มีเวลาวาดอะไร 

 

 

เกือบทุกคนในห้องสามทับเก้าจะนั่งเอาหัวพิงพนักเก้าอี้ ไม่ก็เอียงตัวพิงเก้าอี้มองเหม่อ 

 

 

รอยยิ้มบนริมฝีปากของฉินอวี่ปรากฏอยู่ได้ไม่นานนัก เธอมองเห็นเนื้อหาบนกระดานด้านหลัง และตกใจ 

 

 

คนข้างหลังหัวเราะและอยากถามเธอว่าทำไมเธอไม่เดินต่อ แต่เมื่อพวกเขาเห็นกระดานข่าว ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างเช่นกัน 

 

 

สวีเหยากวงไปที่สภานักเรียนแต่เช้าตรู่และเรียกประชุมตัวแทนของฝ่ายต่างๆ จากนั้นก็ตรวจสอบ แต่ละชั้นเรียน 

 

 

เมื่อวานนี้เขารีบออกไปโดยไม่ทันเห็นรูปที่วาดเสร็จสมบูรณ์ ฉินหร่านวาดตัวการ์ตูนที่ดูมีชีวิตชีวา สองตัว ตัวนึงได้ลงสีแล้ว 

 

 

เขาไม่ได้เห็นภาพที่เสร็จสมบูรณ์จนกระทั่งตอนนี้เอง 

 

 

หลินซือหรานแบ่งโปสเตอร์ออกเป็นสี่ส่วน เธอคัดลอกบทกวีสองบทและเขียนคำคมสร้างแรงบันดาลใจสำหรับรุ่นพี่มัธยมปลายสามสี่ประโยค โดยเว้นที่ว่างตรงกลางไว้ซึ่งเป็นการนับถอยหลังเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย 

 

 

ช่องว่างที่เหลืออีกสี่ช่องมีตัวการ์ตูน 

 

 

ตัวการ์ตูนมีทั้งหมดสี่ตัวจากขวาไปซ้าย 

 

 

ตัวแรกใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำหลวมๆ ผมของเธอสั้น หน้าของเธอแดงก่ำและมีดวงตาที่งดงามเฉิดฉาย 

 

 

ตัวที่สองใส่เสื้อยืดถือไมโครโฟนและมองทอดสายตายาวไกล 

 

 

ตัวที่สามใส่เสื้อแจ็กเกตผ้าฝ้ายและมีผ้าพันแผลพันแขนของเขาอยู่ 

 

 

ตัวที่สี่ใส่ชุดแนวพังก์พร้อมมีแสงสปอตไลต์ฉายอยู่เบื้องบน 

 

 

มันเป็นเหมือนประวัติศาสตร์ของการเติบโต 

 

 

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือทั้งกระดานดำถูกทาสีเหมือนเอฟเฟกต์บนเวที ชอล์กหลากสีขับเน้นสปอตไลต์และบทกวีชื่อดังได้เป็นอย่างดี ส่วนตัวการ์ตูนก็ผสมกลมกลืนลงไปอย่างสมบูรณ์แบบ 

 

 

ตรงแถวล่างมีร่างเล็กๆ สีขาวนับไม่ถ้วน มีเพียงนิ้วหนึ่งที่ถือไลต์บอร์ดอยู่ 

 

 

แม้เขาจะได้เห็นมาบ้างแล้วเมื่อวานนี้ แต่สวีเหยากวงก็ยังตกตะลึงกับความอลังการของฉากตรงหน้า 

 

 

คณะกรรมการนักเรียนเงียบเชียบและไม่มีใครเปิดปากพูดอะไร 

 

 

“อ๊าาา! เหยียนซีนี่! นี่เป็นขั้นตอนการเดบิวต์ของเขา และตัวล่าสุดคือชุดที่เขาใส่ในคอนเสิร์ตล่าสุด!” 

 

 

“เหยียนซีของฉัน! เขาหล่อจังเลย!” 

 

 

“ให้ตายสิ! ฉันอยากย้ายมาอยู่ห้องสามทับเก้าแล้ว!” 

 

 

เหยียนซีกำลังเป็นกระแสในตอนนี้และติดสามอันดับดาราชื่อดังในวงการบันเทิง 

 

 

เสียงข้างนอกยังจอแจไม่หยุด 

 

 

เกือบทุกคนหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่าย ทวีตภาพและโพสต์กันในโรงเรียน 

 

 

“เนี่ยเฟย เธอนี่แอบเป็นแฟนคลับลับๆ สินะ! ประทับใจนะเนี่ย! นึกไม่ถึงเลย แต่ตั้งแต่วันนี้ไปเธอคือนางฟ้าของฉันนะ!” เนี่ยเฟยจากห้องสามทับเก้าถูกรุมล้อม 

 

 

เมื่อคืนนี้เนี่ยเฟยทำโปสเตอร์ให้คณะกรรมการนักเรียนและเธอเพิ่งเดินเข้าชั้นเรียนมา เธอถึงกับ ตกตะลึง “ไม่ใช่ๆ ไม่… เมื่อคืนนี้ฉันอยู่ที่คณะกรรมการนักเรียน เธอ… เธอต้องถามซือหรานกับฉินหร่าน…” 

 

 

คนพวกนั้นจึงกรูเข้าไปหาฉินหร่านกับหลินซือหรานแทน 

 

 

ฉินหร่านกำลังนอนหมอบอยู่บนโต๊ะอย่างเกียจคร้านพลางพลิกหน้าหนังสือ เธอมักจะอารมณ์บูดเมื่อต้องตื่นแต่เช้า 

 

 

ใบหน้าที่สวยงามของเธอดูเย็นชา 

 

 

คนในห้องสามทับเก้ารู้อารมณ์ของเธอดีจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปถามอะไร แต่นั่นไม่ได้ห้ามไม่ให้พวกเขาพูดถึงฉินหร่าน 

 

 

ฉินอวี่เห็นเฉียวเซิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตัวเองแล้วนั่งลงบนโต๊ะตัวหน้าฉินหร่าน เขาเอียงหัวเหมือนอยากถามเธอบางอย่าง 

 

 

“ไร้ที่ติ ไร้ที่ติจริงๆ” หัวหน้าฝ่ายโบกมือโบกมือและพูดออกมาเป็นประโยคแรก 

 

 

ฉินอวี่มองไปที่สวีเหยากวงอีกครั้งและเห็นว่าเขาก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่าง เธอกำปากกาแน่นขึ้น 

 

 

“ฉินอวี่ เธอน่าประทับใจจริงๆ” หัวหน้าฝ่ายยกนิ้วให้ฉินอวี่ “เธอรู้ได้ไงว่าบอร์ดของห้องสามทับเก้าจะสวยขนาดนี้ แล้วเธอก็อยากมาดูห้องนี้ก่อนซะด้วย” 

 

 

ฉินอวี่: “…” หน้าของเธอถอดสี 

 

 

** 

 

 

ห้องสามทับเก้าเสียงดังมาก 

 

 

ฉินหร่านสวมหูฟังเงียบๆ แล้วย่นคิ้ว 

 

 

นักเรียนกลุ่มนี้เป็นอะไรกันไปหมดนะ 

 

 

เธอสวมชุดนักเรียนและใบหน้าขาวกระจ่างของเธอเงยขึ้นเล็กน้อยราวกับมองออกไปนอกหน้าต่าง ความเกรี้ยวกราดที่หางตาแสดงออกมาชัดเจนจนเหมือนมันอยากทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า 

 

 

“หร่านหร่าน” หลินซือหรานดีใจออกนอกหน้าและจำใจต้องละสายตาออกจากโปสเตอร์ด้านหลังเมื่อครูเข้ามาควบคุมความสงบในห้อง 

 

 

เธอมองไปยังฉินหร่าน “ใครกันเนี่ย ใครเป็นคนวาด ใครกันนะ!” 

 

 

หลินซือหรานพยายามตั้งสติและมองไปที่ฉินหร่านทั้งที่ข่มความตื่นเต้นไว้แทบไม่ได้ 

 

 

“ฉันไม่รู้” ฉินหร่านนอนหมอบลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด 

 

 

หลินซือหรานกระซิบ “โอ๊ะ” จากนั้นก็พูดขึ้นอีก “หร่านหร่าน เมื่อคืนนี้เธอไม่ทำรายงานเลยนี่” 

 

 

เธอเป็นห่วงเป็นใยมากและเอารายงานของเธอให้ฉินหร่านลอก 

 

 

ฉินหร่านยืดตัวขึ้นอีกครั้งและใช้มือซ้ายจับปากกา เธอคัดลอกรายงานขณะที่ดวงตาของเธอหรี่ลงและเย็นชา ท่าทางดูหงุดหงิด 

 

 

ห้องสามทับเก้าเริ่มโด่งดังจากเหตุการณ์นี้ 

 

 

บางคนจ้องมองภาพอย่างเอาเป็นเอาตายและหันไปทางหลินซือหรานกับฉินหร่านพร้อมกับกระซิบกระซาบ 

 

 

สวีเหยากวงพลิกหนังสือภาษาอังกฤษและทุกคนรอบๆ ก็คุยกันว่าใครเป็นคนวาดภาพ เขาอดมองฉินหร่านไม่ได้ เธอนิ่งเงียบ เขาใช้มือซ้ายจับปากกาเขียนช้าๆ 

 

 

แต่ว่า… 

 

 

มือของสวีเหยากวงหยุดชะงัก เขาจำได้อย่างแจ่มชัดว่าเมื่อคืนนี้เธอใช้มือขวา 

 

 

 

 

 

คาบเรียนตอนเช้าใช้เวลาไม่นาน 

 

 

มีคนมากมายอยู่ในห้องสามทับเก้าสวีเหยากวงออกไปซื้อมื้อเช้า เฉียวเซิงมองฉินหร่านหมอบอยู่บนโต๊ะ ดูเธอจะรำคาญเสียงดังและใช้เครื่องแบบโรงเรียนคลุมหัวเอาไว้ 

 

 

เขาจับจมูกตัวเองและออกไปกับสวีเหยากวง 

 

 

หลังจากคาบเรียนตอนเช้าก็มีคนแห่กันมาที่ห้องสามทับเก้ามากขึ้นจนบริเวณทางเดินแทบไม่มีคน 

 

 

พวกเขาเอาแต่พูดกันเรื่องกระดานข่าวและคนที่วาดภาพ 

 

 

ฉินอวี่รอพวกเขาอยู่ที่ชั้นล่าง เธอมองเฉียวเซิงเดินมาข้างๆ สวีเหยากวง แต่เฉียวเซิงไม่ได้มองเธอและคุยกับสวีเหยากวงต่อ 

 

 

“ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร” เฉียวเซิงกระซิบ เขาเอามือล้วงกระเป๋าและยิ้มหยัน “ฉินหร่านเอาแต่นอนกับเมินฉัน ให้ลูกอมไปก็เท่านั้น” 

 

 

สวีเหยากวงเงียบ เขามักจะนิ่งเฉยอยู่แล้ว น้อยคนจะรู้จักนิสัยที่แท้จริงของเขาและดูจะไม่มีอะไรทำให้เขาสนใจได้เลย 

 

 

แต่เมื่อพูดถึงฉินหร่าน เขากลับเลิกคิ้วขึ้น 

 

 

ฉินอวี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เม้มปาก ท่าทางของทั้งสองคนกวนใจเธอ 

 

 

เธอพยายามทำตัวผ่อนคลาย “คนคนนี้น่าประทับใจมากและคงไม่ได้เป็นเด็กโรงเรียนเรา ไม่งั้นคงมีคนออกมาแสดงตัวแล้ว” 

 

 

ยังไม่มีคนออกมาแสดงตัวว่าวาดโปสเตอร์นั่น และฉินอวี่ก็ไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่เห็นว่าไม่สวยได้ 

 

 

“คนที่วาดภาพเป็นเด็กโรงเรียนเรา” สวีเหยากวงโพล่งขึ้นมา 

 

 

ทั้งเฉียวเซิงและฉินอวี่ดูประหลาดใจ ทั้งสองจ้องมองเขา “…” 

 

 

สายตาของสวีเหยากวงดูสับสน “เธอคือฉินหร่าน”