หลี่หมิงอวินและหลินหลันก็ยังคงเย็นชาใส่กันอยู่เช่นนี้ โดยต่างฝ่ายต่างทำเรื่องราวของตนเองไป
เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปช่วยเขาจดบันทึก หลินหลันแอบดีใจ จึงส่งเสียงฮัมเพลงออกไปเบาๆ อย่างมีความสุขขณะที่นางกำลังค้นคว้าทดลองผสมยาตัวใหม่
หลี่หมิงอวินหักห้ามอารมณ์ที่พุ่งพล่าน นึกตำหนิด้วยความขุ่นหมองอยู่ในใจ ช่างเป็นคนที่ไร้จิตสำนึกเสียจริง
หยินหลิ่วที่เพิ่งเข้ามา “แม่ฟางของตระกูลเฉียวมาแล้วเจ้าค่ะ”
หลินหลันรีบร้อนละมือจากเรื่องที่กำลังทำ “ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
หลี่หมิงอวินเอี้ยวหูอย่างตั้งใจฟังบทสนทนาที่เกิดขึ้นด้านนอก
“คุณชายน้อยของตระกูลข้าอาการไข้ลดลงแล้วเจ้าค่ะ เวลานี้ก็รู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้ว แถมยังบ่นอุบอิบว่าต้องการกินอาหาร ฮูหยินจึงป้อนโจ๊กให้เขาดื่มไปครึ่งชาม ก็ยังไม่อาเจียน…”
“ดีมาก จำไว้ว่าต้องป้อนน้ำให้เขาดื่มให้มากๆ อ่อ…ชาขิงนั่นอย่าเพิ่งป้อนเชียวล่ะ คุณชายน้อยมีอาการคออักเสบร่วมด้วยนิดหน่อย ชาขิงมีรสเผ็ด หากดื่มเข้าไปแล้วจะทำให้เกิดอาการเจ็บคอขึ้นมาได้”
“ขอบคุณหลี่ฟูเหรินเป็นอย่างมากจริงๆ หากไม่ได้พบผู้ที่มีเมตตาจิตอย่างท่านเข้า ฮูหยินของพวกเราคงได้เป็นกังวลจนอยากจะขาดใจตายเป็นแน่เจ้าค่ะ…”
“แม่ฟางอย่าได้มัวเกรงใจกันอยู่เลย เป็นเรื่องง่ายดายแค่นี้เอง ไว้ข้าจะตามไปดูคุณชายน้อยอีกครั้งในภายหลัง”
ในครู่ต่อมา หลินหลันก็กลับเข้ามาและก้าวเดินด้วยฝีเท้าที่รวดเร็วพลางฮัมเพลงเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ หลี่หมิงอวินจึงเหลือบมองนางขณะเดียวกันหลินหลันก็เลิกคิ้วขึ้นจ้องมองไปที่เขา โดยเผยสีหน้าแห่งความพึงพอใจออกมาราวกับกำลังพูดว่า ถึงตอนนี้แล้วก็ควรจะเชื่อมั่นในทักษะทางการแพทย์ของผู้หญิงคนนี้ได้แล้วมั้ง
หลี่หมิงอวินกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป ขณะที่ภายในใจกำลังเอ่ยว่า จะคอยดูว่าเจ้าจะพึงพอใจไปได้อีกสักกี่น้ำ หรือไม่อยากไปหู่ชิวแล้ว?
เมื่อถึงเวลาประมาณห้าโมงเย็น ขณะที่หลี่หมิงอวินเตรียมตัวจะหลีกเลี่ยงออกไป หลิงอวิ้นก็กลับเข้ามารายงานว่าวันนี้เสี่ยวเจี่ยะรองของนางรู้สึกไม่สบายจึงไม่มาแล้ว
หลินหลันไม่ประหลาดใจเลย เยี่ยเปี่ยวเหม่ยคงได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจเข้า ส่งผลให้อารมณ์เศร้าหมอง จึงเป็นธรรมดาที่จะไร้ซึ่งกะจิตกะใจจะมาฟังรับฟังนางพร่ำสอนการดูแลร่างกายอะไรพวกนั้น
ช่วงค่ำหลินหลันไปยังเรือของตระกูลเฉียวอีกครั้ง ผ่านไปกว่าชั่วโมงถึงได้กลับมา เมื่อเข้าไปในห้องก็เอ่ยสั่งการต่ออวี้หลง “อีกประเดี๋ยวเจ้าไปบอกเหวินซานทีสิว่าพรุ่งนี้เมื่อเรือถึงซูโจว ฮูหยินเฉียวรบกวนให้ข้าพาแม่ฟางไปหาซื้อยา ให้เขาไปกับข้าด้วย”
หลักๆ แล้วประโยคนี้นางตั้งใจพูดให้หลี่หมิงอวินได้รับฟังได้ด้วย พรุ่งนี้นางมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ จึงไม่ไปเยี่ยมสหายเป็นเพื่อนเขาแล้ว ในส่วนของเมืองซูโจว เมื่อสรรหายาเรียบร้อยแล้ว นางก็ยังอยากไปเดินเล่นเสียหน่อย เป็นการดีที่นางจะได้พักผ่อนหย่อนใจด้วยตนเองตามลำพัง
อวี้หลงเหลือบมองไปยังเส้าเหยีย และเมื่อเห็นว่าเส้าเหยียไม่เอ่ยคัดค้านอะไรขึ้นมา จึงได้ออกไปบอกกล่าวเหวินซาน
หลี่หมิงอวินแม้จะแสร้งทำเป็นนิ่งเงียบ ทว่าในใจกลับรู้สึกผิดหวังเบาๆ ทั้งที่คิดมาโดยตลอดว่าตนเองมีไพ่เด็ดอยู่ในมือแล้วเชียว ที่เหลือก็เพียงแค่รอฝั่งตรงข้ามยอมพ่ายแพ้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามไม่แม้แต่จะสนใจเล่นด้วยซ้ำ แถมยังโยนไพ่เดินแล้วหนีไป ยุติการเล่นนี้เสียดื้อๆ
ไร้บทสนทนาตลอดทั้งคืน ในเช้าวันรุ่งขึ้น เรือเดินทางมาถึงท่าเทียบเรือซูโจว หลี่หมิงอวินขึ้นฝั่งเพื่อไปเยี่ยมเยียนสหายโดยมีตงจึติดตามไปด้วย ส่วนทางด้านตระกูลเฉียวนั้น แม่ฟางได้เข้ามาเรียนเชิญหลินหลันให้ไปด้วยกัน
แม่โจวกำชับหยินหลิ่วให้คอยติดตามเส้าฟูเหรินไว้อย่างดี อย่าได้ให้เดินหลงหายไปไหนเชียว
เมื่อขึ้นฝั่งเป็นที่เรียบร้อย หลินหลันก็ได้ทำการสอบถามตำแหน่งที่ตั้งของร้านขายยา ขณะที่ตระกูลเฉียวไปทำการเช่ารถม้ามาหนึ่งคัน คนกลุ่มหนึ่งกำลังแออัดมุ่งเข้าไปยัง ‘เหรินอานถาง’
ในช่วงที่หลินหลันกำลังรอให้ผู้คนทยอยกันออกไปไม่นานนัก แม่ติงก็ขึ้นมาบนฝั่งตามลำพังด้วยเช่นกัน
‘เหรินอานถาง’ นับว่ามีชื่อเสียงยาวนานเก่าแก่ ณ เมืองซูโจวแห่งนี้ มีหน้าร้านที่ใหญ่โตโอ่อ่า วัตถุดิบยาครบครัน อีกทั้งพนักงานของร้านก็ให้บริการเป็นอย่างดี หลินหลันรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง หากในอนาคตข้างหน้าตนสามารถเปิดร้านยาได้เยี่ยงก็คงจะดีไม่น้อยเลย
หลินหลันช่วยแม่ฟางจัดหายาจนครบถ้วนแล้วจึงค่อยหยิบใบรายการยาของตนเองออกมา โดยให้พนักงานในร้านเป็นผู้จัดหาให้ พนักงานผู้นั้นมองไปที่ใบรายการยาซึ่งเขียนตัวอักษรเอาไว้อย่างแน่นเอียดมากมายและทันใดนั้นนัยน์ตาของเขาก็ปรากฏความประหลาดใจขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยความไม่แน่ใจ “คุณผู้หญิงต้องการซื้อเยอะขนาดนี้เชียวหรือ”
“ใช่สิ! คงไม่ใช่ว่าร้านของพวกท่านจะไม่มีวัตถุดิบยาเหล่านี้หรอกใช่ไหม” หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จะเป็นไปได้อย่างไรขอรับ! ร้านแห่งนี้มีสารพัดยาครบถ้วน คุณผู้หญิงรอสักประเดี๋ยว ข้าน้อยรีบไปจัดเตรียมให้เดี๋ยวนี้ขอรับ” พนักงานให้บริการผู้นั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
วัตถุดิบยาที่หลินหลันต้องการไม่ใช่จำนวนน้อยๆ จึงใช้เวลาในการรอไปกว่าครึ่งชั่วโมง พนักงานถึงสรรหามาได้ครบถ้วนเสร็จสรรพ
“ทั้งหมดสามร้อยหกสิบแปดเหลี่ยง” นายบัญชีใช้ลูกคิดควณไปมาอยู่นานก่อนจะพูดออกมาพร้อมเปลือกตาละห้อย
“หยินหลิ่ว เจ้าไปจ่ายเงินทีสิ” หลินหลันกล่าวสั่งการ
หยินหลิ่วเอ่ยด้วยเสียงที่พึมพำ “ข้า ข้าไม่ได้นำเงินติดตัวมาด้วย…”
หลินหลันสมองเบลอไปชั่วครู่ และตระหนักได้ว่ามันคือความผิดพลาดที่ตนเองมีนิสัยคุ้นชินเช่นนี้ โดยคิดว่าเมื่อเป็นภรรยาของคุณชายแล้ว จะจับจ่ายซื้อสิ่งของใดๆ ก็เพียงแค่เรียกให้ผู้ติดตามช่วยไปจัดการจ่ายให้ก็เป็นพอแล้ว และเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เงินที่ผู้ติดตามถืออยู่นั้นก็คือเงินที่เจ้านายเป็นผู้ให้เอาไว้ก่อนหน้าอยู่แล้วนั่นเอง นี่มันช่างแย่จริงๆ ด้วยเมื่อวานมัวแต่ทำสงคราวเย็นกับหลี่หมิงอวินจนลืมขอเงินจากเขาไปเสียสนิท หลินหลันรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะเป็นไปได้ไหมหากจะให้เหวินซานไปขอเงินจากแม่โจวมาก่อน
พนักงานที่ให้บริการผู้นั้นถึงกับหน้าเสีย อย่าบอกนะว่าไปตระเตรียมมาตั้งนานเน สุดท้ายแล้วกลับไปไม่มีเงินพอจ่ายขึ้นมาเสียนี่ นี่ไม่เท่ากับว่าทำให้เสียเวลาไปเปล่าๆ หรอกหรือ
ทางด้านแม่ฟางก็ไม่ได้พกเงินติดตัวมาจำนวนมากขนาดนั้น จึงทำได้เพียงกล่าวออกไปว่า “หรือไม่ ทุกคนนำเงินมารวมๆ กันดีไหม”
เหวินซานที่เพิ่งจะจัดเรียงวัตถุดิบยาเสร็จเรียบร้อย ลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล่าวขึ้น “ไม่ต้องๆ ข้าเอง ข้าไปจ่ายเอง” แล้วหันไปพูดกับหลินหลัน “เส้าเหยียให้เงินและธนบัตรแก่ข้าน้อยไว้ตั้งแต่เช้าแล้วขอรับ”
หลินหลันตกตะลึง นางคาดไม่ถึงเลยว่าหลี่หมิงอวินจะนึกถึงนางด้วย
หยินหลิ่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เส้าเหยียช่างรอบคอบจริงๆ เลยนะเจ้าคะ”
หลินหลันสบถฮึออกมาเบาๆ อย่างเมินเฉย แต่กลับไม่ได้รู้สึกเกลียดขี้หน้าหลี่หมิงอวินมากขนาดนั้นแล้ว และจะว่าไปแล้วเรื่องราวอันชวนให้อึดอัดในเมื่อวานนี้มันก็น่าเบื่อมากพอแล้ว ตอนนี้ลองมาได้คิด ทบทวนดู มันช่างไร้สาระเสียจริง
เมื่อจัดการเรื่องสำคัญเรียบร้อยแล้ว หลินหลันจึงรบกวนให้แม่ฟางช่วยนำวัตถุดิบยาเหล่านี้ขนขึ้นเรือกลับไปก่อน ส่วนตนเองพร้อมด้วยเหวินซานและหยินหลิ่วก็เตรียมตัวที่จะไปเดินเล่นในเมืองซูโจว
“เหวินซาน เส้าเหยียให้เงินเจ้าไว้เท่าไหร่หรือ” หลินหลันเอ่ยถาม ประเด็นนี้จำเป็นต้องรับรู้ให้ชัดเจนไว้ก่อน หากจำนวนเงินยังเหลือมากพอล่ะก็อีกประเดี๋ยวนางยังอยากจะซื้อของบางอย่างอีกสักนิดหน่อย
เหวินซานเอ่ยตอบอย่างร่าเริง “ยังเหลืออีกหกร้อยเหลี่ยงแหนะขอรับ!”
หลินหลันแอบสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ หลี่หมิงอวินช่างใจกว้างเสียจริงแฮะ! ในมือยังมีอีกตั้งหกร้อยเหลี่ยง เช่นนั้นไม่เท่ากับว่ายังสามารถซื้อของดีๆ ได้อีกตั้งมากมายหรอกหรือ
ครานี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าเงินจะไม่เพียงพออีกแล้ว หลินหลันจึงพาทั้งสองมุ่งตรงไปยังตลาดฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นแหล่งที่พลุกพล่านมากที่สุด
ทั้งสามคนเดินเล่นจับจ่ายซื้อของไม่นานนัก ในมือของเหวินซานก็พะลุงพะลังไปด้วยถุงน้อยถุงใหญ่
หลินหลันซื้อผ้าเช็ดหน้าที่แสนสวยงามสองสามผืนให้แก่ตนเอง ด้วยนางไม่มีความสามารถด้านการปักเย็บ ก่อนหน้านี้เคยเห็นผ้าเช็ดหน้าซึ่งมีงานปักเย็บที่สวยงามและประณีตของเยี่ยซินเอ๋อร์ จึงรู้สึกอิจฉาอยู่ไม่น้อย ตอนนี้เมื่อได้เห็นงานเย็บปักถักร้อยที่สวยงามเช่นนี้แล้วจะยอมพลาดไปได้อย่างไรกัน นอกจากนั้นแล้วยังซื้อกิ๊บเงินให้หยินหลิ่วหนึ่งชิ้น ซื้อต่างหูให้อวี้หลงอีกหนึ่งคู่ ส่วนเหวินซานและตงจึได้รองเท้ากันไปคนละคู่ และยังซื้อเครื่องประดับหยกสำแขวนไว้ที่หน้าอกหรือเอวหนึ่งเส้นให้แก่แม่โจวอีกด้วย…
“เส้าฟูเหริน ซื้ออะไรไปฝากเส้าเหยียดีล่ะเจ้าคะ” หยินหลิ่วกล่าวเป็นสัญญาณเตือนความจำขึ้นมา
หลินหลันขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด พลางกวาดสายตามองไปตามริมทางซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้านานาชนิด จนท้ายสุดกลับส่ายหน้าไปมา “ไม่ซื้อดีกว่า ที่นี่ไม่มีของอะไรน่าสนใจและเมื่อซื้อไปแล้วเส้าเหยียก็ไม่ใช้อยู่ดี”
หยินหลิ่วเอ่ย “ไม่ว่าเส้าเหยียจะใช้หรือไม่ใช้ ถึงอย่างไรก็ถือเป็นการแสดงน้ำจิตน้ำใจของเส้าฟูเหรินนะเจ้าคะ! เส้าฟูเหรินก็ซื้อไปสักอย่างเถอะเจ้าค่ะ!”
เหวินซานที่กำลังชี้ไม้ชี้มือไปเบื้องหน้าพลางพูดขึ้น “ทางด้านนู้นมีพัดพับด้วย! เหมาะกับอากาศที่ยิ่งร้อนขึ้นไปเรื่อยๆ นะขอรับ”
ทั้งสองต่างพร้อมใจกันเซ้าซี้ให้หลินหลันซื้อของขวัญให้หลี่หมิงอวิน หลินหลันจึงต้องจำใจเลือกพัดกระดาษสีขาวมาหนึ่งอัน และภายใต้คำแนะนำของหยินหลิ่วที่เสนอให้ซื้อปลอกใส่พัดที่มีลายปักสีน้ำเงินอีกหนึ่งชิ้น โดยนางเตรียมว่าหลังกลับไปจะเขียนตัวอักษรลงไปสักสองสามคำ ถือเสียว่ามอบให้เป็นของขวัญแด่หลี่หมิงอวินแล้วกัน
ของที่ควรมีก็ล้วนมีครบถ้วนแล้ว เหวินซานยังจำที่เส้าเหยียสั่งการไว้ได้เป็นอย่างดีว่าให้เร่งเร้าเส้าฟูเหรินกลับไปแต่หัววันหน่อย “เส้าฟูเหริน นี่ก็เย็นมากแล้ว…”
หลินหลันเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เริ่มเย็นแล้วหรือ นี่มันเพิ่งจะช่วงบ่ายเองนะ!
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เหวินซานเจ้าช่วยไปเสาะถามทีสิว่าบริเวณใกล้ๆ นี้มีร้านใดที่มีของกินอร่อยๆ บ้าง พวกเรากินมื้อกลางวันให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยกลับกัน”
สำหรับหยินหลิ่วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นักที่จะได้มีโอกาสออกมาเที่ยวเล่นเช่นนี้ จึงเป็นธรรมดาที่จะเห็นด้วยกับความคิดของนายหญิง
เหวินซานทำได้เพียงวิ่งตึกตักออกไปเสาะถาม และกลับมารายงานในเวลาอันรวดเร็ว “โค้งข้างหน้านี้มีหนึ่งร้านชื่อว่า ‘ฮวนเค่อไหล’ ได้ยินมาว่าปอเปี๊ยะปลาที่นั่นอร่อยมาก และยังมีร้านขนมอยู่ใกล้ๆ ที่ว่ากันว่าขนมอบของเขารสเลิศที่สุดในซูโจว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นความหิวโหยในท้องของหลินหลันก็เริ่มทำงานทันที จึงตัดสินใจออกไปอย่างรวดเร็ว “เยี่ยมไปเลย เช่นนั้นพวกเราไปกินมื้อกลางวันกันที่ ‘ฮวนเค่อไหล’ หลังจากกินเสร็จแล้วก็ค่อยไปซื้อขนมสักนิดหน่อยเอาไปฝากให้ทุกคนได้ลองชิมกัน’ ”
เมื่อทั้งสามคนเลี้ยวผ่านหัวมุมถนนไป กลับเห็นว่าเบื้องหน้ามีกลุ่มคนกำลังรายล้อมกันอยู่ เสียงดังโวกเวกซึ่งฟังดูไม่ค่อยครึกครื้นนัก
หลินหลันกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เหวินซาน ช่วยไปดูทีสิ”
เหวินซานจึงหอบหิ้วถุงน้อยถุงใหญ่และใช้แรงฝ่าฝูงชนเข้า และเพียงประเดี๋ยวเดียวก็วิ่งกลับมา “ทุกคนกำลังมุงดูประกาศตามหาหมอขอรับ”
เมื่อได้ยินว่าประกาศตามหาหมอ โรคติดนิสัยการทำงานของหลินหลันก็กำเริบขึ้นมาในทันที “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวข้าขอเข้าไปดูเสียหน่อย”