เส้นทางเดินบนภูเขาซับซ้อน ง่ายที่จะเดินพลัดหลงเข้าป่าลึก
มีทั้งงู หมาป่าและฝนยังตกอีก
จ้าวฝูกุ้ยลูบเช็ดน้ำฝนบนใบหน้า เขาแหงนหน้ามองฟ้าเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว
บุตรสาวไม่สามารถลงเขาไปคนเดียวได้ ถึงแม้หลี่ซิ่วจะไม่ให้เขากินข้าว เขาก็ต้องพาบุตรสาวกลับมาให้ได้
จ้าวฝูกุ้ยกระทืบเท้า สองมือปัดแข้งขา ก่อนถอนหายใจยาวออกมา เขาวิ่งฝ่าฝนลงเขาไปเพื่อที่จะหาชุนฮวา
ตอนนี้ไม่มีใครสนใจว่าเขาจะไปไหน ไม่มีคนสนใจชุนฮวาแล้ว
ก่อนที่ชุนฮวาจะโดนตียังมีหญิงบางคนที่ออกเรือนแล้วคิดว่า นั่นเป็นชีวิตของชุนฮวา ชีวิตของนางไม่ดี พ่อของนางก็ไม่สนใจ ไม่ใช่เรื่องของคนอื่นที่จะมายุ่งเกี่ยว
พวกนางอยู่บ้านเกิดและบ้านแม่สามี เห็นชีวิตผู้หญิงรันทดมามากจนเคยชินเสียแล้ว
พวกเขาวิ่งไปยังสถานที่ที่ถูกงูกัด ต่างกลัวว่าลูกของพวกเขาจะถูกงูกัดจึงตะโกนเรียกชื่อเด็กๆ ของตน
“โก่วเซิ่ง?”
“ซวนจือ!”
“เอ้อร์หวา?”
“ซ่วนเหมียวจื่อ!”
ซ่งฝูเซิงตะโกน “ฝูหลิง ฝูหลิง?” วิ่งมาอยู่หน้าบุตรสาวก็รีบดึงแขนลูกลากวิ่งไปยังเต็นท์
“ท่านพ่อ ชุนฮวา?”
“ชุนฮวาอะไร รีบหน่อย ขึ้นไปหลบฝนบนต้นไม้ ระวังเป็นหวัด”
ซ่งฝูเซิงดันตัวซ่งฝูหลิงให้ปีนขึ้นไปบนต้นไม้และสั่งกำชับ “เจ้าได้ยินไหม? มีคนถูกงูกัดแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเจ้าห้ามลงมา ข้าต้องไปหาแม่เจ้า หาหมี่โซ่ว…คงไม่ใช่หมี่โซ่วที่โดนกัดหรอกน่ะ!”
เมื่อกล่าวถึงก็มาพอดี
เฉียนหมี่โซ่วแบกถุงสัมภาระเล็กอันหนักของเขา เขาวิ่งตะโกนโบกมือมาตลอดทาง “ท่านลุง ท่านลุง รีบพยุงข้าขึ้นต้นไม้หน่อย”
เขากลัวว่าก้อนข้าวเหนียวของเขาจะโดนน้ำจนบูด
ด้านหลังมีเฉียนเพ่ยอิงตามมา
ซ่งฝูเซิงจับเฉียนหมี่โซ่วดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนซัดฝ่ามือตีไปที่ก้นของเฉียนหมี่โซ่วไปหนึ่งที “ไปซนที่ไหนมา!”
“อะไรกัน เจ้าตีเขาทำไม รีบอุ้มเขาขึ้นต้นไม้ไปก่อน” เฉียนเพ่ยอิงขวางไม่ให้ตี
เฉียนหมี่โซ่วโดนตีโดยไม่รู้เรื่องแต่เขาก็ไม่กล้าร้องออกมา ก่อนเข้าไปในเต็นท์ เขาเหล่มองพี่สาวและถอดรองเท้าวางไว้ด้านข้าง เขาใช้มือเล็กๆ เช็ดโคลนที่เปื้อนเป็นจุดบนขากางเกงก่อนที่จะคลานเข้าไป
เฉียนเพ่ยอิงก็รีบขึ้นต้นไม้ตามมา
ซ่งฝูเซิงเป็นคนสุดท้ายที่เข้าไป เพียงแค่ชักช้าครู่เดียวเสื้อด้านหลังของเขาก็เปียกชุ่มไปหมด ผมก็เปียกชื้นเช่นกัน
เขาเพิ่งเข้าไปภายในเต็นท์ เช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำฝนและรับผ้าขนหนูมาจากบุตรสาว ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร เฉียนหมี่โซ่วก็มาดึงเขาพร้อมกับบอกว่า “ท่านลุง ถอดรองเท้า”
ซ่งฝูเซิงถอดรองเท้าฟาง
“ท่านลุง เท้าท่านมีโคลน รีบเช็ดซะ”
“ท่านลุง ท่านสกปรกจัง ท่านถอดเสื้อออกมาเถอะ”
ซ่งฝูเซิงสบตากับเฉียนหมี่โซ่ว ข้าเหน็ดเหนื่อยทำเต็นท์ เข้ามาหลบฝนหน่อยก็ไม่ได้หรือไง? เด็กอะไร เจ้ารีบออกไปอยู่ข้างนอกเลยสิ
เฉียนหมี่โซ่วเห็นสีหน้าท่านลุงไม่ดีเลย ช่างเถอะ แล้วไป
เขารีบมาวุ่นวายอยู่กับซ่งฝูเซิง
เขาดึงผ้าปูที่นอนที่ซ่งฝูเซิงนั่งทับอยู่ออกมาและดึงผ้านวมที่อยู่ข้างซ่งฝูเซิงไปเก็บไว้ด้านหลังเขากับซ่งฝูหลิง หลังจากนั้นเขาก็หาผ้าแห้งๆ มาผืนหนึ่ง ยื่นส่งให้ซ่งฝูเซิง “ท่านลุง ใช้อันนี้เช็ด อย่าใช้ของพี่สาว”
เฉียนหมี่โซ่วคิดในใจ ผ้าเช็ดหน้าของพี่สาวนั้นดีมาก เขาไม่เคยเห็นมาก่อน อ่อนนุ่ม ผืนใหญ่มาก ให้ท่านลุงใช้ก็น่าเสียดาย
เดิมทีเฉียนเพ่ยอิงไม่อยากจะหัวเราะออกมา อยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้ยังจะมาหัวเราะเหมือนคนเสียสติได้อย่างไร แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะขำ
ซ่งฝูเซิงได้ยินเสียงหัวเราะก็อดขำตามไม่ได้ “รับทราบนายน้อย ไม่ต้องทำแล้ว ท่านวางใจได้ ข้าไม่มีสิทธิ์นั่งบนผ้าปูที่นอน ข้าต้องนั่งบนพื้นไม้เท่านั้น จะไม่ทำให้สัมภาระของพวกเจ้าต้องสกปรก เฮ้อ”