ตอนที่ 22 ขอโทษคุณหนูซู

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

มองตามพนักงานเดินไป ก็เห็นหญิงสาวดุจนางฟ้านางสวรรค์ลงมาจุติ ที่สวมชุดราตรีกระโปรงสีขาว
ชุดที่ออกแบบให้เป็นแบบเปิดไหล่เผยให้เห็นไหปลาร้าที่สวยของหล่อน พร้อมกับกระโปรงหางปลาที่เข้ากับหุ่นเรียวสูงของหล่อนได้อย่างลงตัว ทำให้เผยส่วนเว้าส่วนโค้งที่สง่างามของหล่อนออกมาอย่างหาที่ติไม่ได้
สูงส่ง สง่างาม ใจงามและบวกกับความขี้เล่น มีเสน่ห์ทำให้คนที่เห็นต้องเบิกตากว้าง
นี่ไม่ใช่ซูฉิงหรอกหรอ?!
ทำไมเธอถึงได้สวยอย่างนี้เลยหรอ!!!
สวีหว่านเอ๋อร์มมองด้วยแววตาที่อิจฉา ชี้ไปที่ซูฉิงแล้วกันไปพูดกับพนักงานว่า ” ชุดนี้ฉันจะซื้อ! ใส่ถุงให้ฉันด้วย!”
พนักงานมีสีหน้าลำบากใจ “แต่ว่า…….เมื่อกี้คุณผู้หญิงท่านนั้นบอกว่าจะซื้อแล้วค่ะ”
สวีหว่านเอ๋อร์พูดอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ “แล้วเขาจ่ายเงินรึยัง”
พนักงานยังไม่ทันได้พูด “งั้นก็จะแสดงว่ายังไม่ได้จ่าย”
“ไม่ได้จ่ายเงินก็คือไม่ได้ซื้อ หว่านเอ๋อร์ให้เธอเอาไปใส่ถึงไม่ได้ยินรึไง “ไป๋หลานชี้ไปหาสวีหว่านเอ๋อร์พร้อมกับพูดประจบ แล้วก็ส่งสายตาสั่งให้กับพนักงาน “เธอเห็นแล้วนี่ ว่านี่คือคุณหนูตระกูลสวี ถ้าหากทำให้เธอไม่พอใจ เธอก็รอหอบผ้าออกไปจากที่นี่เลยเถอะ!”
พนักงานสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ตระกูลสวีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยสูงส่งในเมือง a มีอำนาจไม่ธรรมดา และสวีหว่านเอ๋อร์ก็เป็นหลานสุดที่รักของคุณท่านสวี หล่อนที่เป็นเพียงพนักงานตัวเล็กๆ ไม่กล้าที่จะทำให้ไม่พอใจได้หรอก
หล่อนไม่รู้ฐานะจริงของซูฉิง แต่หล่อนรู้สึกว่า ทำให้ซูฉิงไม่พอใจน่าจะดีกว่าจะทำให้คุณหนูสวีไม่พอใจ
พอคิดได้อย่างนี้ พนักงานร้านก็เดินไปหาซูฉิง แล้วก็พูดอย่างประหม่าว่า”คุณผู้หญิงคะ ชุดที่อยู่บนตัวคุณมีคนซื้อแล้ว ขอให้คุณถอดออกมาด้วยค่ะ ”
ซูฉิงยกยิ้มมุมปากยิ้มเหน็บแนม “เมื่อกี้ฉันบอกว่าจะซื้อแล้วไม่ใช่หรอ”
“แต่ว่า……..”
พนักงานร้านที่กำลังคิดว่าจะพูดยังไงให้ซูฉิงถอดชุดออก ก็เห็นไป๋หลานเดินเข้ามาด้วยรองเท้าส้นสูง แล้วก็หน้าเชิดพูดกับซูฉิงว่า”ชุดนี้หว่านเอ๋อร์ชอบ เธอก็แค่ยัยบ้านนอกยังไม่รีบถอดชุดออกอีก! ”
“หรอ ” ซูฉิงมองหล่อนอย่างไม่กลัว แล้วก็พูดอย่างสบายว่า ” ชุดนี้ฉันมาก่อน และฉันก็บอกว่าจะซื้อก่อน คุณหนูสวีคงไม่รู้จักว่ามาก่อนได้ก่อนมาทีหลังได้ทีหลังหรอกใช่มั้ย”
“เธอมันยันกระจอกบ้านนอกจะมีเงินซื้อหรอ” ซูฉิงไม่สนไป๋หลาน หยิบการ์ดใบสีดำออกมาแล้วพูดกับพนักร้านว่า “ช่วยฉันรูดบัตรด้วย”
สวีหว่านเอ๋อร์มองดูบัตรที่อยู่ในมือของซูฉิง ยิ่งรู้สึกคุ้นตามาก
หล่อนจำได้ว่า ฮ่อหยุนเฉิงก็มีบัตรอย่างนี้ด้วย
บัตรอย่างนี้เป็นบัตรทั่วโลกมีอยู่ไม่กี่ใบ แม้แต่ตัวหล่อนก็ยังไม่มี ทำไมซูฉิงถึงได้มีบัตรที่มีราคาแพงอย่างนี้ได้ล่ะ
จะต้องเป็นฮ่อหยุนเฉิงให้หล่อนแน่!
พอคิดว่าฮ่อหยุนเฉิงดีต่อซูฉิงขนาดนี้ สวีหว่านเอ๋อร์อยากจะใช้มีกรีดแล่เนื้อซูฉิงเป็นชิ้นๆ เลย
สวีหว่านเอ๋อร์ที่เกิดความไฟริษยาลุกโชนอยู่ในใจ แล้วก็จับมือพนักงานของร้านที่จะยื่นไปรับบัตรสีดำไว้ แล้วก็พูดอย่างใจป้ำว่า “ฉันจะจ่ายเป็นอย่างเท่า!”
ซูฉิงสองมือกอดอก มองสวีหว่านเอ๋อร์ด้วยคิ้วขมวด
สวีหว่านเอ๋อร์นี่ผีเข้าสิงยังไม่ออกอีก ยังจะไม่ยอมให้หล่อนมาชอปปิ้งอย่างสบายใจ
มาซื้อชุดทั้งทีก็ยังมาเจอหล่อนเข้าอีก โลกนี้ช่างแคบจริงๆ!
หล่อนคิ้วขมวดพูด”คุณหนูสวี คุณไม่เคยได้ยินว่ามาก่อนได้ก่อนมาหลังได้ทีหลังหรอ ชุดนี้ฉันซื้อแล้วก็ต้องเป็นของฉันสิ ไม่ว่าคุณจะจ่ายเท่าไหร่ ฉันก็ไม่ยอมให้คุณหรอก”
“เธอ ก็เหมาะกับชุดนี้หรอ ” สวีหว่านเอ๋อร์จ้องซูฉิงเขม็ง อยากจะจ้องจนทะลุผ่านเลย
ชุดที่สวยอย่างนี้พออยู่บนตัวของยัยบ้านนอกคอกนานี่ น่าของที่จบจริง ๆ!
ถ้าหากว่าอยู่บนตัวของสวีหว่านเอ๋อร์ จะต้องดูสวยดูแพงกว่ายัยบ้านนอกนี่เป็นพันเท่าหมื่นเท่าแน่!
เมื่อถึงตอนนั้นฮ่อหยุนเฉิงได้เห็นแล้ว จะต้องชอบหล่อนแน่
“ฉันไม่เหมาะสมงั้นหรอ ” ซูฉิงกัดริมฝีปาก แล้วก็หัวเราะอย่างเหน็บแนม” มีบางคน ที่แม้แต่ของแท้กับของปลอมยังแยกไม่ออกเลยนะ”
“แก! ” สวีหว่านเอ๋อร์ที่ถูกซูฉิงพูดเสียดสี ก็หน้าคล้ำด้วยความโมโห แทบเกือบจะเป็นลมลงไปแล้ว
ซูฉิงยัยบ้านนอกกล้าดียังไงมาพูดเสียดสีหล่อน
หล่อนเป็นถึงคุณหนูที่สูงส่งของตระกูลสวีนะ!
ถึงซูฉิงจะเป็นคู่หมั้นของฮ่อหยุนเฉิง แต่แม่ฮ่อนั้นไม่ยอมรับเธอ ฮ่อหยุนเฉิงก็แค่เห็นว่าเธอยังสดใหม่อยู่แน่
ฮ่อหยุนเฉิงจะมาแต่งผู้ลูกสะใภ้อย่างนี้เข้าบ้านได้ยังไงล่ะ!
พอคิดได้อย่างนั้น สวีหว่านเอ๋อร์ก็วางใจไปไม่น้อย
วันนี้ไม่ว่ายังไง ชุดนี้จะต้องเป็นของหล่อน!
“ซูฉิง รู้ตัวแล้วก็รีบถอดชุดออกมาซะ!”ไป๋หลานก้าวเข้าไป แล้วยื่นมือของไปหมายจะถอดชุดออกจากตัวของซูฉิง
“เธอจะทำอะไร “ซูฉิงจับมือของไป๋หลานไว้แน่น แล้วก็ผลักออก
จากนั้นก็เกิดการฉุดยื้อแย่งชุดกันกลางวันแสกๆ
ไฟนักสู้ในตัวของซูฉิงก็ลุกโชนขึ้นมาพร้อมกับก้าวไปข้างหน้า
หล่อนไม่ใช่คนที่จะถูกยอมรังแกง่าย!
ไป๋หลานที่ถูกซูฉิงผลักออกไป ก็เซเกือบจะล้มลงกับพื้น
“เธอนังบ้านนอก อย่าคิดจะมาลองดีกับฉันนะ!” ไป๋หลานก็เป็นถึงคุณหนูแห่งตระกูลไป๋ ตระกูลไป๋ถึงแม้ว่าหลานปีมานี้จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จ แต่ก็ถือว่าพอมีเงิน ปกติแล้วมักจะเดินตามสวีหว่านเอ๋อร์ที่เย่อหยิ่ง
ตอนนี้ก็เกือบถูกยัยบ้านนอกซูฉิงผลักจนเกือบล้ม หล่อนจะเก็บความโกรธโมโหนี้ไว้ได้ยังไง
ไป๋หลานก็ตะโกนใส่พนักงาน “มัวยืนทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบเรียกคนมาอีก รีบถอดชุดออกมาจากตัวมันสิ!”
“คุณหนูไป๋คะ คุณหนูสวี ฉันจะไปแจ้งผู้จัดการค่ะ” เห็นเหตุการณ์ที่จะยิ่งแย่ พนักงานของร้านก็ไม่กล้าทำอะไรสวีหว่านเอ๋อร์ แต่ท่านทางของซูฉิงก็ไม่ใช่คนที่จะยอมรามือง่ายๆ หล่อนทำได้แค่ไปเรียกผู้จัดการมาจัดการ
สวีหว่านเอ๋อร์ส่งเสียงเย็นชาออกมา พูดอย่างรีบร้อนว่า”ยังไม่รีบไปเรียกผู้จัดการร้านมาอีก!”
สวีหว่านเอ๋อร์ที่มีความมั่นใจ จากอำนาจของตระกูลสวีแล้ว ผู้จัดการร้านจะต้องไล่ซูฉิงออกไปจากร้านแน่
และพอคิดถึงภาพตอนนี่ซูฉิงถูกโยนออกไป สวีหว่านเอ๋อร์ก็รู้สึกดีในอยู่ภายในใจ
ซูฉิงที่เดินไปนั่งลงบนโซฟาอย่างชิวๆ สวีว่าเอ๋อร์ก็เดินมาหาอย่างมมีอารมณ์แล้วก็ก้มหน้าลงมาหาหล่อน พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า”
“ซูฉิง ฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย รีบถอดชุดออกมาให้ฉันเลยนะ ไม่งั้นเดี๋ยวพอผู้จัดการร้านมา ฉันจะให้เขาไล่เธอออกไปจากร้าน เธอไม่กลัวขายหน้ารึไง”
ซูฉิงเมินคำพูดยั่วยุของสวีหว่านเอ๋อร์ หล่อนได้ส่งวีแชทไปหายวี๋น่าแล้ว
สวีว่านเอ๋อร์ที่เห็นซูฉิงไม่สนใจหล่อน ก็กัดฟันแน่ โกรธโมโหอย่างหาที่ระบายไม่ได้
ยันแพศยานี่จะต้องเป็นทหารกู้ภัยแน่
หรือว่าหล่อนจะส่งข่าวไปหาฮ่อหยุนเฉิงหรอ เพื่อให้ฮ่อหยุนเฉินออกหน้าแทนงั้นหรอ
พอคิดถึงฮ่อหยุนเฉิง สวีหว่าเอ๋อร์ก็เกิดอารมณ์สับสน
วันนี้หล่อนจะไม่ปล่อยซูฉิงไว้แน่!
หลังจากนั้นสิบนาที สวีหว่านเอ๋อร์ที่กำลังคิดจะให้ผู้จัดการร้านอู๋ไล่ซูฉิงออกไป แต่ผู้จัดการอู๋กลับเหมือนมองไม่เห็นสวีหว่านเอ๋อร์ แล้วเดินผ่านหล่อนไป
ผู้จัดการอู๋เดินเข้าไปหาซูฉิง แล้วก็โค้งคำนับพูด”สวัสดีครับ คุณหนูซู”
ซูฉิงเงยหน้านิ่ง “ผู้จัดการอู๋ใช่มั้ย ร้านนี้ให้บริการอย่างนี้หรอ”
ผู้จัดการอู๋ที่ตอนนี้หน้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ แล้วก็รีบพูดขอโทษ “ต้องขออภัยด้วยครับ เมื่อสักครู่พนักงานของเราไม่รู้ความ เลยทำให้คุณหนูซูไม่พอใจ ขอต้องขออภัยแทนพนักงานด้วยครับ”