บทที่ 36

ถังหยินคว้าดาบของเขาและวิ่งขึ้นไปบนกำแพง เมื่อเห็นว่าทางเหนือกำลังปั่นป่วนด้วยตอนนี้พวกทหารหนิงกำลังขึ้นไปที่นั่นมากมาย ชายหนุ่มจึงมุ่งตรงไปทางนั้นทันที !

ทันทีที่ชายหนุ่มมาถึงแนวหน้า ก็ได้มีดาบฟันมาหาเขา โชคดีที่ถังหยินเบี่ยงตัวหลบได้ทัน เขาฟาดฟันดาบในมือสวนกลับเข้าใส่คอของทหารหนิงที่ฟันเข้ามา

อ๊า!

ที่ตามมากับเสียงคำรามคือทหารหนิงอีก 2 นายที่ตัวชุ่มไปด้วยเลือด พวกเขาพากันพุ่งเข้าหาชายหนุ่ม ดาบยาวถูกเหวี่ยงเข้าใส่ทั้งหัวและลำตัวของถังหยิน

ชายหนุ่มก้มตัวหลบได้ทั้งหมด ในจังหวะเดียวกันเขาก็ขยับดาบรับการโจมตีที่หน้าอกของอีกฝ่าย

โดยไม่ทันรอให้ดาบกลับเข้าที่ ชายหนุ่มพลันพุ่งไปข้างหน้าและจับไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ไฟสีดำลุกขึ้นในมือของเขา ก่อนที่ร่างของทหารหนิงจะสลายหายไปเหลือแต่เพียงเกราะและอาวุธที่ร่วงหล่นบนพื้น

พวกทหารที่ไม่เคยเห็นไฟสีดำเริ่มร้องออกมาด้วยความกลัว

อย่างไรก็ตามพวกเขากลับยังช้ากว่าถังหยิน ดังนั้นพลทหารหนิงพวกนี้จึงไม่ทันเห็นว่าถังหยินได้รวบรวมพลัง และกระโดดเข้าไปจับทหารหนิงเอาไว้แล้ว มือของเขาลุกติดไปด้วยเพลิงสีดำอีกครั้ง ความร้อนของมันเผาผลาญร่างกายทหารหนิงให้กลายเป็นจุณ

หลังจากจัดการทหารทั้ง 3 คนได้แล้ว ก็ยังมีพวกทหารอีกมากมายพากันกรูกันเข้าใส่ถังหยิน การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วและประหลาด มันทั้งพลิ้ว และลื่นไหลไปตามจังหวะ บางครั้งเขาก็ใช้ดาบคู่กับไฟในมือวนไป ไม่นานหลังจากนั้นก็มีศพมากกว่า 20 ศพกองเรียงรายรอบตัวแล้ว

พลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉกเช่นเดียวกับพลังชีวิตที่ไหลเวียนไปทั่วร่างของชายหนุ่ม ทำให้แผลของเขาสมานตัวหายดีในชั่วพริบตา !

ในตอนนี้ร่างกายของถังหยินกลับมาอยู่ในระดับสูงสุดอีกครั้ง ทว่าสัมผัสของเขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ดังนั้นชายหนุ่มจึงทำการสังหารหมู่ต่อไป ทำให้ร่างของเขาอัดแน่นไปด้วยพลังปราณที่ดูดกลืนมา

ไฟสีดำของถังหยิน ไม่ใช่แค่พวกหนิงที่ตัวสั่นด้วยความกลัว แม้แต่พวกเฟิงเองก็ไม่ต่างกัน พวกเขากลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย ด้วยเหตุนี้เองทำให้ถังหยินมีพื้นที่ในการสังหารหมู่และขยับตัวได้ง่ายขึ้นมาก

อย่างไรก็ตามก็ยังมีทหารศัตรูมากมาย มันเยอะเสียจนดูเหมือนว่าจะไม่สิ้นสุด ระหว่างการต่อสู้ ดาบของถังหยินหักไป เขาพลันเปลี่ยนจากดาบมาเป็นหอกด้วยความรวดเร็ว จากนั้นหอกของเขาก็หักอีกครั้งแล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นดาบเหล็กกล้าอีกครา

มันเกิดขึ้นไม่นานก็จริง หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าเขาใช้อาวุธและกินศัตรูไปมากแค่ไหนแล้ว ตอนนี้ชายหนุ่มมีพลังปราณมากล้นเหลือ ทว่าพละกำลังของเขาเริ่มหมดลงแล้ว จมูกและหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เสื้อชายหนุ่มเหนียวไปหมด บอกไม่ได้เลยว่าเป็นเลือดหรือว่าเหงื่อกันแน่

ถังหยินสู้อย่างดุเดือด และอู่เหมยเองก็ทำเช่นเดียวกัน หากแต่นางไม่ได้เข้ามาร่วมวงด้วย กลับกัน นางนั้นขึ้นไปบนกำแพงและโดนล้อมไปด้วยทหารหนิงมากมายที่เพิ่งเข้ามารอโอกาสที่จะแหกด่านเข้าไป พวกหนิงจำได้ว่าอู่เหมยเป็นคนสำคัญจากเกราะแม่ทัพของนาง และเมื่อรู้แบบนั้น พวกเขาจึงเข้ามารุมล้อมหญิงสาวอย่างบ้าคลั่ง

อีกด้านหนึ่ง ชิวเจิ้นเองก็ไม่ได้เข้าร่วมการรบตรง ๆ เขาฉลาดมากและไม่เจอกับพวกหนิงเลย ทว่าเขาก็ไม่ได้ซ่อนตัว ดวงตาของเด็กหนุ่มมองไปรอบ ๆ และสังเกตทุกอย่าง รวมไปถึงการมองหาคนที่จะช่วยสหายของเขาได้

เขาไม่อาจช่วยถังหยินได้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยคนอื่น

ท้ายที่สุดเด็กหนุ่มก็เจออยู่ 2 คน แม้ว่าจะมีตำแหน่งในกองทำไม่สูงมาก แต่พลังของพวกเขาก็ไม่เลวเลย หนึ่งในนั้นชื่อ กู่เยว่ที่เชี่ยวชาญการใช้ดาบ ส่วนอีกคนคือหลีเทียนที่เก่งกาจในการใช้ธนู

ทั้ง 2 คนนั้นโดนเด่นมากในสมรภูมิ คนหนึ่งยิงธนูระรัวอีกคนก็คอยชี้เป้านำทางและจัดการศัตรูไปหลายรายแล้ว หลังจากชิวเจิ้นเจอพวกเขา เด็กหนุ่มก็ไม่ลังเลที่จะเสียเวลาและชี้ไปยังตำแหน่งของถังหยินที่มีศัตรูมากมาย ดังนั้นทั้ง 2 จึงรีบตามชิวเจิ้นไปทันที

สำหรับถังหยินที่อยู่ในระหว่างการต่อสู้อันดุเดือด พวกทหารก็เริ่มน้อยลงไปทุกที แต่มันก็มีเพิ่มเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน จนท้ายที่สุดแล้วโดยรอบก็เต็มไปด้วยชุดเกราะสีเงินที่พากันส่องแสงแยงตาออกมา

ด้วยไม่รู้ถึงทักษะของถังหยินและเพลิงสีดำที่สุดแสนอันตราย พวกทหารหนิงจึงพากันบุกเข้าไปจัดการชายหนุ่มอย่างต่อเนื่องด้วยความโกรธแค้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดราวกับปีศาจร้าย ถังหยินไม่อาจพักได้เลย แม้แต่จะหยุดหายใจก็ไม่มีเวลา พลังกายของเขาถูกใช้ไปจนหมดแล้ว และที่ยังต่อสู้อยู่ได้ก็เป็นเพราะพลังปราณเท่านั้น

“ไปตายซะ!”

เมื่อเห็นถังหยินเคลื่อนไหวช้าลง ทหารหนิง 2 นายก็ได้ใช้โอกาสนี้แทงหอกเข้าใส่ที่เอวและกลางหลัง

เขาได้ยินและรับรู้ได้ถึงความอันตรายที่มาจากด้านหลัง แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจหลบได้แล้ว เพราะดาบที่เข้ามาจากด้านหน้าเองก็มากมายเหลือเกินจะกล่าว

ถังหยินสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วคำรามออกมา เลือกที่จะไม่หลบ ก่อนจะแกว่งดาบไปด้านหลัง

เคร้ง!

เขาฟันดาบไปเต็มกำลังและตัดผ่านอากาศไปอย่างดุเดือด ราวกับน้ำที่ถูกผ่าออก แรงส่งนั่นปะทะเข้ากับหอกที่พุ่งเข้ามา ด้ามหอกหักและแตกออก ทว่าปลายหอกก็ยังคงพุ่งเข้ามาอยู่ดี

ด้านหลังเขามีทหารหนิงมากมายที่โดนคลื่นลมกระแทกราวกับผักที่โดนดาบหั่นจนเกราะขาดครึ่ง เลือดกระจายไปทั่วพื้น ร่างกายท่อนบนร่วงลงไปที่พื้นและร่างกายท่อนล่างยังอยู่ดี รอยตัดนั้นคมกริบดั่งกระจกที่น่ากลัวและโหดร้ายมาก

นี่คือคลื่นปราณ การปลดปล่อยพลังปราณร่วมกับการโจมตีทำให้เกิดคลื่นพลังทำลายล้าง แน่นอนว่าคลื่นปราณย่อมใช้พลังปราณอย่างมหาศาลด้วยเช่นกัน

ถังหยินไม่ได้ขาดแคลนพลังเหล่านั้นในตอนนี้ สิ่งที่เขาขาดไปตอนนี้ก็คือกำลังกายนั่นเอง

เขาขยับมือและปลดปล่อยพลังออกไปอย่างไม่หยุด ส่วนมืออีกข้างก็ปลดปล่อยพลังทำลายล้างไปด้านหน้าด้วย

เคร้ง!

ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ทหารหนิง 10 นายก็ได้ถูกตัดหัวออกกระเด็น เลือดพุ่งขึ้นมาราวกับน้ำพุ ถ้าเกิดว่าถังหยินในตอนแรกว่าน่ากลัวแล้วละก็ ตอนนี้เขาดูจะน่ากลัวกว่าเดิมอีก

ทหารหรือแม่ทัพหนิงที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็หนีไปด้วยความหวาดกลัวจนเกิดที่ว่างกว่า 2 จั้ง ชายหนุ่มใช้โอกาสนี้ปักดาบลงไปที่พื้นและพักหายใจ ตอนแรกดาบของเขาก็ยังดีอยู่ แต่เมื่อมันแตะกับพื้น มันก็ได้แตกสลายไปทันที

เขาไม่ได้ใช้อาวุธปราณระหว่างที่ระเบิดพลังเลย ดังนั้นอาวุธธรรมดาซึ่งทนพลังดังกล่าวไม่ได้อยู่แล้วจึงแตกหักไปถังหยินชะงักโดยพลัน โชคดีที่เขาไหวตัวทันทำให้ไม่ล้มลงไปที่พื้น

อย่างไรก็ตาม พวกทหารหนิงก็ได้วิ่งกรูกันเข้ามาหาเขาอีกครั้ง

ถังหยินถอนหายใจ แต่หลังจากที่ทำแบบนั้นเขาก็ได้รู้ว่าพลังของเขาเข้าสู่ระดับปราณวิบัติแล้ว เขาไม่มีปัญหาที่จะสามารถสร้างอาวุธหรือเกราะปราณอีกต่อไป

ท่ามกลางสมรภูมิ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือเกราะปราณมันก็ยากที่จะเลือก ถ้าหากเขาจะโจมตีก็ต้องเสียพลังป้องกันไป และถ้าอยากจะป้องกันก็ต้องสละการโจมตีทิ้งไป และด้วยนิสัยของถังหยิน ทำไมเขาถึงจะไม่เลือกการโจมตีล่ะ?

ชายหนุ่มหยิบดาบเหล็กขึ้นมาและปลดปล่อยพลังปราณเข้าไปในมัน ทันใดนั้นดาบเหล็กก็กลายเป็นดาบสีดำและยาวขึ้น เมื่ออาวุธของเขาหลอมรวมเสร็จสิ้น พวกทหารหนิงก็เข้ามาอยู่ด้านหน้าของเขาพอดี ถังหยินยิ้มและตวัดดาบไปด้านหน้า

ชิ้ง!

ด้วยเสียงดังเล็กน้อย อาวุธในมือฝ่ายตรงข้ามขาดครึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะรีบถอยกลับไปด้วยความรวดเร็ว หนึ่งในนั้นมีเหงื่อออกเต็มหลังและชนกับทหารที่วิ่งเข้ามาเพิ่มจนชุลมุนวุ่นวาย

“พวกเจ้า ถอยไปให้หมด ข้าจัดการเอง!”

ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนมาจากฝั่งหนิง ทำให้พวกทหารพากันหลีกทางให้ทหารในชุดเกราะปราณคนหนึ่งเดินเข้ามา ชายคนนี้สูงและร่างหนาบึกบึน พร้อมด้วยหอกยาวที่ชัดเจนเลยว่าเป็นอาวุธปราณ

อ๊า! เมื่อเห็นแบบนี้เขาก็มั่นใจเลยว่าอีกฝ่ายใช้อาวุธและเกราะปราณ พลังของเขาน่าจะอยู่ในระดับปราณสู่พิสดาร ที่สูงกว่าของเขาระดับหนึ่ง ใบหน้าแม่ทัพปกคลุมไปด้วยเกราะปราณ มีเพียงดวงตาที่จ้องกลับมา

หลังจากนั้นสักพักชายคนนั้นก็พูด “ผู้ใช้ศาสตร์มืด! เจ้าเป็นคนที่ทำร้ายองค์ชายสามสินะ? วันนี้แหละข้าจะเด็ดหัวเจ้า!” ระหว่างที่พูดเขาก็ก้าวออกมาแล้วยกหอกขึ้นเล็งไปยังหัวของถังหยินแล้วเหวี่ยงมันเข้าใส่ฮัวฉาน

หอกนั่นพุ่งแหวกอากาศจนเกิดเสียงน่ากลัว ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าหอกนี้ทรงพลังขนาดไหน ถ้าหากมันกระแทกเข้ากับอะไรก็ตาม สิ่งนั้นจะต้องพังทลายอย่างแน่นอน !

ถังหยินไม่คิดจะรับมือมันอยู่แล้วและหลบไปด้านข้าง

พิ้ง!

ตัวหอกไม่ได้โดนถังหยินและพุ่งเข้าไปโดนสะพานธนูด้านหลังที่ทำจากหิน มันแตกกระจาย ส่งให้หินรอบ ๆ ทำให้กระเด็นไปทั่วจนชุดของเขาเป็นรูพรุนและกระอักเลือดออกมา

ช่างเป็นการโจมตีด้วยหอกที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง! ถังหยินพูดไม่ออก แต่เขาก็ไม่ได้กลัวเลย ชายหนุ่มสไลด์ตัวไปด้านข้างและหลบการโจมตีของชายคนนั้น ก่อนจะใช้ดาบของเขาฟันจากล่างขึ้นบน