“ก็ไม่ถึงกับเรียกว่าบริษัทหรอก ว่าไปตามหลักแล้ว…น่าจะเรียกว่า’ ธุรกิจเอกชน’ ล่ะมั้ง” 

 

 

“…” 

 

 

“…” 

 

 

ธุรกิจเอกชน?! 

 

 

ทุกคนพากันตกตะลึง เป็นไปได้ไง!  

 

 

สมาคมสกุลป๋อของพวกเขาชื่อเสียงระดับนานาชาติ อยู่ๆ ดันไปทำธุรกิจกับธุรกิจเอกชน? 

 

 

แม้…แม้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้เสียทีเดียว แต่นี่มันเป็นหน้าที่แผนกทั่วไปใต้ชั้นสิบแปด ทำไมถึงเอามาบอกบอสใหญ่โดยตรง 

 

 

อีกอย่างดูจากปฏิกิริยาของบอสแล้ว… 

 

 

“นี่…ทำไมประธานป๋อถึงได้ไปคบค้ากับกิจการเอกชนเล็กๆ ได้ล่ะ” 

 

 

อวี๋ซงยิ้มกว้างกว่าเก่า 

 

 

คบค้าอะไร 

 

 

คบหาดูใจล่ะสิไม่ว่า! 

 

 

จะคบอะไรได้อีก! 

 

 

“จริงด้วย เป็นธุรกิจที่ทะลุกี่ล้านงั้นเหรอ” 

 

 

กี่ล้าน? 

 

 

เฮอะๆ อันนี้ก็ไม่รู้สินะ! 

 

 

ในใจของคุณผู้ชายคุณหนูเฉินตีเป็นเงินได้เท่าไหร่ 

 

 

แต่ถึงใครจะไม่รู้ อวี๋ซงก็มีคำตอบในใจอยู่แล้ว 

 

 

ต้องรู้ว่าการประชุมที่คุณผู้ชายเข้าร่วมนั้นสำคัญหรือเปล่า 

 

 

นี่เป็นการประชุมระดับสูงนี้เป็นหน้าตาของสมาคมสกุลป๋อ มูลค่าของทุกๆ วินาทีนั้นประเมินค่าไม่ได้ 

 

 

ต้องรู้ว่ารายงานของทุกๆ ฝ่ายถึงแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ นั่นอาจหมายถึงความเสียหายที่ไม่ใช่แค่ล้านสองล้าน ร้อยสองร้อยล้านอะไรง่ายๆ แบบนั้น 

 

 

แต่ตอนนี้คุณผู้ชายกลับสิ้นสุดการประชุมลงเสียง่ายๆ เพราะคุณหนูเฉิน หากต้องเปรียบเทียบคุณหนูเฉินกับเงินทองล่ะก็… 

 

 

เอ๊ะ? 

 

 

จะว่าไป ในเมื่อคุณหนูเฉินได้กลับมาพร้อมกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่แล้ว คุณผู้ชายไม่ต้องเป็นห่วงแล้วสิถึงจะถูก 

 

 

แล้วเขาจะรีบตัดจบการประชุมไปเพื่อ? 

 

 

เป็นอีกครั้งที่เขาไม่สนข้อข้องใจของหมู่มาก อวี๋ซงหันตัวไปแล้วเดินออกจากห้องประชุม 

 

 

ในห้องของผู้บริหารสูงสุด ทุกที่แสดงให้เห็นถึงความสง่างามสูงส่งของความเงียบและสุขุม 

 

 

เวลานี้ป๋อจิ่งชวนยื่นอยู่หน้ากระจกฝรั่งเศสบานโต ร่างสูงสง่า เปี่ยมไปด้วยความสูงศักดิ์ แม้จะยืนเฉยๆ มองภาพของร่างสูงนั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่พลั่งพร้อมออกมาจากร่างนั้น 

 

 

ร่างกายของป๋อจิ่งชวนมีลักษณะเฉพาะตัวที่สามารถทำให้คนยอมเชื่อฟัง ไม่อนุญาตให้เพ้อเจ้อ ไม่อนุญาตให้พูดแทรก 

 

 

ตอนที่อวี๋ซงเขามานั้น เขาได้มองร่างของป๋อจิ่งชวนแค่ปราดเดียว หัวใจที่ตื้นเขินก็ถูกชายหนุ่มตรงหน้ากดลงไปให้ลึกยิ่งกว่าเดิม 

 

 

เพราะป๋อจิ่งชวนหันหลังให้เขาอยู่ อวี๋ซงจึงไม่ได้สังเกตเห็นโทรศัพท์เครื่องสีดำที่อยู่ในมือของป๋อจิ่งชวน 

 

 

เขาแอบหัวเราะเยาะพฤติกรรมของคุณผู้ชายในใจ แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงการกระทำอันชั่วร้ายนั้นป๋อจิ่งชวนกลับยกมือขึ้นเอาโทรศัพท์ขึ้นแนบหู 

 

 

– 

 

 

เฉินฝานซิงที่ผ่อนคลายไร้กังวลก็ได้หลับลงอีกครั้ง หลังจากจ้องโทรศัพท์มาเป็นเวลานานก็ไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตอนไหน 

 

 

เพราะตารางงานที่แน่นเอี๊ยดก่อนหน้านี้ การนอนจึงกลายเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยในตลอดเวลาที่ผ่านมาของเธอ 

 

 

บัดนี้ไม่ง่ายเลยที่จะผ่อนคลายลง สิ่งที่คิดไม่ใช่การออกไปทานอาหารดีๆ สักมือหรือไปช้อปปิ้งแต่คือการนอนหลับสักตื่น 

 

 

ในขณะที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้น โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงขึ้น 

 

 

เฉินฝานซิงแทบจะลืมตาตื่นขึ้นในครั้งแรก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย 

 

 

ทว่าเลขหลักท้ายๆ กลับดูสะดุดตา 1111 

 

 

หัวใจของเธอกระตุกหนึ่งครั้ง จ้องมองตัวเลขเหล่านั่นอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงสไลด์ลงไปที่ปุ่มกดรับ 

 

 

“เหวย?” 

 

 

เธอเพิ่งจะตื่น เสียงที่ใสมาโดยตลอดจึงติดงัวเงียและแหบพล่าตามประสาคนเพิ่งตื่นนอน ฟังดูนุ่มนวลชวนฟังอย่างหาได้ยาก 

 

 

นัยน์ตาสีดำขลับหรี่ลง เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยจนแทบจะมองไม่เห็น 

 

 

น้ำเสียงแบบนี้ ช่างเป็นการยั่วยวนที่ร้ายกาจจริงๆ 

 

 

“ผมเอง” น้ำเสียงติดเยือกเย็น แต่กลับจงใจลดเสียงให้เบาลง 

 

 

ราวกับกลัวว่าน้ำเสียงนั้นจะทำให้เธอตกใจ 

 

 

อวี๋ซงที่ยืนพิจารนาตัวเองอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ก็ได้กระตุกมุมปากขึ้นอย่างชั่วร้าย 

 

 

(✪ω✪)