ตอนที่ 49 คุณเป็นแบบนี้ไม่วันจีบหญิงติดหรอก

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

อวี๋ซงที่ยืนพิจารณาตัวเองอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ก็ได้กระตุกมุมปากขึ้นอย่างชั่วร้าย 

 

 

จริงๆ เขาก็ไม่ได้โทษจิตใจคุณผู้ชายของเขาหรอก 

 

 

เพราะว่าคุณผู้ชายของเขานั้น…เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ 

 

 

(เจ้าหมาตัวที่สอง เจ้าเปลี่ยนไป) 

 

 

เปลี่ยนไปจนเขาแทบจะไม่รู้จัก 

 

 

ใครจะไปคิด ว่าคุณผู้ชายที่แค่นั่งเฉยๆ ก็ทำเอาคนทั้งหอประชุมแทบช็อกจนเป็นอัมพาตได้ แค่หันหลังให้ก็กลายเป็นคนที่คุยโทรศัพท์กับอีกคนอย่างอบอุ่น? 

 

 

อบอุ่น? 

 

 

ผู้ชายที่เคร่งขรึมเฉยเมยและเยือกเย็นจนเข้ากระดูกอย่างเขา อยู่ๆ ก็อบอุ่นได้ถึงขนาดนี้? 

 

 

ยิ่งโตไปยิ่งได้เจอจริงๆ 

 

 

เป็นแบบนี้แล้วสาวๆ ที่ตามกรี๊ดคุณชายมาตั้งนานจะมีชีวิตต่อไปยังไง 

 

 

เฉินฝานซิงที่ได้ยินเสียงของเขากลับรู้สึกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ 

 

 

“อืม รู้แล้วค่ะ” 

 

 

เธอเลิกผ้าห่มออก สวมรองเท้าแตะก้าวลงจากเตียง แขนข้างหนึ่งยกขึ้นด้านหน้า ยืนมองทิวทัศน์ด้านนอกที่ริมหน้าต่าง 

 

 

สายตากลับจ้องมองไปยังตึกที่สูงที่สุด อย่างไม่ได้ตั้งใจ 

 

 

คนหนึ่งยืนอยู่บนชั้นที่สูงที่สุดของตึก อีกคนยืนอยู่ในที่ลับตาจนยากที่ใครจะมองเห็น 

 

 

คนหนึ่งเสื้อสูทรองเท้าหนัง ส่วนอีกคนชุดนอนโทรมๆ 

 

 

ทั้งสองแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ขณะนี้กลับกับยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างในเวลาเดียวกัน ขั้นกลางด้วยความเจริญ ตรงข้ามและเผชิญหน้า 

 

 

“คุณเพิ่งตื่น?” 

 

 

“…อืม” เฉินฝานซิงเงียบไปก่อนจะตอบกลับมาหนึ่งคำ 

 

 

“ได้ยินว่าคุณลาออกวันนี้” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนถามขึ้นเสียงเรียบ โดยมีอวี๋ซงเบ้ปากอยู่ข้างๆ 

 

 

รู้อยู่แล้วยังจะแกล้งทำเป็นไม่รู้อีก 

 

 

หมาป่าหางโต! [1]  

 

 

จู่ๆ คำๆ นี้ก็ปรากฏขึ้นในหัวของอวี๋ซง เล่นเอาเขาตกใจ 

 

 

หมิ่นเกินไป! 

 

 

เฉินฝานซิงเคยบอกเรื่องนี้ต่อหน้าคุณย่าแล้วครั้งนึง ซึ่งตอนนั้นป๋อจิ่งชวนเองก็อยู่ด้วย 

 

 

จะรู้ก็ไม่แปลก 

 

 

“อื้ม ลาออกแล้ว” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนยังคงแย้มมุมปาก “ดีมาก” 

 

 

“…” เธอปิดปากเงียบไม่พูดจา 

 

 

“คุณทานอะไรหรือยัง” เขานิ่งไปได้แค่สองวิ ก็ถามขึ้นอีกครั้ง 

 

 

เธอหันไปมองนาฬิกาตรงหัวเตียงที่บอกเวลาสิบเอ็ดโมง 

 

 

“ยังเลย” 

 

 

“อืม ผมยุ่งมากเลย” 

 

 

อวี๋ซงแม้แต่ตอนนี้หางตาเขาก็เริ่มจะเป็นตะคริว 

 

 

ถึงห้องทำงานนี้ใหญ่แต่ก็เสียบสงัดจนแม้แต่เสียงในโทรศัพท์ก็ยังสามารถได้ยินอย่างชัดเจน 

 

 

คุณตอบอะไรของคุณ 

 

 

ก็เขาบอกอยู่ว่ายังไม่ได้ทานอะไร คุณกลับตอบไปว่าคุณยุ่งมาก? 

 

 

คุณผู้ชาย ขอผมกำเริบเสิบสานอีกสักครั้งเถอะ : คุณเป็นแบบนี้ไม่วันจีบหญิงติดหรอก 

 

 

คำตอบนั้นทำเอาเธอผงะไปเช่นกัน เธอนิ่งไปแปปนึงก่อนจะรีบเอ่ยขึ้น “งั้นคุณ…” 

 

 

“จะวางสายผมแล้วเหรอ” 

 

 

เฉินฝานซิงแทบสำลักคำพูดตัวเอง “…ก็คุณบอกว่าคุณยุ่งมาก” 

 

 

“อืม เที่ยงนี้คุณกะจะทานข้าวที่บ้านไหม” 

 

 

เฉินฝานซิงกุมขมับ เธอรู้สึก…เหนื่อยนิดหน่อยกับการตามความคิดของผู้ชายคนนี้ไม่ทัน 

 

 

“ไม่ได้วางแผนจะไปไหน หาอะไรกินที่บ้านนิดๆ หน่อยๆ ก็พอแล้ว” 

 

 

“โอเค ผมเข้าใจแล้ว” 

 

 

“…” 

 

 

“…” 

 

 

ทั้งคู่ตกอยู่ในช่องว่างของบทสนทนาที่ยาวนาน 

 

 

เนิ่นนาน กว่าที่ป๋อจิ่งชวนจะเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ “คุณวางสายก่อนเถอะ” 

 

 

เธอนิ่งไป “…ค่ะ” 

 

 

ก่อนจะกดวางสายลง 

 

 

สิ้นสุดการสนทนา 

 

 

อวี๋ซงยืดกายขึ้นอย่างเงียบๆ 

 

 

ป๋อจิ่งชวนเก็บโทรศัพท์แล้วหันมา ใบหน้าของอวี๋ซงก็เรียบเฉย ท่าทางเคร่งขรึมและเข้มงวดเหมือนเช่นเคย 

 

 

“คุณผู้ชายครับการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าที่เฉิงเป่ยกำลังจะแล้วเสร็จในเร็ว ๆ นี้ ก่อนหน้านี้แบรนด์ต่างประเทศจำนวนมากได้มีการยื่นคำร้องเข้ามา ผู้รับผิดชอบฝ่ายส่งเสริมการลงทุนได้ส่งข้อมูลของแบรนด์สินค้ามาแล้ว นอกจากนั้น…” 

 

 

ป๋อจิ่งชวนช้อนตาขึ้น กวาดตามองอวี๋ซงอย่างเรียบเฉย สายตานั้นทั้งจมดิ่งและว่างเปล่า ทำเอาอวี๋ซงถึงกับฉงน จนค่อยๆ ลดเสียงลง 

 

 

ลางสังหรณ์บอกเขาว่าตอนนี้ไม่ควรพูดอะไร 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] หมาป่าหางโต กลัวคนอื่นจะมองข้ามหรือมองไม่เห็น