โถงงานเลี้ยงเอเลนอยด์ที่เอาไว้ใช้จัดงานเลี้ยงในคฤหาสน์เนืองแน่นไปด้วยผู้คน 

 

 

วงดนตรีกำลังบรรเลงเสียงเพลงรื่นเริง กลิ่นหอมของอาหารรสอร่อยที่ในครัวกำลังลงมือทำกันอย่างแข็งขันลอยคลุ้งยั่วน้ำลาย 

 

 

พรมผืนใหญ่ที่ปูอยู่บนพื้น ผ้าม่านที่ประดับแขวนอยู่บนหน้าต่าง จนถึงดอกไม้ประดับที่วางอยู่บนโต๊ะทุกตัว ไม่มีสิ่งใดเลยที่ไม่ใช่ของหรูหราชั้นดี 

 

 

ในบรรดาคนที่มาร่วมปาร์ตี้วันเกิดของเธอ มองดูแล้วรู้เลยว่าใครที่เพิ่งเคยมาร่วมงานเลี้ยงของตระกูลลอมบาร์เดียเป็นครั้งแรกพวกเขาไม่อาจละสายตาไปจากภาพวาดตระการตาและรูปสลักที่ประดับอยู่ทั่วเพดานสูงของโถงงานเลี้ยงได้เลย 

 

 

เธอเดินเข้ามาในโถงงานเลี้ยงพร้อมกับคู่แฝด หันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ อยู่ครู่หนึ่งราวกับคนที่เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก 

 

 

เธอเองก็เผลอพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน 

 

 

“ว่าแล้วเชียว ลอมบาร์เดียเจ๋งเป็นบ้า…” 

 

 

ในโลกใบนี้จะยังมีตระกูลใดที่สามารถจัดงานเลี้ยงที่หรูหราและยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้อีก 

 

 

แถมยังเป็นงานเลี้ยงที่จัดเพื่อเด็กอายุครบแปดขวบอีกต่างหาก 

 

 

ปาร์ตี้วันเกิดอายุแปดขวบของเธอในชีวิตก่อน มันธรรมดามากสุดๆ 

 

 

ตอนกลางวันก็แค่เล่นอย่างสนุกสนานกับท่านพ่อ พอตกเย็นก็ร่วมทานมื้อเย็นด้วยกันกับคนอื่นๆ ในครอบครัว 

 

 

และเมื่อกลับมาถึงห้อง ก็จะมีของขวัญวันเกิดไม่กี่ชิ้นวางอยู่ 

 

 

แน่นอนว่าของขวัญพวกนั้นมันเป็นของราคาแพงกว่าของตระกูลอื่นมาก แต่มันก็ผ่านไปอย่างเงียบเชียบด้วยรูปแบบนั้น 

 

 

“ว้าว ตื่นเต้นจัง!” 

 

 

“ตรงนั้นมีตัวตลกด้วย! ” 

 

 

เพราะไม่ใช่งานเลี้ยงทั่วไป แต่เป็นงานปาร์ตี้วันเกิดของเด็ก ดังนั้นจึงมองเห็นเด็กๆ ชนชั้นสูงตระกูลอื่นอยู่มากมาย 

 

 

อย่างที่สองแฝดพูด มีตัวตลกคอยเอนเตอร์เทนพวกเด็กๆ ให้สนุกกันอยู่จริงๆ 

 

 

“ว่าแต่ทำไมคนถึงได้มาเยอะแบบนี้ล่ะ” 

 

 

คนทั้งหมดนี่ไม่มีทางมาเพื่อแสดงความยินดีเนื่องในวันเกิดของเธออย่างบริสุทธิ์ใจแน่นอน 

 

 

ต่อให้บอกว่ามีคนมากมายที่อยากมาร่วมงานเลี้ยงที่ตระกูลลอมบาร์เดียเป็นเจ้าภาพก็ตาม แต่มันไม่ใช่งานที่สำคัญขนาดจะทำให้พวกชนชั้นสูงบั้นท้ายหนักพวกนั้นพาลูกหลานของตัวเองมาร่วมกันแบบนี้หรอก 

 

 

เธอหันไปมองรอบๆ งานเลี้ยง พยายามค้นหาเหตุผล แต่แล้วใครบางคนก็สะกิดไหล่ของเธอ 

 

 

“เทีย สุขสันต์วันเกิดนะ” 

 

 

“ลาลาเน่” 

 

 

ลาลาเน่วันนี้ม้วนผมเป็นลอนอย่างงดงาม ดูแล้วสวยยิ่งกว่าวันไหนๆ 

 

 

“คนในครอบครัวอยู่กันทางด้านหน้าโน่นแน่ะ ไปกันเถอะ” 

 

 

ลาลาเน่วัยสิบเอ็ดขวบจับมือเธอไว้ ก่อนจะเริ่มพาเดินไปยังทิศที่นางชี้ไปเมื่อครู่ 

 

 

“พวกเราไปด้วย!” 

 

 

สองแฝดที่มัวยุ่งอยู่กับการหยิบผลไม้ที่จัดเตรียมเอาไว้สำหรับรองท้องก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น รีบวิ่งตามหลังเธอมาติดๆ 

 

 

แต่ดูเหมือนการที่เด็กสี่คนจะฝ่าฝูงชนที่อยู่กันแน่นเต็มงานเลี้ยงไปจนถึงด้านหน้า เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยสักนิด 

 

 

“โอ๊ะ?” 

 

 

แต่แล้วเรื่องแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น 

 

 

ผู้คนที่มัวแต่หัวเราะพูดคุยกันในกลุ่ม ทันทีที่พวกเราเริ่มขยับตัว พวกเขาต่างก็ขยับแหวกทางให้ราวกับทะเลที่ถูกผ่าครึ่ง 

 

 

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตระหนักได้ถึงการมีตัวตนของพวกเธออยู่ก่อนแล้ว 

 

 

แตกต่างจากเธอที่ตกใจเล็กน้อย ลาลาเน่กับสองแฝดดูจะคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้เป็นอย่างดี 

 

 

เป็นเพราะท่านพ่อไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมพบปะผู้คนเท่าไหร่ เธอจึงแทบไม่เคยได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่พวกชนชั้นสูงมารวมตัวกันบ่อยนัก 

 

 

แต่พวกลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ ไม่ได้เป็นแบบนั้นพวกเขาติดตามพ่อแม่ไปร่วมงานเลี้ยงแบบนี้อยู่บ่อยครั้งเหมือนอย่างที่เบเลซักทำเมื่อคราวก่อนเมื่อเดินฝ่าไปด้านหน้าทั้งๆ ที่ได้รับสายตาให้ความสนใจของผู้คน ก็เห็นคนในตระกูลลอมบาร์เดียยืนอยู่อย่างที่ลาลาเน่บอก 

 

 

ชานาเนส เบเจอร์ และลอเรนซ์ ทุกคนต่างก็รวมตัวกันอยู่ที่บริเวณหนึ่ง 

 

 

พอเห็นแบบนี้แล้ว ทุกคนดูโดดเด่นกันจริงๆ 

 

 

ไม่ว่าข้างในจิตใจจะเป็นยังไงก็ตาม แต่มองจากไกลๆ แบบนี้ ก็สมควรแล้วที่พวกชนชั้นสูงตระกูลอื่นจะปรารถนาอยากได้คนของลอมบาร์เดียที่ยืนรวมตัวกันอยู่ 

 

 

ต้องบอกว่าสัมผัสได้จากท่วงท่าอันแสนสง่าที่ไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้หรือเปล่านะ 

 

 

“ฟีเรนเทีย มานี่สิ” 

 

 

ท่านปู่ยิ้มต้อนรับเมื่อสังเกตเห็นเธอ 

 

 

ลาลาเน่เป็นฝ่ายปล่อยมือเธอก่อน เธอจึงยิ้มกว้าง วิ่งกรูเข้าไปหาท่านปู่ 

 

 

“เป็นยังไงบ้าง ถูกใจงานวันเกิดของเจ้ามั้ย” 

 

 

เรื่องนี้อย่าพูดตามความจริงอย่างซื่อสัตย์จะดีกว่า 

 

 

เธอเลือกที่จะพูดออกไปในบทบาทของหลานสาวนิสัยดี 

 

 

“ตกใจหมดเลยค่ะ ไม่นึกเลยว่าจะมีคนมากมายมางานเลี้ยงวันเกิดของข้าแบบนี้ ท่านปู่” 

 

 

“ฮ่าฮ่า…” 

 

 

ท่านปู่หัวเราะไปพลางลูบศีรษะเธอ ก่อนจะเอ่ยพูด 

 

 

“ปู่คนนี้เรียกคนรู้จักมารวมตัวกันยังไงล่ะ สั่งให้มาช่วยอวยพรวันเกิดให้ฟีเรนเทียของเรา” 

 

 

“ว้าว อย่างนั้นนี่เอง! ” 

 

 

“ฟีเรนเทียยังเด็กอาจจะยังไม่รู้อะไร แต่สำหรับพวกผู้ใหญ่น่ะ การที่ใครมาช่วยอวยพรเวลามีเรื่องดีๆ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าตัวเรื่องน่ายินดีนั่นเสียอีก” 

 

 

ทำไมจะไม่ทราบล่ะคะ ท่านปู่ 

 

 

เธอหันไปมองผู้คนที่อยู่ในงานเลี้ยงด้วยมุมมองที่แปลกไป 

 

 

ส่วนใหญ่แล้วเป็นชนชั้นสูงมากอำนาจอย่างแน่นอน 

 

 

หมายความว่าตำแหน่งของคนที่มาที่นี่อีกไม่นานคงจะมีตำแหน่งทางสังคมใกล้เคียงกับลอมบาร์เดีย 

 

 

“และก็ยังมีแขกของท่านพ่อของเจ้าที่มากันมากพอๆ กันกับคนที่ปู่คนนี้เรียกมาด้วยนะ” 

 

 

หากเก็บพับด้านบริสุทธิ์ใจเพื่อเด็กตัวเล็กๆ กลับลงไป ก็คือคนมากมายในบรรดาผู้คนเหล่านี้ เป็นคนที่ตั้งใจจะมาสานสัมพันธ์กับท่านพ่อนั่นเอง 

 

 

หลังจากที่เห็นว่ากิจการผ้าทอของท่านพ่อประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม นี่คงจะเป็นคลื่นลูกโตที่เป็นผลตามมาจากความสำเร็จนั่นนี่เอง 

 

 

“ว่าแต่พ่ออยู่ที่ไหนเหรอคะ ท่านปู่” 

 

 

คำถามของเธอทำให้ท่านปู่ตื่นตระหนกเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ 

 

 

“เรื่องนั้น…เห็นว่างานจะเลิกช้านิดหน่อย แวะไปที่โรงงานทอผ้าแล้วจะตรงมาเลย เดี๋ยวก็คงมาถึงแล้วละ” 

 

 

“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ” 

 

 

การที่กิจการของท่านพ่อประสบความสำเร็จนั้นน่ายินดีกว่าปาร์ตี้วันเกิดแบบนี้เป็นร้อยเท่า 

 

 

ท่านปู่มองเธอยิ้มๆ แล้วจึงหยิบแก้วที่วางอยู่ข้างหน้าขึ้นมาชูขึ้นสูง 

 

 

ทั่วโถงงานเลี้ยงที่เคยส่งเสียงดังโหวกเหวกพลันเงียบลงอย่างน่ามหัศจรรย์ 

 

 

“เอาละ ในเมื่อตัวเอกงานวันเกิดมาถึงแล้ว ถ้างั้นก็เริ่มงานเลี้ยง…” 

 

 

แต่แล้วในตอนที่ท่านปู่ดึงความสนใจของผู้คน ตั้งใจจะประกาศเริ่มงานเลี้ยง 

 

 

ประตูงานเลี้ยงที่ถูกปิดแน่นหลังจากที่เธอเดินเข้ามาก็ถูกเปิดออก ก่อนที่ใครบางคนจะเดินเข้ามา 

 

 

ตอนแรกนึกว่าท่านพ่อมาถึงแล้ว แต่คนที่กำลังเดินอย่างภาคภูมิบนพื้นพรม และดึงความสนใจไปจากทุกคนกลับไม่ใช่ท่านพ่อ 

 

 

“อะไรกัน…” 

 

 

เธอพึมพำด้วยความตื่นตระหนก 

 

 

เด็กผู้ชายที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับการที่สายตาหลายร้อยคู่จับจ้องไปที่ตนเองค่อยๆ เดินเข้ามาข้างหน้าเธออย่างเชื่องช้า ก่อนจะเป็นฝ่ายกล่าวทักทายก่อน 

 

 

“สวัสดี ฟีเรนเทีย” 

 

 

ท่านปู่กล่าวว่า สิ่งสำคัญเหนือเรื่องที่น่ายินดีคือขึ้นอยู่กับว่าใครมาร่วมแสดงความยินดี 

 

 

เธอเงยหน้ามองท่านปู่ รู้สึกอยากจะถามท่านขึ้นมา 

 

 

คือว่า ท่านปู่คะ 

 

 

แล้วถ้าเจ้าชายลำดับที่หนึ่งที่ไม่ได้เชิญดันโผล่มาในฐานะแขก มันจะเป็นยังไงล่ะคะเนี่ย