“เล่ห์กลหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าคำรามน้อยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อมั่น
เธอค้นพบแล้วว่าเจ้านี่มิอาจไว้ใจได้ มันมิได้ชี้แนะเธอไปสู่ความคิดที่ดีแต่อย่างใดเลย
“ที่ข้าพูดเป็นความจริงนะ!” เจ้าคำรามน้อยเอ่ยทัดทาน
“เช่นนั้นเจ้าลองพูดมาสิว่าเจ้ามีความคิดอันใด” ซือหม่าโยวเย่ว์สัมผัสได้ถึงหัวใจที่ผิดหวังอยู่บ้างของเจ้าคำรามน้อยจึงพูดขึ้น
“อ่าฮะ อันที่จริงก่อนหน้านี้ก็มีวิธีการที่ไม่ต้องฝึกให้เชื่องแต่ทำพันธสัญญาได้อยู่นะ” เจ้าคำรามน้อยพูด
“ไม่ฝึกให้เชื่องก็ทำพันธสัญญาได้อย่างนั้นหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
“เจ้าไม่เคยได้ยินก็เป็นเรื่องปกติยิ่งนัก” เจ้าคำรามน้อยพูด “เดิมทีสัตว์อสูรวิเศษก็ขับไสไล่ส่งมนุษย์กันเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว อยากจะให้พวกมันเริ่มยอมรับเป็นเจ้านายก่อนนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว บวกกับที่มันยังเป็นวิธีการโบราณอย่างหนึ่งด้วย ดังนั้นพวกมันก็ย่อมไม่รู้กันอยู่แล้ว”
“เช่นนี้ก็ได้ด้วยหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“แน่นอนอยู่แล้ว เจ้าลองคิดดูสิว่าไข่ฟองนั้นก็มิได้เริ่มทำพันธสัญญากับเจ้าก่อนหรอกหรือ” เจ้าคำรามน้อยพูด
“ใช่แล้ว! หากเจ้าไม่พูดข้าก็ลืมไปแล้ว!” ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าคำรามน้อยแล้วพูดว่า “เจ้าค้นพบมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วใช่หรือไม่ แต่เจ้ากลับมิได้รู้สึกประหลาดใจเลย ดังนั้นเจ้าก็คงรู้แล้วว่าเจ้าไข่ฟองนั้นคือสิ่งใดใช่หรือไม่”
เจ้าคำรามน้อยคิดไม่ถึงว่ามันเพิ่งจะเกริ่นขึ้นมาเพียงประโยคเดียวซือหม่าโยวเย่ว์ก็ค้นพบเข้าเสียแล้ว มันตบศีรษะตัวเองเบาๆ แล้วพูดว่า “เรื่องนั้น พี่ใหญ่เพลิงชาดพูดเอาไว้ว่ามิอาจบอกเจ้าได้ ไอ้หยา เย่ว์เย่ว์ เจ้าอย่าได้ถามเรื่องนี้อีกเลยนะ ที่ไม่บอกเจ้าก็เพื่อประโยชน์ของเจ้าเองนั่นแหละ”
“อืม ข้าเข้าใจ” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นท่าทีหงุดหงิดของเจ้าคำรามน้อยแล้วก็ไม่อยากทำให้มันต้องลำบากใจ ในเมื่อมันกับเพลิงชาดต่างก็บอกเอาไว้ว่าเพื่อประโยชน์ของตัวเธอเอง เช่นนั้นเธอก็จะไม่ถามอีกต่อไปแล้ว “แต่วิธีการที่เจ้าบอกก็คือการริเริ่มยอมรับเป็นเจ้านายอย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้ว” เจ้าคำรามน้อยพยักหน้า
“พี่ใหญ่ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะเริ่มยอมรับเป็นเจ้านายได้อย่างไร” เสือกรงเล็บเหล็กพูด
“ไม่เป็นไร พี่ใหญ่จะสอนเจ้าเอง” เจ้าคำรามน้อยพูดพลางตบหลังของเสือกรงเล็บเหล็กเบาๆ
“แต่เจ้าก็บอกว่าสัตว์อสูรวิเศษในปัจจุบันไม่รู้วิธีการเริ่มทำพันธสัญญา แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“แน่นอนว่าก็ต้องเป็นสิ่งที่สืบทอดต่อกันมาน่ะสิ!” เจ้าคำรามน้อยพูดอย่างลำพองใจ “อย่าลืมสิว่าข้าเป็นถึงสัตว์อสูรเทพโบราณ พวกเรามีสิ่งที่สืบทอดต่อกันมา ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ แต่ภายในสิ่งที่สืบทอดต่อกันมานั้นมีวิธีการอยู่”
พูดจบแล้วเจ้าคำรามน้อยก็หลับตาลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพียงไม่นานมันก็ลืมตาขึ้นมาแล้วพูดว่า “หาพบแล้ว!”
เห็นเพียงว่ามันก้มตัวลงข้างหูเสือกรงเล็บเหล็กแล้วพูดอะไรหลายประโยค จากนั้นก็พูดว่า “เจ้าเพียงแค่ท่องไม่กี่ประโยคนั้นก็ใช้ได้แล้วล่ะ”
“ได้เลยพี่ใหญ่” เสือกรงเล็บเหล็กพยักหน้า หลังจากที่เจ้าคำรามน้อยจากไปแล้วก็เริ่มต้นท่องสิ่งที่เจ้าคำรามน้อยพูดออกมา
ดูคล้ายว่าจะท่องภาษาสัตว์ ซือหม่าโยวเย่ว์จึงฟังไม่เข้าใจเลยแม้แต่ประโยคเดียว แต่ระหว่างเธอกับเจ้ากรงเล็บเหล็กก็มีสายใยแห่งการทำพันธสัญญาปรากฏขึ้นตามคำที่ท่องออกมา
เสือกรงเล็บเหล็กหมอบลงแสดงถึงความจงรักภักดีของตน
“เย่ว์เย่ว์ วางมือของเจ้าลงบนหน้าผากของมันเสีย” เจ้าคำรามน้อยเอ่ยเตือนอยู่ข้างๆ
ซือหม่าโยวเย่ว์ก้าวขึ้นไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้ววางมือของตนลงบนหัวของเสือกรงเล็บเหล็ก ได้ยินมันพูดว่า “ข้ายอมรับซือหม่าโยวเย่ว์เป็นเจ้านาย เป็นสัตว์อสูรที่ทำพันธสัญญากับนาง จากนี้ไปจะปกป้องคุ้มครองนาง ไม่หนีห่าง ไม่ทอดทิ้ง ซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้าปรารถนาจะทำพันธสัญญากับข้าหรือไม่”
“ข้าปรารถนา” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยตอบ
พอเธอพูดจบ สายใยแห่งการทำพันธสัญญาที่อยู่เบื้องล่างของพวกเขาก็เริ่มเปล่งประกายขึ้นมา ลำแสงโอบล้อมทั้งสองเอาไว้ จากนั้นค่อยๆ หดเล็กลงอย่างช้าๆ แล้วแยกจากหนึ่งเป็นสองเข้าไปภายในร่างของทั้งคู่
“เจ้านาย!” เสือกรงเล็บเหล็กสัมผัสได้ถึงสายสัมพันธ์ระหว่างมันกับซือหม่าโยวเย่ว์ จึงตะโกนเรียกเสียงหนึ่งอย่างตื่นเต้น
“ฮ่าๆ ทำพันธสัญญาแล้วจริงๆ ด้วย!” ซือหม่าโยวเย่ว์ย่อตัวลงแล้วโอบคอของเสือกรงเล็บเหล็กเอาไว้
“ฮ่าๆ ข้าก็บอกแล้วอย่างไรเล่า ว่าทำพันธสัญญาได้!” เจ้าคำรามน้อยพูดอย่างลำพองใจ
“อืม คราวนี้ยกความดีความชอบให้เจ้าแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
เสือกรงเล็บเหล็กสัมผัสได้ผ่านการทำพันธสัญญาว่าซือหม่าโยวเย่ว์มิได้มีเพียงแค่สัตว์อสูรเทพโบราณอย่างเจ้าคำรามน้อยเท่านั้น แต่ยังมีสัตว์อสูรที่ร้ายกาจยิ่งกว่าทำพันธสัญญาอยู่ด้วย มันเพียงแค่รับสัมผัสครั้งหนึ่งเท่านั้นก็ถูกพลังคุกคามที่มันแผ่ออกมาทำเอาตกใจจนตัวสั่นสะท้าน
“นั่นต่างหากจึงจะเป็นพี่ใหญ่ที่แท้จริง แต่มันกำลังหลับอยู่ในห้วงนิทรา เจ้าก็อย่าไปรบกวนมันเลย” เจ้าคำรามน้อยเอ่ยเตือน
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว” เสือกรงเล็บเหล็กพูด หัวใจส่งเสียงบอกว่าตนเลือกเจ้านายได้ถูกคนแล้วจริงๆ
“เจ้ามีชื่อหรือไม่” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางลูบหัวเสือกรงเล็บเหล็ก
“ไม่มี ตอนที่ข้าเกิดมาบิดามารดาก็ตายไปหมดแล้ว ตอนข้าอยู่ในฝูงเสือก็ไม่ได้รับความสนใจใดๆ มาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่เคยมีใครตั้งชื่อให้ข้ามาก่อน ต่อมาก็ยังถูกขับไล่ออกมาอีก” เสือกรงเล็บเหล็กพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์เกาคอให้เสือกรงเล็บเหล็กแล้วเอ่ยว่า “อย่าได้คิดมากไปเลยนะ ต่อจากนี้เจ้าก็อยู่กับพวกเรา พวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน ในเมื่อเจ้าไม่มีชื่อ เช่นนั้นเจ้าก็ชื่อว่าย่ากวงก็แล้วกันนะ”
“ขอบคุณเจ้านาย” ย่ากวงพูดพลางคลอเคลียกับมือของซือหม่าโยวเย่ว์
“ย่ากวง ต่อจากนี้ข้าจะฝึกยุทธ์ที่เทือกเขาผู่สั่วไปอีกหลายวัน จะต้องหาสัตว์อสูรวิเศษระดับค่อนข้างต่ำมาเป็นคู่ต่อสู้จำนวนหนึ่ง เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่ไหนมีสัตว์อสูรวิเศษระดับค่อนข้างต่ำที่อาศัยอยู่ตามลำพังบ้าง” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ข้ารู้ ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าเตร็ดเตร่อยู่ก็เคยเดินผ่านไปกว่าครึ่งของพื้นที่เทือกเขาผู่สั่วแล้ว” ย่ากวงพยักหน้าแล้วชี้ไปยังทิวเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนักพลางเอ่ยว่า “ส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นั่นล้วนเป็นสัตว์อสูรวิเศษที่อยู่ตามลำพังทั้งสิ้น ส่วนทางนั้นจะเป็นสัตว์อสูรวิเศษที่อยู่กันเป็นฝูงเสียส่วนใหญ่ สัตว์อสูรวิเศษที่อยู่รอบนอกล้วนเป็นสัตว์อสูรวิเศษระดับค่อนข้างต่ำ ถัดไปเป็นบริเวณชั้นกลางและชั้นในสุดจะเป็นระดับค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ประจำล้วนเป็นสัตว์อสูรทิพย์ทั้งสิ้น และส่วนในสุดยังมีสัตว์อสูรเทพอยู่จำนวนเล็กน้อยอีกด้วย”
“เช่นนั้นตรงที่พวกเราอยู่นี้เป็นชั้นรอบนอกหรือชั้นกลางเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“เจ้านาย ที่นี่เป็นชั้นในสุดแล้วล่ะ” ย่ากวงพูด
“ชั้นในสุด!” ซือหม่าโยวเย่ว์กะพริบตาแล้วเอ่ยว่า “ที่นี่คือชั้นในสุดอย่างนั้นหรือ! แต่เพราะเหตุใดข้าจึงไม่เห็นสัตว์อสูรทิพย์แม้แต่ตนเดียวเลยเล่า”
“แค่กๆ ที่นี่คือชั้นในสุด” ย่ากวงพูด “แต่ที่นี่เป็นบริเวณขอบของชั้นในสุด ข้าได้ยินว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ไหนแต่ไรสัตว์อสูรเทพชั้นในสุดก็ไม่เคยมาที่นี่กันเลย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เจ้านายอยู่ที่นี่มานานถึงเพียงนี้แต่ก็ไม่เคยพบเห็นสัตว์อสูรทิพย์เลยสักตนเดียว”
“แล้วเช่นนั้นเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ข้าต่อสู้กับสัตว์อสูรทิพย์ขั้นสามตนหนึ่ง มันระดับสูงกว่าข้าสองขั้น ข้าเอาชนะไม่ได้ก็เลยได้แต่วิ่งหนีน่ะ” ย่ากวงพูด “แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะกัดข้าไม่ปล่อย ข้าจึงลนลานวิ่งหนี พอตอนที่ข้าจะสู้ตอบก็มาถึงที่นี่เสียแล้ว หลังจากนั้นก็พบกับเจ้าคำรามน้อยเข้า”
“ที่แท้ก็มีสัตว์อสูรวิเศษบังอาจมารังแกเจ้า พวกเราไปหามันเพื่อแก้แค้นกันเถิด!” เจ้าคำรามน้อยพูด
“ไม่ต้องหรอก!” ย่ากวงพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์คว้าตัวเจ้าคำรามน้อยเอาไว้แล้วพูดว่า “เจ้าไปเช่นนี้ ใครจะไปด้วยเล่า แล้วเจ้าเอาชนะได้อย่างนั้นหรือ”
“ข้า… ถ้าหากข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ แค่สัตว์อสูรทิพย์ขั้นสามกระจ้อยร่อยตนหนึ่งจะอยู่ในสายตาข้าได้อย่างไรกัน!” เจ้าคำรามน้อยพูด
“ย่ากวงเอาชนะไม่ได้ ตอนนี้เจ้าก็ไม่มีพลังต่อสู้ ส่วนข้าก็เป็นแค่ปรมาจารย์วิญญาณขั้นห้าคนหนึ่ง จะไปรนหาที่ตายหรืออย่างไร” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เจ้าคำรามน้อย เจ้านายพูดได้ถูกต้อง พวกเราไปกันตอนนี้ก็เอาชนะใครไม่ได้ทั้งนั้นนั่นแหละ แล้วยังจะทำให้เจ้านายตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย” ย่ากวงดูจะมีวุฒิภาวะมากกว่าเจ้าคำรามน้อยอย่างเห็นได้ชัด มันพูดว่า “ถึงอย่างไรมันก็มิได้มาตามรังควานข้าที่นี่ รอให้ภายภาคหน้าข้าแข็งแกร่งขึ้นแล้วค่อยแก้แค้นก็ยังไม่สายหรอก”
“เช่นนั้นก็ดี” เจ้าคำรามน้อยคิดๆ ดูก็เห็นจริงตามนั้น ถ้าหากทำให้ซือหม่าโยวเย่ว์ตกอยู่ในอันตรายก็คงจะลำบาก ถึงอย่างไรตอนนี้พลังยุทธ์ของนางก็ยังต่ำต้อยถึงเพียงนี้
“ตอนนี้พวกเรากลับกันก่อน เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ไป พวกเราก็จะไปตามหาสัตว์อสูรวิเศษมาเป็นคู่ซ้อมมือ เจ้าคำรามน้อย เจ้าพาย่ากวงเข้าไปภายในมณีวิญญาณทีสิ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดจบแล้วก็เก็บตัวเจ้าคำรามน้อยและย่ากวงเข้าไปภายในมณีวิญญาณ ส่วนตนเองก็เดินมุ่งหน้าเข้าไปภายในถ้ำ
………………………