ตอนที่ 51 อันดับ
ซือถิงมองหญิงสาวที่ปรากฏตัวตรงหน้าเขา และกวาดสายตามองนางอย่างรวดเร็ว
ไม่บาดเจ็บเลยสักนิด
ดูเหมือนนางจะไม่ได้เจออุปสรรคใดๆ เลยด้วยซ้ำ
แต่ทว่า นี่มันผิดปกติเกินไป
ถ้าระหว่างทางฉู่หลิวเยว่เลือกเดินผิดทาง เมื่อติดกับดักค่ายกล นางจะต้องเจออุปสรรคอะไรบางอย่างบ้างสิ
แต่ดูท่าทางนางราวกับมาเดินเล่นก็มิปาน
แต่ถ้าหากนางไม่เจอกับอุปสรรคใดๆ ล่ะก็ นางน่าจะมาถึงตั้งนานแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะใช้เวลาพอๆ กับเขา
แต่กลับช้ากว่าเขาไปหนึ่งก้าว
ซือถิงจ้องหน้านางเพื่อต้องการเห็นอะไรบางอย่าง แต่ในส่วนลึกของแววตาเปล่งประกายกลับสงบนิ่ง ไม่เห็นสิ่งใดผิดแปลกไปทั้งนั้น
ดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้สามารถสั่นคลอนความคิดของนางได้
“เจ้าก็เร็วเหมือนกันนี่”
ซือถิงกล่าวสั้นๆ
ฉู่หลิวเยว่แบมือยักไหล่
“หากเทียบกับเจ้าแล้วข้ายังช้าไปหนึ่งก้าว”
ซือถิงไม่เอ่ยสิ่งใดอีก แล้วหันตัวออกไป
การแข่งขันครั้งนี้ไม่มีอะไรต้องร้อนใจ ตัวแปรเดียวอาจเป็นฉู่หลิวเยว่ผู้นี้ก็ได้
แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดที่จะแสดงพลังความสามารถที่แท้จริงออกมา หากเป็นเช่นนั้นค่อยหาเวลาสืบต่อภายหลังก็ไม่สาย
ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้พูดให้มากความแล้วเดินต่อไปข้างหน้า
เมื่อเดินผ่านที่ไหนสักแห่ง นางจ้องมองหินก้อนนั้นที่เหมือนหินโม่ตรงใต้ฝ่าเท้าของนาง
ใครจะไปคิดว่าตรงคือจุดศูนย์กลางของค่ายกล
หากมองดูผิวเผินก็เหมือนกับก้อนหินธรรมดาทั่วไป แต่ที่จริงแล้วมันกลับซ่อนเร้นพลังแกร่งกล้าที่สุดของค่ายกลเอาไว้อย่างแยบยล
ขอแค่เดินผ่านตรงนี้ไป ทางออกก็ไม่ไกลแล้วล่ะ
ร่างของซือถิงหายตัวไปอย่างรวดเร็ว และฉู่หลิวเยว่ก็ตามหลังเขาไปติดๆ
…
ซือถิงเดินออกจากป่าโดยไร้ซึ่งอุปสรรค พวกซุนจ้งเหยียนทั้งสามคนก็รออยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว
เขาปลดธงลงมาอย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกัน ดอกไม้ไฟก็พุ่งขึ้นจากธงสู่ท้องฟ้า
ปัง!
ด้วยดอกไม้ไฟที่บานสะพรั่งบนท้องฟ้าหมายความว่าได้มีผู้ชนะอันดับหนึ่งของการสอบปรมาจารย์แล้ว
“ซือถิง เจ้าก้าวหน้าขึ้นมากจริงๆ คราวนี้ใช้เวลาหาทางออกเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”
ซุนจงเหยียนกล่าวชื่นชม
ซือถิงยกมือคารวะด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ขอบคุณผู้อาวุโสซุนที่ชื่นชม ศิษย์ยังมีข้อบกพร่องอีกมาก”
“ปีนี้เจ้าอายุเพียงสิบห้าปี และเจ้าเป็นปรมาจารย์ขั้นที่สามแล้ว หวังว่าอนาคต อันดับหนึ่งนี้สมควรเป็นชื่อของเจ้าตลอดไป!”
ชายวัยกลางคนอีกหัวเราะชอบใจ
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าซือถิงก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดก็กลืนคำพูดลงไป
เขาหันกลับไปมองที่ผืนป่านั่น
แน่นอนว่าเพียงเวลาไม่นาน ใบหน้างดงามก็มาปรากฏต่อหน้าเขา!
ซึ่งก็คือฉู่หลิวเยว่!
เวลาที่พวกเขาทั้งสองถึงจุดหมายไม่แตกต่างกันมากนัก!
พวกซุนจ้งเหยียนทั้งสามคนพินิจมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสีหน้าจริงจัง
เด็กสาวที่ลือกันว่าเป็นคนไร้ความสามารถ แต่ความจริงกลับกลายเป็นเช่นนี้…
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เดินไปชักธงผืนที่สองออกมา!
…
เมื่อดอกไม้ไฟพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า นักเรียนคนอื่นๆ ที่แข่งขันกันที่ด้านหลังภูเขาต่างตกตะลึง
เขตที่หนึ่งซึ่งเป็นสนามสอบผู้ฝึกยุทธ์เริ่มมีเสียงดังฮือฮาเกิดขึ้น
“ทำไมการสอบของปรมาจารย์ซวนเสร็จสิ้นเร็วเยี่ยงนี้ ศิษย์พี่บอกว่าต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงนี่นา”
“น่าจะเป็นอันดับหนึ่งใช่หรือไม่”
“ไวเกินไปแล้ว…พวกเจ้าเดาสิว่าใครได้ที่หนึ่ง”
“จะเป็นใครไปได้ล่ะ มีซือถิงอยู่ทั้งคน ไม่มีผู้ใดสามารถแย่งที่หนึ่งไปได้หรอกมั้ง”
ขณะนั้นเอง เสียงที่หนักแน่นและทรงพลังก็ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน!
“การทดสอบปรมาจารย์รุ่นที่สี่ร้อยห้าสิบสาม อันดับแรกได้แก่ ซือถิง!”
เมื่อสิ้นเสียง ทุกคนก็แตกตื่นทันที
“เป็นเขาจริงๆ ด้วย”
“จากผลสอบนี้ ซือถิงเป็นปรมาจารย์ขั้นที่สามอย่างแน่นอน! ข้าไม่ได้ยินข่าวคราวของเขามากว่าครึ่งปีแล้ว ข้าคิดว่าเขาเก็บตัวเงียบ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะซุ่มได้ที่หนึ่ง”
“ก็ใช่น่ะสิ ความสามารถนี้ แม้แต่ฉู่เซียนหมิ่นก็เทียบไม่ติด”
“ผู้ฝึกยุทธ์กับปรมาจารย์มีอะไรให้ต้องเปรียบเทียบกันด้วย”
คนบางกลุ่มพากันหันไปมองและซุบซิบนินทาฉู่เซียนหมิ่น
ฉู่เซียนหมิ่นพยายามข่มอารมณ์ ทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วกำมือจิกเล็บฝังลึกเข้าไปบนอุ้งมือ
ความนิยมชมชอบนี้…ถูกซือถิงแย่งชิงไปอีกแล้ว
แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรซือถิงก็เป็นคนของตระกูลซือ ไม่ได้สำคัญอะไรกับนางมากนัก
ขอแค่วันนี้สามารถจัดการกับนังฉู่หลิวเยว่ได้…
ปัง!
ดอกไม้ไฟดอกที่สองลอยขึ้นฟ้าอีกครั้ง
ทุกคนต่างตะลึงค้าง นี่…ปรมาจารย์ได้ที่สองแล้วหรือ
ระหว่างที่หนึ่งกับที่สองห่างกันแค่ไม่กี่เสี้ยวนาที
“โอ้โห ใครกันช่างเก่งกาจขนาดนี้ ได้ที่สองตามซือถิงมาติดๆ”
ทุกคนต่างส่งเสียงขึ้นด้วยความสงสัยใครรู้
แต่ก่อนที่ใครจะได้ถามซ้ำอีกครั้ง…
“การทดสอบปรมาจารย์รุ่นที่สี่ร้อยห้าสิบสาม อันดับที่สองได้แก่ ฉู่หลิวเยว่!”
ตอนที่ 52 ตบหน้า
แม้ว่าการสอบของสำนักเทียนลู่จะแบ่งออกเป็นช่วงชั้นต่างๆ และแต่ละส่วนจะแบ่งออกเป็นสามเขต แต่โดยปกติแล้วสามอันดับแรกจะได้รับการแจ้งเตือน
ขณะเดียวกัน ในระดับต่างๆ การมอบรางวัลสำหรับนักเรียนดีเด่นก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนคนอื่นได้เช่นกัน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชื่อของซือถิงจะปรากฏในอันดับแรกแรกของการสอบปรมาจารย์ แต่ฉู่หลิวเยว่มีสิทธิอันใดมาครองอันดับที่สองด้วย!
บริเวณหลังเขาที่เคยเสียงดังคึกโครมก็ตกอยู่ในความเงียบทันที!
ร่างของฉู่เซียนหมิ่นนิ่งค้าง เย็นสันหลังวาบ ดูเหมือนนางจะควบคุมตนเองไม่อยู่แล้ว
หัวสมองนางขาวโพลน มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้นที่วนเวียนในหัวไม่หยุด จนสมองนางแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
ฉู่หลิวเยว่!
สอบปรมาจารย์ได้ที่สอง
เกิดเช่นสิ่งใดขึ้น
เป็นไปได้ยังไง!
การเป็นปรมาจารย์มีเงื่อนไขสำหรับพรสวรรค์ความสามารถมากสูงมาก แม้กระทั่งนางยังไม่มีดวงเป็นปรมาจารย์นั่นได้ แล้วนับประสาอะไรกับฉู่หลิวเยว่นั่น!
ในไม่ช้า ทุกคนต่างเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว
“ฉู่หลิวเยว่ได้ที่สองหรือ ไม่มีอะไรผิดพลาดจริงๆ ใช่หรือไม่”
“คิดอย่างไรข้าก็ว่ามันผิดปกติ ไหนบอกว่าฉู่หลิวเยว่ผู้นั้นเป็นคนไร้ความสามารถ แม้กระทั่งเส้นชีพจรยังพิการมิใช่หรือ”
“มีความเข้าใจผิดในเรื่องนี้หรือไม่…ต่อให้นางจะผ่านการทดสอบนี้ แต่นางจะเป็นอันดับสองได้อย่างไร”
ต้องทราบก่อนว่านอกจากซือถิงแล้ว ยังมีอัจฉริยะด้านปรมาจารย์อีกหลายสิบคนที่เข้าร่วมการสอบนี้ด้วย!
คนเหล่านี้ล้วนผ่านการศึกษาเล่าเรียนในสำนักมานานกว่าครึ่งปีแล้ว พวกเขาจะเทียบฉู่หลิวเยว่ไม่ติดได้อย่างไร
มีบางคนเอ่ยถามด้วยความลังเล
“นี่มัน…จริงหรือเปล่าเนี่ย หรือนางมีพรสวรรค์ด้านปรมาจารย์จริงๆ เพราะเหตุนี้ ท่าทีของอาจารย์ไป๋เชินก็สามารถอธิบายทุกสิ่งได้แล้ว…”
“เป็นไปไม่ได้!”
ฉู่เซียนหมิ่นกรีดร้องโดยไม่รู้ตัว และเมื่อทุกคนหันมามอง นางก็ตกใจว่าตัวเองเสียภาพพจน์ นางจึงตะลีตะลานอธิบายทันที
“ข้า ข้าหมายถึง ชีพจรของพี่สาวข้าไม่สมบูรณ์จริงๆ หากนางมีพรสวรรค์ด้านปรมาจารย์ เป็นไปไม่ได้ที่ทางบ้านจะไม่รู้…ข้าเองก็ไม่รู้ว่านางทำได้ยังไง”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือฉู่หลิวเยว่ได้ที่สองมาอย่างไม่ถูกต้อง
มีบางคนหัวเราะเบาๆ
“ฉู่เซียนหมิ่น เจ้าแย่งความรักมาจากองค์ชายรัชทายาท ต่อให้มีอะไรจริง ฉู่หลิวเยว่ก็คงไม่บอกเจ้าหรอกมั้ง”
เพราะคำพูดนี้ทำให้ทุกคนต่างส่งเสียงหัวเราะ
เรื่องที่งานเลี้ยงวันเกิดของรัชทายาทเมื่อไม่กี่วันก่อนเป็นที่เลื่องลือไปทั้งเมืองหลวง ฉู่เซียนหมิ่น ริอาจอุทิศถวายตัวยั่วยวนองค์ชายรัชทายาท ซึ่งในที่สุดก็นำไปสู่การยกเลิกสัญญาหมั้นหมายระหว่างฉู่หลิวเยว่กับองค์ชายรัชทายาท
ความแค้นนี้ จะทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นพี่น้องที่รักกันได้อย่างไร
โชคดีที่ตอนนี้ฉู่เซียนหมิ่นเปลี่ยนหน้ากากทัน ทำเป็นคิดแทนฉู่หลิวเยว่ ช่างตีบทแตกจริง!
ฉู่เซียนหมิ่นหน้าแดงก่ำ ราวกับโดนไฟแผดเผาไปทั้งร่าง
“ฉู่เซียนหมิ่น เจ้าคงกลัวว่าฉู่หลิวเยว่จะมาแย่งชิงดีชิงเด่นกับเจ้า เจ้าก็เลยจงใจพูดเช่นนั้นใช่หรือไม่”
“ข้าเปล่านะ!”
ฉู่เซียนหมิ่นรบปฏิเสธทันที แต่คนที่รายล้อมกลับมองนางด้วยสายตาเหยียดหยามราวกับเอามีดมาแทงกันข้างหลัง
นางแอบกัดฟันแน่น
ก่อนหน้านี้ใครๆ ก็บอกว่าตำแหน่งพระชายารัชทายาทไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนาง ทำดีกับนาง แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้กล้าพูดกับนางด้วยวาจาร้ายกาจเพียงนี้
แต่ตอนนี้ชื่อเสียงของนางย่อยยับป่นปี้ไปแล้ว และตำแหน่งพระชายารัชทายาทก็คงไม่ตกมาถึงนางแล้ว!
คนพวกนี้พลิกโฉมหน้าและหัวเราะเยาะนาง
“ข้า ข้าก็แค่คิดว่ามันแปลกไปหน่อย ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการสอบปรมาจารย์ครั้งแรก แล้วสอบเสร็จเร็วขนาดนี้ ใครจะไปรู้ว่านาง…”
“ฉู่เซียนหมิ่น นี่เจ้าสงสัยในตัวผู้อาวุโสซุนหรือ”
หลิงจู๋ขมวดคิ้วถาม
ซุนจ้งเหยียนมีตำแหน่งที่น่านับถือในสำนัก ไม่ต้องพูดถึงลุกศิษย์เหล่านี้หรอก แม้แต่อาจารย์ส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าล่วงเกินท่าน
ฉู่เซียนหมิ่นเย็นวาบไปทั้งร่าง ในที่สุดนางก็ก้มหน้าลง
“ข้า…ศิษย์ไม่กล้าเจ้าค่ะ”
หลงจู๋มองสภาพนางแล้วก็ได้แค่ลอบส่ายหน้า
เดิมทีคิดว่าฉู่เซียนหมิ่นเป็นคนฉลาด แต่ไม่คิดว่า…จะใจแคบได้ถึงขนาดนี้
“รอบรองชนะเลิศกำลังจะเริ่มต้น ทำผลงานของเจ้าให้ดีๆ ถึงจะได้อันดับหนึ่ง”
ฉู่เซียนหมิ่นพยักหน้า แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ
ตอนนี้ นางทำได้เพียงคว้าเอาผู้ฝึกยุทธ์อันดับหนึ่งมาให้ได้ ถึงจะมีหวังได้เอาคืน!
…
ในเขตอื่นของบริเวณหลังเขา การทดสอบนักเรียนชั้นที่สี่ร้อยห้าสิบเอ็ดกำลังดำเนินการอยู่
หรงจิ้นยืนตรวจสอบกระบี่คู่กายของเขาอยู่ตรงนั้น
ด้านหลังของเขามีเด็กหนุ่มหลายคนกำลังกระตือรือร้นกันอยู่
“องค์ชาย คราวนี้ผู้ที่สอบผู้ฝึกยุทธ์ได้อันดับหนึ่งต้องเป็นของพระองค์แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้ทั่วทั้งสำนักเรา มีองค์ชายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดใช่หรือไม่”
หรงจิ้นหัวเราะเบาๆ แล้วเงยหน้ามองระยะไกล
“แค่นี้เอง ไม่นับว่าเก่งอะไร…”
ปัง!
มีเสียงดอกไม้ไฟดังขึ้นกลางท้องฟ้า
หรงจิ้นมองแล้วหรี่ตาเล็กน้อย
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ กันเอ่ยยิ้ม
“เมื่อครู่นี้ซือถิงคว้าชัยปรมาจารย์อันดับหนึ่งได้ ดูแล้วคราวนี้ผู้ฝึกยุทธ์อันดับหนึ่งก็น่าจะออกมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งกลอกตาแล้วหัวเราะเหอะๆ
“ใช่แล้ว คราวนี้ผู้ฝึกยุทธ์อันดับหนึ่งยังไงก็ต้องเป็นฉู่เซียนหมิ่นอยู่แล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
หรงจิ้นหยุดชะงัก สีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย
“พรสวรรค์ของนางไม่เลวจริงๆ”
คว้าชัยชนะมาได้ก็พอกู้ชื่อเสียงของฉู่เซียนหมิ่นขึ้นมาได้บ้าง เกียรติยศหน้าตาของเขาก็จะได้ดีขึ้นมาบ้าง
ทันใดนั้นน้ำเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้น
“การทดสอบปรมาจารย์รุ่นที่สี่ร้อยห้าสิบสาม อันดับที่สองได้แก่ ฉู่หลิวเยว่!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหรงจิ้นพลันนิ่งค้าง