เล่ม 1 ตอนที่ 51 อันดับ / ตอนที่ 52 ตบหน้า

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 51 อันดับ

ซือถิงมองหญิงสาวที่ปรากฏตัวตรงหน้าเขา และกวาดสายตามองนางอย่างรวดเร็ว

ไม่บาดเจ็บเลยสักนิด

ดูเหมือนนางจะไม่ได้เจออุปสรรคใดๆ เลยด้วยซ้ำ

แต่ทว่า นี่มันผิดปกติเกินไป

ถ้าระหว่างทางฉู่หลิวเยว่เลือกเดินผิดทาง เมื่อติดกับดักค่ายกล นางจะต้องเจออุปสรรคอะไรบางอย่างบ้างสิ

แต่ดูท่าทางนางราวกับมาเดินเล่นก็มิปาน

แต่ถ้าหากนางไม่เจอกับอุปสรรคใดๆ ล่ะก็ นางน่าจะมาถึงตั้งนานแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะใช้เวลาพอๆ กับเขา

แต่กลับช้ากว่าเขาไปหนึ่งก้าว

ซือถิงจ้องหน้านางเพื่อต้องการเห็นอะไรบางอย่าง แต่ในส่วนลึกของแววตาเปล่งประกายกลับสงบนิ่ง ไม่เห็นสิ่งใดผิดแปลกไปทั้งนั้น

ดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้สามารถสั่นคลอนความคิดของนางได้

“เจ้าก็เร็วเหมือนกันนี่”

ซือถิงกล่าวสั้นๆ

ฉู่หลิวเยว่แบมือยักไหล่

“หากเทียบกับเจ้าแล้วข้ายังช้าไปหนึ่งก้าว”

ซือถิงไม่เอ่ยสิ่งใดอีก แล้วหันตัวออกไป

การแข่งขันครั้งนี้ไม่มีอะไรต้องร้อนใจ ตัวแปรเดียวอาจเป็นฉู่หลิวเยว่ผู้นี้ก็ได้

แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดที่จะแสดงพลังความสามารถที่แท้จริงออกมา หากเป็นเช่นนั้นค่อยหาเวลาสืบต่อภายหลังก็ไม่สาย

ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้พูดให้มากความแล้วเดินต่อไปข้างหน้า

เมื่อเดินผ่านที่ไหนสักแห่ง นางจ้องมองหินก้อนนั้นที่เหมือนหินโม่ตรงใต้ฝ่าเท้าของนาง

ใครจะไปคิดว่าตรงคือจุดศูนย์กลางของค่ายกล

หากมองดูผิวเผินก็เหมือนกับก้อนหินธรรมดาทั่วไป แต่ที่จริงแล้วมันกลับซ่อนเร้นพลังแกร่งกล้าที่สุดของค่ายกลเอาไว้อย่างแยบยล

ขอแค่เดินผ่านตรงนี้ไป ทางออกก็ไม่ไกลแล้วล่ะ

ร่างของซือถิงหายตัวไปอย่างรวดเร็ว และฉู่หลิวเยว่ก็ตามหลังเขาไปติดๆ

ซือถิงเดินออกจากป่าโดยไร้ซึ่งอุปสรรค พวกซุนจ้งเหยียนทั้งสามคนก็รออยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว

เขาปลดธงลงมาอย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกัน ดอกไม้ไฟก็พุ่งขึ้นจากธงสู่ท้องฟ้า

ปัง!

ด้วยดอกไม้ไฟที่บานสะพรั่งบนท้องฟ้าหมายความว่าได้มีผู้ชนะอันดับหนึ่งของการสอบปรมาจารย์แล้ว

“ซือถิง เจ้าก้าวหน้าขึ้นมากจริงๆ คราวนี้ใช้เวลาหาทางออกเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”

ซุนจงเหยียนกล่าวชื่นชม

ซือถิงยกมือคารวะด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“ขอบคุณผู้อาวุโสซุนที่ชื่นชม ศิษย์ยังมีข้อบกพร่องอีกมาก”

“ปีนี้เจ้าอายุเพียงสิบห้าปี และเจ้าเป็นปรมาจารย์ขั้นที่สามแล้ว หวังว่าอนาคต อันดับหนึ่งนี้สมควรเป็นชื่อของเจ้าตลอดไป!”

ชายวัยกลางคนอีกหัวเราะชอบใจ

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าซือถิงก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดก็กลืนคำพูดลงไป

เขาหันกลับไปมองที่ผืนป่านั่น

แน่นอนว่าเพียงเวลาไม่นาน ใบหน้างดงามก็มาปรากฏต่อหน้าเขา!

ซึ่งก็คือฉู่หลิวเยว่!

เวลาที่พวกเขาทั้งสองถึงจุดหมายไม่แตกต่างกันมากนัก!

พวกซุนจ้งเหยียนทั้งสามคนพินิจมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสีหน้าจริงจัง

เด็กสาวที่ลือกันว่าเป็นคนไร้ความสามารถ แต่ความจริงกลับกลายเป็นเช่นนี้…

จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เดินไปชักธงผืนที่สองออกมา!

เมื่อดอกไม้ไฟพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า นักเรียนคนอื่นๆ ที่แข่งขันกันที่ด้านหลังภูเขาต่างตกตะลึง

เขตที่หนึ่งซึ่งเป็นสนามสอบผู้ฝึกยุทธ์เริ่มมีเสียงดังฮือฮาเกิดขึ้น

“ทำไมการสอบของปรมาจารย์ซวนเสร็จสิ้นเร็วเยี่ยงนี้ ศิษย์พี่บอกว่าต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงนี่นา”

“น่าจะเป็นอันดับหนึ่งใช่หรือไม่”

“ไวเกินไปแล้ว…พวกเจ้าเดาสิว่าใครได้ที่หนึ่ง”

“จะเป็นใครไปได้ล่ะ มีซือถิงอยู่ทั้งคน ไม่มีผู้ใดสามารถแย่งที่หนึ่งไปได้หรอกมั้ง”

ขณะนั้นเอง เสียงที่หนักแน่นและทรงพลังก็ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน!

“การทดสอบปรมาจารย์รุ่นที่สี่ร้อยห้าสิบสาม อันดับแรกได้แก่ ซือถิง!”

เมื่อสิ้นเสียง ทุกคนก็แตกตื่นทันที

“เป็นเขาจริงๆ ด้วย”

“จากผลสอบนี้ ซือถิงเป็นปรมาจารย์ขั้นที่สามอย่างแน่นอน! ข้าไม่ได้ยินข่าวคราวของเขามากว่าครึ่งปีแล้ว ข้าคิดว่าเขาเก็บตัวเงียบ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะซุ่มได้ที่หนึ่ง”

“ก็ใช่น่ะสิ ความสามารถนี้ แม้แต่ฉู่เซียนหมิ่นก็เทียบไม่ติด”

“ผู้ฝึกยุทธ์กับปรมาจารย์มีอะไรให้ต้องเปรียบเทียบกันด้วย”

คนบางกลุ่มพากันหันไปมองและซุบซิบนินทาฉู่เซียนหมิ่น

ฉู่เซียนหมิ่นพยายามข่มอารมณ์ ทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วกำมือจิกเล็บฝังลึกเข้าไปบนอุ้งมือ

ความนิยมชมชอบนี้…ถูกซือถิงแย่งชิงไปอีกแล้ว

แต่ก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรซือถิงก็เป็นคนของตระกูลซือ ไม่ได้สำคัญอะไรกับนางมากนัก

ขอแค่วันนี้สามารถจัดการกับนังฉู่หลิวเยว่ได้…

ปัง!

ดอกไม้ไฟดอกที่สองลอยขึ้นฟ้าอีกครั้ง

ทุกคนต่างตะลึงค้าง นี่…ปรมาจารย์ได้ที่สองแล้วหรือ

ระหว่างที่หนึ่งกับที่สองห่างกันแค่ไม่กี่เสี้ยวนาที

“โอ้โห ใครกันช่างเก่งกาจขนาดนี้ ได้ที่สองตามซือถิงมาติดๆ”

ทุกคนต่างส่งเสียงขึ้นด้วยความสงสัยใครรู้

แต่ก่อนที่ใครจะได้ถามซ้ำอีกครั้ง…

“การทดสอบปรมาจารย์รุ่นที่สี่ร้อยห้าสิบสาม อันดับที่สองได้แก่ ฉู่หลิวเยว่!”

ตอนที่ 52 ตบหน้า

แม้ว่าการสอบของสำนักเทียนลู่จะแบ่งออกเป็นช่วงชั้นต่างๆ และแต่ละส่วนจะแบ่งออกเป็นสามเขต แต่โดยปกติแล้วสามอันดับแรกจะได้รับการแจ้งเตือน

ขณะเดียวกัน ในระดับต่างๆ การมอบรางวัลสำหรับนักเรียนดีเด่นก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนคนอื่นได้เช่นกัน

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชื่อของซือถิงจะปรากฏในอันดับแรกแรกของการสอบปรมาจารย์ แต่ฉู่หลิวเยว่มีสิทธิอันใดมาครองอันดับที่สองด้วย!

บริเวณหลังเขาที่เคยเสียงดังคึกโครมก็ตกอยู่ในความเงียบทันที!

ร่างของฉู่เซียนหมิ่นนิ่งค้าง เย็นสันหลังวาบ ดูเหมือนนางจะควบคุมตนเองไม่อยู่แล้ว

หัวสมองนางขาวโพลน มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้นที่วนเวียนในหัวไม่หยุด จนสมองนางแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

ฉู่หลิวเยว่!

สอบปรมาจารย์ได้ที่สอง

เกิดเช่นสิ่งใดขึ้น

เป็นไปได้ยังไง!

การเป็นปรมาจารย์มีเงื่อนไขสำหรับพรสวรรค์ความสามารถมากสูงมาก แม้กระทั่งนางยังไม่มีดวงเป็นปรมาจารย์นั่นได้ แล้วนับประสาอะไรกับฉู่หลิวเยว่นั่น!

ในไม่ช้า ทุกคนต่างเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว

“ฉู่หลิวเยว่ได้ที่สองหรือ ไม่มีอะไรผิดพลาดจริงๆ ใช่หรือไม่”

“คิดอย่างไรข้าก็ว่ามันผิดปกติ ไหนบอกว่าฉู่หลิวเยว่ผู้นั้นเป็นคนไร้ความสามารถ แม้กระทั่งเส้นชีพจรยังพิการมิใช่หรือ”

“มีความเข้าใจผิดในเรื่องนี้หรือไม่…ต่อให้นางจะผ่านการทดสอบนี้ แต่นางจะเป็นอันดับสองได้อย่างไร”

ต้องทราบก่อนว่านอกจากซือถิงแล้ว ยังมีอัจฉริยะด้านปรมาจารย์อีกหลายสิบคนที่เข้าร่วมการสอบนี้ด้วย!

คนเหล่านี้ล้วนผ่านการศึกษาเล่าเรียนในสำนักมานานกว่าครึ่งปีแล้ว พวกเขาจะเทียบฉู่หลิวเยว่ไม่ติดได้อย่างไร

มีบางคนเอ่ยถามด้วยความลังเล

“นี่มัน…จริงหรือเปล่าเนี่ย หรือนางมีพรสวรรค์ด้านปรมาจารย์จริงๆ เพราะเหตุนี้ ท่าทีของอาจารย์ไป๋เชินก็สามารถอธิบายทุกสิ่งได้แล้ว…”

“เป็นไปไม่ได้!”

ฉู่เซียนหมิ่นกรีดร้องโดยไม่รู้ตัว และเมื่อทุกคนหันมามอง นางก็ตกใจว่าตัวเองเสียภาพพจน์ นางจึงตะลีตะลานอธิบายทันที

“ข้า ข้าหมายถึง ชีพจรของพี่สาวข้าไม่สมบูรณ์จริงๆ หากนางมีพรสวรรค์ด้านปรมาจารย์ เป็นไปไม่ได้ที่ทางบ้านจะไม่รู้…ข้าเองก็ไม่รู้ว่านางทำได้ยังไง”

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือฉู่หลิวเยว่ได้ที่สองมาอย่างไม่ถูกต้อง

มีบางคนหัวเราะเบาๆ

“ฉู่เซียนหมิ่น เจ้าแย่งความรักมาจากองค์ชายรัชทายาท ต่อให้มีอะไรจริง ฉู่หลิวเยว่ก็คงไม่บอกเจ้าหรอกมั้ง”

เพราะคำพูดนี้ทำให้ทุกคนต่างส่งเสียงหัวเราะ

เรื่องที่งานเลี้ยงวันเกิดของรัชทายาทเมื่อไม่กี่วันก่อนเป็นที่เลื่องลือไปทั้งเมืองหลวง ฉู่เซียนหมิ่น ริอาจอุทิศถวายตัวยั่วยวนองค์ชายรัชทายาท ซึ่งในที่สุดก็นำไปสู่การยกเลิกสัญญาหมั้นหมายระหว่างฉู่หลิวเยว่กับองค์ชายรัชทายาท

ความแค้นนี้ จะทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นพี่น้องที่รักกันได้อย่างไร

โชคดีที่ตอนนี้ฉู่เซียนหมิ่นเปลี่ยนหน้ากากทัน ทำเป็นคิดแทนฉู่หลิวเยว่ ช่างตีบทแตกจริง!

ฉู่เซียนหมิ่นหน้าแดงก่ำ ราวกับโดนไฟแผดเผาไปทั้งร่าง

“ฉู่เซียนหมิ่น เจ้าคงกลัวว่าฉู่หลิวเยว่จะมาแย่งชิงดีชิงเด่นกับเจ้า เจ้าก็เลยจงใจพูดเช่นนั้นใช่หรือไม่”

“ข้าเปล่านะ!”

ฉู่เซียนหมิ่นรบปฏิเสธทันที แต่คนที่รายล้อมกลับมองนางด้วยสายตาเหยียดหยามราวกับเอามีดมาแทงกันข้างหลัง

นางแอบกัดฟันแน่น

ก่อนหน้านี้ใครๆ ก็บอกว่าตำแหน่งพระชายารัชทายาทไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนาง ทำดีกับนาง แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้กล้าพูดกับนางด้วยวาจาร้ายกาจเพียงนี้

แต่ตอนนี้ชื่อเสียงของนางย่อยยับป่นปี้ไปแล้ว และตำแหน่งพระชายารัชทายาทก็คงไม่ตกมาถึงนางแล้ว!

คนพวกนี้พลิกโฉมหน้าและหัวเราะเยาะนาง

“ข้า ข้าก็แค่คิดว่ามันแปลกไปหน่อย ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการสอบปรมาจารย์ครั้งแรก แล้วสอบเสร็จเร็วขนาดนี้ ใครจะไปรู้ว่านาง…”

“ฉู่เซียนหมิ่น นี่เจ้าสงสัยในตัวผู้อาวุโสซุนหรือ”

หลิงจู๋ขมวดคิ้วถาม

ซุนจ้งเหยียนมีตำแหน่งที่น่านับถือในสำนัก ไม่ต้องพูดถึงลุกศิษย์เหล่านี้หรอก แม้แต่อาจารย์ส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าล่วงเกินท่าน

ฉู่เซียนหมิ่นเย็นวาบไปทั้งร่าง ในที่สุดนางก็ก้มหน้าลง

“ข้า…ศิษย์ไม่กล้าเจ้าค่ะ”

หลงจู๋มองสภาพนางแล้วก็ได้แค่ลอบส่ายหน้า

เดิมทีคิดว่าฉู่เซียนหมิ่นเป็นคนฉลาด แต่ไม่คิดว่า…จะใจแคบได้ถึงขนาดนี้

“รอบรองชนะเลิศกำลังจะเริ่มต้น ทำผลงานของเจ้าให้ดีๆ ถึงจะได้อันดับหนึ่ง”

ฉู่เซียนหมิ่นพยักหน้า แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ

ตอนนี้ นางทำได้เพียงคว้าเอาผู้ฝึกยุทธ์อันดับหนึ่งมาให้ได้ ถึงจะมีหวังได้เอาคืน!

ในเขตอื่นของบริเวณหลังเขา การทดสอบนักเรียนชั้นที่สี่ร้อยห้าสิบเอ็ดกำลังดำเนินการอยู่

หรงจิ้นยืนตรวจสอบกระบี่คู่กายของเขาอยู่ตรงนั้น

ด้านหลังของเขามีเด็กหนุ่มหลายคนกำลังกระตือรือร้นกันอยู่

“องค์ชาย คราวนี้ผู้ที่สอบผู้ฝึกยุทธ์ได้อันดับหนึ่งต้องเป็นของพระองค์แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

“ตอนนี้ทั่วทั้งสำนักเรา มีองค์ชายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดใช่หรือไม่”

หรงจิ้นหัวเราะเบาๆ แล้วเงยหน้ามองระยะไกล

“แค่นี้เอง ไม่นับว่าเก่งอะไร…”

ปัง!

มีเสียงดอกไม้ไฟดังขึ้นกลางท้องฟ้า

หรงจิ้นมองแล้วหรี่ตาเล็กน้อย

ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ กันเอ่ยยิ้ม

“เมื่อครู่นี้ซือถิงคว้าชัยปรมาจารย์อันดับหนึ่งได้ ดูแล้วคราวนี้ผู้ฝึกยุทธ์อันดับหนึ่งก็น่าจะออกมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งกลอกตาแล้วหัวเราะเหอะๆ

“ใช่แล้ว คราวนี้ผู้ฝึกยุทธ์อันดับหนึ่งยังไงก็ต้องเป็นฉู่เซียนหมิ่นอยู่แล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

หรงจิ้นหยุดชะงัก สีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย

“พรสวรรค์ของนางไม่เลวจริงๆ”

คว้าชัยชนะมาได้ก็พอกู้ชื่อเสียงของฉู่เซียนหมิ่นขึ้นมาได้บ้าง เกียรติยศหน้าตาของเขาก็จะได้ดีขึ้นมาบ้าง

ทันใดนั้นน้ำเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้น

“การทดสอบปรมาจารย์รุ่นที่สี่ร้อยห้าสิบสาม อันดับที่สองได้แก่ ฉู่หลิวเยว่!”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหรงจิ้นพลันนิ่งค้าง