ตอนที่ 53 อัจฉริยะ
ฉู่หลิวเยว่งั้นหรือ
เมื่อได้ยินชื่อนี้ในการสอบแข่งขันของสำนักเทียนลู่ หรงจิ้นเกือบสงสัยว่าตัวเองได้ยินเสียงหลอนไปแล้ว
“นี่มัน…ชื่อซ้ำกันหรือเปล่า”
เมื่อพวกเด็กหนุ่มข้างกายเห็นสีหน้าผิดปกติของเขาจึงพูดขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ
หรงจิ้นเก็บกระบี่คู่กาย สีหน้าของเขาดำดิ่งดั่งน้ำลึก
“ไปถามมา มีเรื่องอะไรกันแน่”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งหันหลังและจากไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนที่เหลือไม่กี่คนก็พากันมองหน้าด้วยความมึนงงสงสัย
องค์ชายทรงรังเกียจฉู่หลิวเยว่มาก ตอนนี้แค่ได้ยินชื่อนาง พระองค์ก็ทรงขุ่นเคืองพระทัยแล้ว
ทุกคนนิ่งเงียบกันครู่หนึ่งเพราะกลัวว่าจะทำให้หรงจิ้นกรุ่นโกรธ
แต่พวกเขาไม่ใช่ฝ่ายเดียวที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่นี้
นักเรียนคนอื่นๆ ที่รอเข้าสอบก็ได้ยินชัดเจนเช่นกัน!
บางคนเริ่มพากันลอบมองหรงจิ้น และแอบคิดว่า ‘ฉู่หลิวเยว่’ ผู้นี้ใช่คนที่ก่อเรื่องวุ่นวายช่วงนี้หรือไม่
“ฉู่หลิวเยว่นี่เป็นคนยังไง หรือว่านางจะเป็นม้ามืดที่แซงหน้าศิษย์น้องชายกับศิษย์น้องหญิง”
“ไม่รู้สินะ ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็มิเคยได้ยินชื่อเสียงนางสักเท่าไหร่ แต่ก็คงจะเป็นคนนั้นล่ะมั้ง”
“อ่อ! จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นมาได้ ฉู่หลิวเยว่นั่นเคยบอกว่าจะสอบเข้าสำนักของเรามิใช่หรือ หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ น่าจะเป็นวันนี้มั้ง”
“ชู่ว! เบาเสียงหน่อยสิ! เจ้าไม่เห็นหรือว่ารัชทายาทหน้าเสียแค่ไหน อีกอย่างฉู่หลิวเยว่จะสอบติดได้อย่างไร ข้าว่าต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ”
เสียงกระซิบนินทารอบข้าง ทำให้สีหน้าของหรงจิ้นยิ่งหงุดหงิด
จริงด้วย เขาเกือบลืมไปแล้วว่าเงื่อนไขเดียวสำหรับฉู่หลิวเยว่ที่จะยกเลิกสัญญาการแต่งงานก็คือนางต้องการสอบเข้าสำนักเทียนลู่…
ไม่ ต้องไม่ใช่แน่นอน…
“องค์ชาย!”
เสียงตะโกนดังทำลายความเงียบ แต่เด็กหนุ่มที่เพิ่งไปสอบถามข่าวได้กลับมาแล้ว
เมื่อหรงจิ้นเห็นคนนั้น เขาก็รีบก้าวไปข้างหน้าแล้วถามอย่างรวดเร็ว
“ทางนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
แม้กระทั่งเขาก็ยังไม่ทันสังเกตว่าน้ำเสียงของเขาควบคุมความประหม่าเอาไว้ไม่อยู่
“ทูลองค์ชาย การสอบของปรมาจารย์ทางด้านนั้น ฉู่หลิวเยว่ได้อันดับที่สองจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
เด็กหนุ่มคนนั้นพูดกระหืดกระหอบ
หัวใจหรงจิ้นหล่นวูบ แต่เขาก็ยังหอบเอาความหวังสุดท้ายเอาไว้
“ในบรรดานักเรียชั้นนี้ ก็มีชื่อนี้อยู่ใช่หรือไม่”
เด็กหนุ่มชะงักและหลบสายตาของหรงจินด้วยท่าทางลำบากใจ
“พ่ะย่ะค่ะ มีคนที่ชื่อฉู่หลิวเยว่…”
หรงจิ้นหลับตาและลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ชื่อซ้ำกันจริงๆ ด้วย
เขาบอกแล้วว่าฉู่หลิวเยว่นั่นไม่มีทางเป็นปรมาจารย์ได้หรอก!
“องค์…องค์ชาย…”
เด็กหนุ่มคนนั้นรู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว จึงกลัวหัวหดแล้วอธิบายด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ฉู่หลิวเยว่ที่กล่าวถึงนี้ ก็คือคนนั้น…”
หรงจิ้นนิ่งค้าง
“เจ้าว่าอะไรนะ”
เด็กหนุ่มผู้นั้นร้องไห้หน้าเหยเก
“วันนี้ฉู่หลิวเยว่สอบเข้าสำนักมาได้แล้ว อีกทั้งนางยังได้เป็นนักเรียนใหม่ทันทีแล้วเข้าร่วมการสอบปรมาจารย์จนได้อันดับสองไปครอง! ตอนนี้พวกอาจารย์และลูกศิษย์แถวนั้นเดือดร้อนกันไปหมดแล้ว อีกไม่นานเรื่องก็คงลามมาถึงพวกเราตรงนี้ ก็คงจะรู้กันไปทั่วทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ!”
และแล้วข่าวนี้ก็ถึงหูทุกคนภายในครึ่งชั่วโมง!
ฉู่หลิวเยว่ที่เคยถูกคนกลั่นแกล้งรังแก ไม่เพียงแต่สอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้สำเร็จ แต่พอเข้าเรียนวันแรกนางก็คว้าอันดับสองของการสอบปรมาจารย์มาได้อีกด้วย!
สิ่งนี้จะจุดชนวนให้เกิดการปะทุทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างแน่นอน!
หรงจิ้นยังคงไม่มีคืนสติกลับมาได้สักพักใหญ่แล้ว จากนั้นเขาจึงกระชากคอเสื้อเด็กหนุ่มไว้แน่น แล้วตะคอกใส่อย่างเกรี้ยวกราด
“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรฮะ! คนชีพจรไม่สมบูรณ์จะเป็นปรมาจารย์ได้อย่างไร!”
“อะ…องค์ชาย! กระหม่อมจะกล้าหลอกพระองค์ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ แต่นี่เป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสซุนจ้ง
เหยียนพูดออกมาเองกับปาก อีกอย่าง…อีกอย่าง…”
เขากลืนน้ำลายและสะอึกร่ำไห้
“ฉู่หลิวเยว่ยังสอบผ่านทั้งสามวิชา จึงสอบเข้าสำนักได้สำเร็จ อาจารย์ไป๋เชินยังกล่าวอีกว่า ฉู่หลิวเยว่คืออัจฉริยะที่สิบปีจะพบเจอแค่หนึ่งคน เขาบอกว่านางจะต้องมีอนาคตที่สดใสแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ปัง!
หรงจิ้นโยนคนผู้นั้นลงบนพื้นด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง
ตอนที่ 54 ของขวัญ
จะมีอะไรน่าขำไปกว่านี้อีกหรือ
นางกับเขามีสัญญาหมั้นหมายมาตั้งหลายปี นางทำตัวอ่อนแอขี้ขลาดให้เขาอับอายขายขี้หน้า แต่ทันทีที่ยกเลิกสัญญา นางกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นอัจฉริยะชั่วข้ามคืนที่ใครๆ ต่างอิจฉา!
ไม่ว่าอย่างไรหรงจิ้นก็ไม่เชื่อโดยเด็ดขาด แต่เขาทราบดีว่าทางสำนักไม่มีทางทำอะไรผิดพลาดแน่นอน
ดังนั้น…กล่าวคือ ฉู่หลิวเยว่เป็นอัจฉริยะด้านปรมาจารย์!
ทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แม้แต่คนที่ชอบล้อเล่นมาก่อน
ตอนแรกก็แค่พูดเล่น แต่ใครจะไปรู้…ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง!
หลายคนมองไปทางหรงจิ้นด้วยแววตาซับซ้อน
ต้องทรงโชคร้ายแค่ไหนถึงได้มาเจอเรื่องราวเช่นนี้ได้
ทางด้านนี้ยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย ทางด้านนั้นกลายเป็นอัจฉริยะที่เป็นที่ต้องการตัว แถมยังเป็นปรมาจารย์อีกด้วย!
อัจฉริยะด้านปรมาจารย์ที่โดดเด่นนั้นล้ำค่ายิ่งกว่าอัจฉริยะผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาทั่วไป ทั้งยังเนื้อหอมอีกด้วย
หากฉู่หลิวเยว่อาศัยความสามารถที่แท้จริงของนางในการคว้าตำแหน่งที่สองนี้ นางก็จะได้พลิกชะตากลับมาอีกครั้งจริงๆ!
ต่อแต่นี้ไป ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่รีบไปอ้อนวอนขอความเมตตาจากนาง!
ส่วนหรงจิ้นกลับทอดทิ้งพระคู่หมั้นที่เป็นถึงอัจฉริยะด้านปรมาจารย์ที่หายากแล้วหันไปเลือกฉู่เซียนหมิ่นแทน!
แม้ว่าฉู่เซียนหมิ่นจะมีพรสวรรค์ที่ไม่เลว แต่นางก็เป็นได้เพียงผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้น แน่นอนว่าเทียบปรมาจารย์ไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ
ประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงเมื่อวันก่อน ตอนนี้คนเขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่านางเป็นคนไร้ยางอาย ใช้มารยาโดยไม่รู้ผิดรู้ควรเพื่อขึ้นเป็นใหญ่ หน้าไม่อายสักนิด
เมื่อเปรียบเทียบกันทั้งสอง ช่างน่าเศร้าสลดจริงๆ
ฝูงชนพากันมองหน้าแล้วซุบซิบกันเบาๆ
“จิ๊…ถ้าเรื่องนี้เป็นข้าแทนล่ะก็ ข้าคงเสียใจไปจนตายแล้ว”
“ก็นั่นน่ะสิ นางเป็นถึงปรมาจารย์เชียวนะ ซือถิงได้ที่หนึ่ง ไม่นานนางก็คว้าเอาที่สองไปได้ นี่ก็สามารถอธิบายได้แล้วว่าพรสวรรค์ของนางก็น่าจะพอๆ กับซือถิงมิใช่หรือ”
“ถึงกระนั้นซือถิงก็เริ่มฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก แต่ดูเหมือนฉู่หลิวเยว่ถูกกลั่นแกล้งรังแกมาโดยตลอดหลายปีใช่ไหมล่ะ แม้จะไม่รู้ว่านางเป็นอัจฉริยะด้านปรมาจารย์ได้อย่างไร แต่ต่อไปนี้คงไม่เหมือนเดิมแล้วล่ะ”
“ทุกคนเงียบหน่อยสิ ไม่เห็นหน้าเขาตอนนี้เหรอว่าบูดบึ้งแค่ไหน”
“เหอะ น้ำเชี่ยวขนาดนี้ ใครจะเอาเรือไปขวางได้เล่า”
…
ณ จวนหลีอ๋อง
หรงซิวเอนกายนอนอยู่บนเตียง แสงแดดส่องลอดหน้าต่างจนเกิดภาพสะท้อนเงาขนตายาวตรงใต้ตา ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาเผยให้เห็นผิวกระจ่างใส ทำให้เขาเหมือนแกะสลักด้วยน้ำแข็งและหิมะที่บริสุทธิ์ที่สุดจากสวรรค์
มีเพียงริมฝีปากบางสีแดงเข้มของเขาเท่านั้นที่ทำให้ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล
เขาเปรียบเสมือนดั่งน้ำทิพย์เพียงหนึ่งเดียวท่ามกลางหิมะน้ำแข็งบนโลกมนุษย์ ช่างดูเย้ายวนเป็นที่สุด
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกประตู
เป็นเยี่ยนชิงที่เข้ามา
เยี่ยนชิงโค้งคำนับแล้วเอ่ยขึ้น
“องค์ชาย สิ่งของที่พระองค์เลือกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ขนตาของหรงซิวขยับเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้น
เกิดแสงประกายพาดผ่านในดวงตาลุ่มลึกคู่นั้น
“สอบเสร็จแล้ว ก็คงออกมาแล้วมั้ง”
“พ่ะย่ะค่ะ คุณหนูใหญ่ฉู่สอบผ่านทั้งสามแขนงวิชาและสามารถสอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้สำเร็จพ่ะย่ะค่ะ”
แม้น้ำเสียงของเยี่ยนชิงจะสงบนิ่ง แต่คลื่นในใจของเขายังไม่สงบลงสักนิด
สวรรค์รู้ดีว่าเขาตกใจแค่ไหนเมื่อได้รับข่าวนี้!
แม้ว่าเขาพอจะเดาได้แล้วว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉู่ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เขาคิดไม่ถึงว่านางซ่อนความสามารถที่แท้จริงไว้ได้ขนาดนี้!
“นอกจากนี้ คุณหนูใหญ่ฉู่ยังเข้าร่วมสอบกลางภาคของสำนักด้วย ได้ยินมาว่า…คว้าอันดับสองของปรมาจารย์มาได้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวเลิกคิ้ว
“นิสัยทำตัวเป็นจุดสนใจเช่นนี้ ทำให้ข้าปวดหัวจริงๆ”
เยี่ยนชิงเหลือบมองเจ้านายตนเองแล้วหางตากระตุก
ปวดหัว?
แล้วพระองค์หัวเราทำไมกัน
พอเป็นเรื่องของตัวเองก็ไม่เคยเห็นพระองค์จะทรงดีใจขนาดนี้มาก่อน
“เยี่ยนชิง เจ้าอยากพูดอะไร”
หรงชิวเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง
เยี่ยนชิงรีบยืดตัวตรง
“กระหม่อมอยากพูดว่า สายตาของพระองค์ช่างกว้างไกลยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวเคาะนิ้วเรียวของเขาลงบนโต๊ะ ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วปล่อยเสียงหัวเราะเบาๆ
“ในเมื่อนางเล่นจนสนุก เช่นนั้นวันนี้ก็ปล่อยให้นางสนุกจนพอใจ ของขวัญที่เคยเตรียมไว้ก็ให้เพิ่มไปอีกหนึ่งเท่า”
เยี่ยนชิงถามอย่างลังเล
“แล้วชิ้นนั้นของพระองค์…”
“ข้าจะนำไปให้ด้วยตัวเอง”