ตอนที่ 48 ไม่เหลือเยื่อใย

ลืมรักเลือนใจ

หวังเฉี่ยวฮุ่ยตัวแข็งทื่อด้วยความตะลึงงัน ก่อนกรีดร้องเสียงแหลมสูงออกมา “หลินเยียน หล่อนอยากตายหรือไง กล้าดียังไงมาแตะต้องข้าวของของฉัน!” 

 

 

เฮ่อซานซานเองก็เดือดจัดไม่แพ้กัน “หลินเยียน เสียสติไปแล้วหรือไง นี่หล่อนถังแตกขนาดต้องมาปล้นคนอื่นกันหน้าด้านๆ แบบนี้เลยเหรอ” 

 

 

ส่วนวังจิ่งหยางก็ตกใจเช่นกัน “อะไรเนี่ย…นี่เธอต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ” 

 

 

แต่เมื่อพูดจบ ดวงตาของเขาก็พลันเปล่งประกายที่เปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิมและพออกพอใจ เขาไม่ค่อยแสดงท่าทีแบบนี้ให้หลินเยียนเห็นบ่อยนัก “เฉียบ! น่าจะทำอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนะ!” 

 

 

เพราะหลินเยียนเป็นคนว่าจ้างเหล่าพนักงานขนย้าย พวกเขาจึงเดินเข้ามาในห้องแล้วเริ่มขนย้ายข้าวของ 

 

 

หวังเฉี่ยวฮุ่ยตะโกนเสียงดังในทันที “หลินเยียน นังสารเลว! แกกล้าทำยังงี้ได้ยังไง นี่มันกลางวันแสกๆ! ฉันจะเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้แหละ!” 

 

 

หลินเยียนเลิกคิ้ว “ตำรวจ? เอาเลย ให้ฉันช่วยเรียกไหมล่ะ” 

 

 

เฮ่อซานซานหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “หลินเยียน! ใจกล้ามากใช่มั้ยหล่อนน่ะ ฉันจะแฉเรื่องนี้ลงเน็ตให้หมดเลยคอยดู รับรองว่าแกจะได้อับอายขายขี้หน้าอีกรอบแน่ๆ!” 

 

 

หวังเฉี่ยวฮุ่ยรั้งแขนของพนักงานขนย้ายคนหนึ่งไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้! ถ้าขืนแตะต้องของของฉันอีก ฉันจะลากคอพวกแกเข้าคุกให้หมด!” 

 

 

เหล่าพนักงานขนย้ายพากันชะงักอย่างลังเลใจ 

 

 

วังจิ่งหยางกำหมัดแน่น ดวงตาฉายแววอาฆาตพยาบาทเมื่อเห็นว่าสองแม่ลูกกำลังหาเรื่องกลั่นแกล้งหลินเยียน 

 

 

“ของของป้าเหรอ?” หลินเยียนมองสีหน้าหยิ่งยโสของสองแม่ลูกแล้วหยิบแฟ้มออกมาจากกระเป๋า “ประทานโทษ แต่แอร์ฯ ทีวี เครื่องซักผ้า โต๊ะกินข้าว หรือแม้แต่วอลล์เปเปอร์ติดผนังเนี่ย ฉันนี่แหละ…คนซื้อ! นี่ยังไม่ได้พูดถึงดอกกล้วยไม้ที่ระเบียงอีกนะ! เอาล่ะ ฉันจะเอาของของฉันไปให้หมด มีปัญหาอะไรอีกมั้ย” 

 

 

ในมือของหลินเยียนคือใบเสร็จรับเงินซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันชั้นดี 

 

 

หวังเฉี่ยวฮุ่ยและเฮ่อซานซานจ้องมองที่แฟ้ม ด้านในมีใบเสร็จรับเงินจำนวนหนึ่งอยู่ 

 

 

สองแม่ลูกมองหน้ากันด้วยสีหน้าเจื่อนๆ 

 

 

“หลินเยียน แกกล้าดียังไงถึงทำแบบนี้ จริงอยู่ที่แกเป็นคนซื้อของพวกนี้ แต่แกให้เราแล้ว มันก็ต้องเป็นของของเรา! แกมีเหตุผลอะไรถึงมาเอาไป” หวังเฉี่ยวฮุ่ยตะโกนใส่หลินเยียน 

 

 

หลินเยียนหัวเราะเบาๆ “แหม ยอมรับแล้วเหรอว่าฉันเป็นคนซื้อ… ก็ใช่แหละ แต่ฉันไม่เคยบอกว่าฉันให้ป้านะ มีหลักฐานอะไรมายืนยันหรือเปล่าล่ะ” 

 

 

“นังนี่! แก…แก…” 

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเยียนพลันหายวับไป “เลิกอู้แล้วกลับไปขนของให้ดีๆ! ฉันจะจ่ายค่าแรงให้สองเท่าเลยค่ะ! 

 

 

ในตอนแรก พนักงานขนย้ายตั้งใจว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายนี้ แต่เมื่อรู้ว่าข้าวของทั้งหมดเป็นของหลินเยียน อีกทั้งเธอยังประกาศจะจ่ายค่าแรงให้เป็นสองเท่า พวกเขาก็ปัดหวังเฉี่ยวฮุ่ยออกไปให้พ้นทางแล้วลงมือขนย้ายข้าวของอย่างรวดเร็ว 

 

 

“หยุดเดี๋ยวนี้! ทุกคนหยุดนะ!” 

 

 

“อย่าเอาโต๊ะเครื่องแป้งไปนะ! อย่าแตะต้องมัน!” 

 

 

“หลินเยียน! แกกำลังกลั่นแกล้งเด็กผู้หญิงกำพร้าพ่อกับแม่ม่ายอยู่นะ! แกกำลังทำให้ลุงของแกเสียใจ!” 

 

 

… 

 

 

ไม่นานนักเหล่าพนักงานขนย้ายก็ขนของทุกอย่างออกมาจากบ้านจนหมดเกลี้ยงตามคำสั่งของหลินเยียนโดยไม่แยแสต่อคำคัดค้านของสองแม่ลูก 

 

 

และหลินเยียนยังสั่งให้พวกเขาลอกวอลล์เปเปอร์ออกจากผนังอีกด้วย 

 

 

ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่หลินเยียนเพิ่งกลับมาใหม่ๆ รายได้ของเธอในฐานะนักแสดงถือว่ามากพอตัว หวังเฉี่ยวฮุ่ยจึงมีท่าทีสุภาพและใจดีกว่าเธอมากกว่าตอนนี้ 

 

 

หลินเยียนไม่เคยคาดคิดว่ามาก่อนว่าหวังเฉี่ยวฮุ่ยจะเผยธาตุแท้เมื่อเธอถูกแบนและตกงาน ผู้เป็นป้าทั้งกลั่นแกล้งและหยามเหยียดเธอ ซ้ำร้ายยังเรียกเก็บค่าเช่าห้องอีกด้วย… 

 

 

 

 

 

หลินเยียนเป็นคนประเภทที่ปฏิบัติตนกับคนที่เธอรักและเอาใจใส่เป็นอย่างดี 

 

 

แต่เธอสามารถกลายเป็นคนไร้หัวใจและไร้ความรู้สึกได้หากเธอคิดจะทำเช่นนั้นจริงๆ