ตอนที่ 53 การพูดสนุกสนานของบรรดาสะใภ้และพี่น้องสามี

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

หลังจากที่ผ่านฝนที่ตกลงมาในสารทฤดูไป บ้านนามู่เย่ว์จึงมีใบไม้ทับถมกัน ทำให้พื้นมีใบไม้ชั้นหนาปกคลุม

ในตอนเช้าท้องฟ้ายังไม่แจ่มใส อากาศอันเย็นฉ่ำเต็มไปด้วยความชื้นหลังฝน ทำให้เหมือนกับได้สูดลมหายใจที่เย็นเยือกเข้าสู่ปอดให้ความรู้สึกที่เย็นสบายสดชื่นยิ่งนัก

บ้านนามู่เย่ว์ไม่มีต้นไม้ดอกไม้ราคาแพง ทว่ากลับมีเพียงต้นพลับสิบกว่าต้น ที่ไม่รู้ว่าปลูกตั้งแต่คราใด ทุกต้นต่างมีเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งฉือ[1]กว่า และแตกกิ่งย่อยมากมาย กิ่งก้านที่โค้งงอมีผิวขรุขระ ทั้งยังออกผลพลับมากมาย เวลานี้ ลูกพลับกำลังเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดงอมส้ม ในเวลาเช้าตรู่ที่เหน็บหนาวของสารทฤดู แสงแดดสีแสดสาดส่องใบไม้สีเขียวชอุ่ม ทำให้ดึงดูดสายตาของผู้คนมาก

เหยาเยี่ยนอวี่สวมเสื้อคลุมผ้าหนาสีมรกต นางกำลังเดินเล่นกลางสวนลูกพลับ ซึ่งถือเป็นการออกกำลังกายทุกเช้าของนาง นางจะไม่ออกมาเดินเล่นเช่นนี้เฉพาะวันที่ฝนตกกระหน่ำเท่านั้น นอกนั้นแล้วนางจะออกมาเดินเล่นทุกวัน แต่เหตุเพราะเมื่อวานฝนตก ทำให้หญ้าและใบไม้บนพื้นเปียกแฉะ เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน รองเท้าปักคู่ที่ยังไม่เคยได้ใช้ของนางจึงเปียกโชก

“คุณหนูเจ้าคะ! คุณหนู!” เสียงของชุ่ยเวยที่ดังขึ้นแต่ไกล ค่อยๆ ใกล้เข้ามา

เหยาเยี่ยนอวี่ชะงักฝีเท้าแล้วหันหลังไปมอง นางเห็นชุ่ยเวยสวมชุดกระโปรงสีตะไคร้และกำลังโบกมือไปมาพลางวิ่งมาในขณะเดียวกัน

“เกิดอะไรขึ้น” เหยาเยี่ยนอวี่มองนางที่วิ่งอย่างเหนื่อยหอบ จึงรู้ว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ

ชุ่ยเวยวิ่งหอบเข้ามา “คุณหนูใหญ่ให้หลี่หมัวมัวส่งเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวมาให้เจ้าค่ะ”

“งั้นรึ เช่นนี้ก็กลับกันเถอะ” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า พลางเอาหน้ากากที่อยู่ในแขนเสื้อออกมาแล้วสวมไว้บนใบหน้า จากนั้นก็ตามชุ่ยเวยกลับไปพร้อมกัน

หลี่หมัวมัวเห็นเหยาเยี่ยนอวี่จึงย่อตัวน้อมคำนับด้วยความเคารพ นางถามถึงอาการของเหยาเยี่ยนอวี่ จากนั้นก็สั่งให้คนยกหีบขนาดใหญ่เข้ามาหนึ่งหีบ ข้างในมีเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ในเหมันตฤดูหกชุด อีกทั้งมีเสื้อคลุมขนเพียงพอนสีม่วงมะเขือยาวพร้อมปลอกคอขนเพียงพอน อีกชุดคือเสื้อคลุมตัวยาวขนนกสีขาวแกมเนื้อที่ถักทอด้วยด้ายทอง ปักลายดอกกล้วยไม้ ทั้งยังมีรองเท้าหุ้มข้อที่ทำจากขนและหนังแกะ กับรองเท้าหนังกวาง หลี่หมัวมัวบอกว่านี่เป็นเสื้อผ้าที่เตรียมไว้เผื่อวันที่หิมะตก คุณหนูจะได้สวมใส่ไปชมหิมะ

เหยาเยี่ยนอวี่กล่าวขอบคุณ แล้วยังพูดถ้อยคำที่สื่อว่าทำให้หมัวมัวลำบากแล้ว จากนั้นก็หันไปสั่งชุ่ยเวย “ยังไม่ไปรินน้ำชาร้อนๆ ให้หมัวมัวอีก?”

หลี่หมัวมัวหัวเราะพลางเอ่ย “เมื่อครู่มีสาวใช้รินน้ำชาให้ดื่มแล้วเจ้าค่ะ”

ชุ่ยเวยยกน้ำชาร้อนๆ มาอีกหนึ่งถ้วย เหยาเยี่ยนอวี่เชิญหลี่หมัวมัวนั่งลง หลี่หมัวมัวจึงนั่งลงบนเก้าอี้กลมที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า

เหยาเยี่ยนอวี่ถามขึ้น “วันนี้พี่สาวสบายดีหรือไม่”

หลี่หมัวมัวพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่เบิกบาน “นายหญิงสั่งให้บ่าวมาส่งสารให้คุณหนูรอง เมื่อวานมีหมอหลวงมาตรวจชีพจร บอกว่านายหญิงตั้งครรภ์หนึ่งเดือนแล้วเจ้าค่ะ”

“อ๊ะ!” เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก จากนั้นก็ค่อยๆ รู้สึกปลาบปลื้มยินดี “จริงหรือ?!”

หลี่หมัวมัวยิ้มพลางพยักหน้า “จริงเจ้าค่ะ บรรดาหมอหลวงในสำนักหมอหลวงอาจจะจับชีพจรในจุดอื่นไม่แม่นยำ ทว่าชีพจรตั้งครรภ์นั่นถือว่าแม่นยำอยู่เจ้าค่ะ”

เฝิงหมัวมัวปรบมือด้วยความดีใจก่อนใคร “นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ! อมิตาพุทธ! ครั้งนี้ฮูหยินผู้เฒ่าและนายท่านกับฮูหยินของพวกเราจะได้รู้สึกวางใจเสียที!”

หลี่หมัวมัวก็ต้องปิติยินดียิ่งกว่าอยู่แล้ว “เป็นเช่นนั้น นายหญิงได้เขียนจดหมายส่งกลับไปเจียงหนานตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว เรื่องที่น่าปิติยินดีเยี่ยงนี้ ก็ต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่าและนายท่านกับฮูหยินรับทราบเสียก่อน”

เหยาเยี่ยนอวี่ก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก เหยาเฟิ่งเกอสามารถตั้งครรภ์ได้ไวเยี่ยงนี้ ตัวนางจะได้จดจ่อแต่กับเรื่องตั้งครรภ์! และก็ตนไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวเป็นอนุภรรยาของซูอวี้เสียงอีกต่อไป! อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปใช้ของมือสองของใครอีก! อมิตาพุทธ!

หลี่หมัวมัวปรายตามองชุ่ยเวยและชุ่ยผิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หยุดพูด

ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงต่างก็เป็นสาวใช้ที่ฉลาดหลักแหลม เห็นเช่นนี้จึงย่อตัวน้อมคำนับพร้อมกัน “หมัวมัวเชิญนั่งเถอะ ข้าจะสั่งให้คนเตรียมอาหารเที่ยง”

เฝิงหมัวมัวเองก็จะออกจากเรือนด้วยเช่นกัน ทว่ากลับถูกหลี่หมัวมัวรั้งไว้ รอให้ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงออกไป จึงยิ้มเล็กน้อยพลางพูดด้วยเสียงค่อย “ข้าก็แค่กลัวว่าเด็กสาวสองคนนั้นจะรู้สึกอับอาย จึงไม่อยากที่จะพูดออกมาต่อหน้าพวกนาง อย่างไรเสียคุณหนูรองของพวกเรามีวิชาการแพทย์ที่เก่งกาจที่สุด หลังจากที่นายหญิงฟังคำแนะนำของคุณหนูรองก็แอบให้คุณชายสามกินยาบำรุง แล้วยังรมยาสมุนไพรตามที่คุณหนูรองแนะนำทุกวัน ดังนั้นจึงมีข่าวดีเช่นนี้เกิดขึ้น นายหญิงบอกให้บ่าวมากล่าวขอบคุณคุณหนูรองแทนนางด้วย”

ขณะที่พูด หลี่หมัวมัวก็ลุกขึ้นพลางน้อมคำนับเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยความเคารพนับถือ

“โธ่! อย่าทำเช่นนี้เลย” เหยาเยี่ยนอวี่พยุงนางขึ้น จากนั้นก็ยิ้มพลางพูด “หรือว่าจะต้องให้พี่สาวคนโตของข้าน้อมคำนับให้ข้า นี่ไม่ใช่เป็นการบกพร่องทางจริยธรรมหรอกหรือ หมัวมัวห้ามทำเช่นนี้เด็ดขาด”

หลี่หมัวมัวอมยิ้มพลางนั่งลง เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามถึงสารทุกข์สุขดิบของทุกคนในจวนโหว หลี่หมัวมัวยกยิ้มอีกครั้ง “ทุกคนต่างก็สบายดี ในวันคล้ายวันเกิดของลู่ฮูหยิน คัมภีร์บทสวดที่คุณหนูรองส่งมาให้กับฮูหยินทำให้ท่านรู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก แล้วยังเอ่ยชมว่าคุณหนูรองรู้จักกาลเทศะ มากปัญญา จิตใจอ่อนโยนและแน่วแน่ อื้ม ใช่แล้ว ฮูหยินท่านซื่อจื่อเองก็มีเรื่องน่ายินดีด้วยเช่นกัน นางก็ตั้งครรภ์สองเดือนแล้ว! เร็วกว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเราไปหนึ่งเดือนเจ้าค่ะ”

“นี่มีมงคลคู่มาเยือนในจวนพร้อมกันหรอกหรือ!” เฝิงหมัวมัวยิ้มพลางเอ่ย “จวนติ้งโหวคงจะครึกครื้นน่าดู!”

หลี่หมัวมัวคลี่ยิ้มพลางพูดขึ้นมา “เป็นเช่นนั้น! องค์หญิงต้าจั่งทรงปิติยินดียิ่งนัก จึงออกคำสั่งให้หมัวมัวในวังหลวงที่มากประสบการณ์สองคนมาปรนนิบัติรับใช้ฮูหยินท่านซื่อจื่อและคุณหนูใหญ่ของพวกเราตามลำดับ โดยรับผิดชอบดูแลครรภ์ของฮูหยินทั้งสองโดยเฉพาะ ตอนนี้ลู่ฮูหยินเองก็เริ่มคัดเลือกแม่นมผู้มากความสามารถแล้ว”

เหยาเยี่ยนอวี่พูดขึ้น “นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่น่ายินดีจริงๆ มงคลคู่มาเยือนในบ้านพร้อมกัน”

หลังหลี่หมัวมัวเล่าทุกเรื่องในจวนติ้งโหวให้เหยาเยี่ยนอวี่ฟังจบ นางยิ้มอีกครั้งแล้วพูดขึ้น “ตอนบ่าวมา นายหญิงของบ่าวก็สั่งให้มาถามคุณหนูรอง อากาศในตอนนี้ก็เริ่มหนาวแล้ว เรือนในบ้านนาเดิมทีก็มีไว้สำหรับพักร้อน จึงไม่ได้ทำพื้นเตาให้ความร้อนไว้ที่พื้น หากอาศัยอยู่ที่นี่ในช่วงฤดูหนาว ก็คงจะทรมานน่าดู เวลานี้อาการป่วยของคุณหนูรองก็ดีขึ้นแล้ว ควรที่จะย้ายกลับไปยังเรือนว่างของพวกเรา หากคุณหนูรองไม่อยากกลับจวนติ้งโหว ก็สามารถไปพักอาศัยในจวนเก่าของตระกูลเหยาเจ้าค่ะ”

“ไม่จำเป็น” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอ่อนพลางส่ายหัว “ข้าชอบบ้านนาอันเงียบสงบและอยู่อย่างเป็นอิสระมากกว่า”

เฝิงหมัวมัวพูดเพิ่มเติม “ก่อนหน้านี้พวกเราซื้อบ้านสวนแห่งนั้นและได้ซ่อมแซมบำรุงไปพอประมาณแล้ว และก็ได้ซ่อมแซมปล่องไฟแล้วด้วย เหมันตฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามานี้ ในเรือนคงจะอบอุ่น อีกอย่างบ้านนาสองหลังก็ไม่ห่างไกลกันมากนัก ก่อนหน้านี้ข้าก็สั่งให้คนปูถนนกลางนาเพื่อเชื่อมระหว่างบ้านนาทั้งสองหลัง ทำให้เวลานี้รถม้าสามารถขับเคลื่อนผ่านถนนเส้นนั้นแล้ว รอให้อากาศหนาวเย็นมากๆ คุณหนูจะย้ายไปอยู่ที่บ้านนาหลังนั้น”

เหยาเยี่ยนอวี่ไม่มีทางย้ายกลับไปอยู่ในเมืองหลวงแน่นอน ดังนั้นจึงกล้าพูดต่อหน้าหลี่หมัวมัวก่อนที่จะตัดสินใจอีกครั้ง “ปล่อยให้เป็นไปตามนี้เถอะ”

หลี่หมัวมัวรีบพยักหน้าพลางเอ่ยพูด “นายหญิงกล่าวว่าทุกอย่างล้วนทำตามความต้องการของคุณหนูรองเจ้าค่ะ”

เหยาเยี่ยนอวี่ชะงักไปเล็กน้อย ในใจกำลังคิดว่า เหยาเฟิ่งเกอกลายเป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด และเจรจาอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร

จากนั้น คำพูดต่อมาของหลี่หมัวมัวก็ได้คลายข้อสงสัยของเหยาเยี่ยนอวี่ทันที “บ่าวมาเยือนครานี้ ยังมีอีกเรื่องที่จะขอร้องคุณหนูรองเจ้าค่ะ”

ที่แท้ก็ยังมีอีกเรื่อง…ควรจะเป็นเรื่องการบำรุงครรภ์? เหยาเยี่ยนอวี่จึงยิ้มอ่อนๆ พลางพูดขึ้น “เหตุใดจึงต้องบอกว่าขอร้องเล่า เจ้าเห็นว่าข้าเป็นคนนอกหรือพี่สาวของข้าเห็นว่าข้าเป็นคนนอกกันแน่? มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ ไม่ดีกว่าหรืออย่างไร”

“แท้จริงก็ไม่ใช่ธุระของบ่าวหรอก แต่เป็นธุระของนายหญิงเจ้าค่ะ บ่าวคิดว่านายหญิงเพิ่งทุกข์ทรมานจากการป่วยหนัก เดิมทีร่างกายก็อ่อนแออยู่แล้ว ทว่ายังตั้งครรภ์เร็วเช่นนี้ ทำให้รู้สึกกังวลใจจริงๆ คุณหนูรองพอจะมียาบำรุงครรภ์ที่ดีที่สุดหรือไม่เจ้าคะ หากมีก็ได้โปรดให้บ่าวด้วยเถิด พวกเราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้นายหญิงคลอดบุตรออกมาได้อย่างราบรื่น”

[1] ฉือ คือ หน่วยวัดที่เท่ากับฟุต