อยู่ๆ บรรยากาศก็แปลกไป
หลินเมิ้งหยารีบชักมือกลับ สายตาพลันก้มลงมองปลายเท้าของตนเอง เหตุใดเมื่อครู่นางจึงกระทำเช่นนั้น?
หลินเมิ้งหยาที่กำลังนึกเสียใจกับการกระทำเมื่อครู่เพิ่งพบว่าตนเองไร้ซึ่งข้อแก้ตัว
“หม่อม…หม่อมฉันไปทำงานก่อนนะเพคะ”
หลินเมิ้งหยาเพิ่งเห็นว่านัยน์ตาของหลงเทียนอวี้ลุ่มลึกจนไม่อาจคาดเดา
เมื่อต้องสบตากับดวงตาคู่นั้น นางรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเกือบจะถูกดวงตาคู่นั้นกลืนกิน
ไม่ได้!
หลินเมิ้งหยาแอบหยิกท่อนขาของตนเอง ความเจ็บปวดทำให้น้ำตาของนางเกือบไหล
“หลายวันมานี้ลำบากเจ้าแล้ว” บางทีอาจเพราะถูกบรรยากาศในเวลานี้ดึงดูด บางที…อาจเพราะความเห็นอกเห็นใจลูกน้องของตนเอง
หลงเทียนอวี้จ้องมองใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ตรงหน้า สีหน้าสับสน
เพียงเพราะต้องการสนองความต้องการของฮองเฮา เขาจึงฝืนตอบตกลงแต่งงานกับนาง
ตอนนี้ นางกลายมาเป็นผู้ช่วยของเขา
ไม่รู้ว่าหากฮองเฮาล่วงรู้เข้าจะเสียใจหรือไม่?
“ไม่เป็นไรเพคะ จริงสิเพคะท่านอ๋อง เหมือนช่วงนี้พระวรกายของพระสนมเต๋อเฟยจะไม่ดีนัก หากมีเวลาท่านควรไปดูด้วยตนเองเพคะ”
หลงเทียนอวี้พยักหน้าลง หลินเมิ้งหยาเป็นสะใภ้ที่รู้จักหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเข้าถวายคำนับหรือการจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง แม้แต่น้าจิ่นเยว่ยังชื่นชมนาง
บรรยากาศรอบตัวของทั้งคู่จึงเปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้นมา ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกไม่คุ้นชิน
“คือว่า…”
อยู่ๆ ก็ส่งเสียง จากนั้นเงยหน้าขึ้นสบตา
เพียงสายตาบรรจบก็สามารถเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายได้ในทันที
การเคลื่อนไหวเป็นไปตามธรรมชาติและความเข้าใจ แม้แต่หน้าที่หนาพอตัวอยู่แล้วของหลินเมิ้งหยาก็ร้อนผ่าวขึ้นมา
ทั้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลงเทียนอวี้ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่าความอบอุ่นอันแสนคลุมเครือที่เกิดขึ้นด้านหลังสวนชั่วยามนี้ มิได้ส่งผลต่อแขกฝ่ายหญิงภายในงาน
ชายหญิงนั้นแตกต่างกัน เหล่าคุณชายทั้งหลายต่างพากันพักผ่อนที่อีกฝั่ง
เจียงหรูฉินพาสาวใช้ประจำตัวเดินกระแทกเท้ากลับไปยังบริเวณที่นั่งต้อนรับแขกฝ่ายหญิง
ยัยคุณหนูของเจิ้นหนานโหวคนนั้นดูจะรับมือได้ยากมากจริงๆ
ก่อนที่จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้น ท่านพี่อวี้ไม่เคยดุนางมากเท่านี้
เป็นเพราะหลินเมิ้งหยาคนเดียว ถ้าไม่มีนาง ตำแหน่งพระชายาอวี้จะต้องเป็นของตนเอง
ทว่าตอนนี้นางกลับกล้าแสดงความหยิ่งยโสต่อหน้าตนเอง ช่างน่าโมโจริงเชียว
“คุณหนู อย่าโกรธไปเลยเจ้าค่ะ หนู่ปี้คิดว่าท่านอ๋องยังคงเป็นห่วงเป็นใยคุณหนูอยู่ ท่านลองตรึกตรองดูสิเจ้าคะ นอกจากท่านแล้วยังมีคุณหนูคนไหนสามารถเข้าไปภายในสวนฉินอู๋ได้อีก?”
สาวใช้ประจำตัวของเจียงหรูฉินเอ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง
“จริงเหรอ?” เจียงหรูฉินเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะเหล่มองสาวใช้
“แน่นอนสิเจ้าคะ ชุ่ยเอ๋อร์จะกล้าหลอกคุณหนูได้อย่างไร” ชุ่ยเอ๋อร์ถูกสายตาของเจียงหรูฉินทำให้ตกใจจนตัวโยน แม้คุณหนูจะมีรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร ทว่าเวลาอยู่ที่บ้าน คุณหนูมักจะลงโทษพวกบ่าวไพร่อย่างไร้ความปรานี
“ฮึ ขอให้เป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน” เจียงหรูฉินจัดการอารมณ์ของตนเองได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเยื้องย่างเข้าไปในบริเวณสถานที่ต้อนรับแขกฝ่ายหญิง
แขกส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพระสนมเต๋อเฟย ล้วนเป็นญาติของท่านอ๋องอวี้หรือไม่ก็ข้าราชบริพารที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพระสนมเต๋อเฟย
ดังนั้นสองแม่ลูกแห่งบ้านสกุลหลินจึงถูกมองและแสดงท่าทีเย็นชาใส่
ซ่างกวนฉิงคิดว่าตนเองสูงส่งกว่าผู้อื่น ดังนั้นจึงไม่คิดลดตัวลงไปทำความรู้จักกับแขกคนอื่นๆ
ดังนั้น แม้พวกนางจะเป็นญาติฝ่ายหญิงของพระชายา แต่กลับไม่มีใครให้ความสำคัญ
“สวัสดีคุณหนูเจียง”
เพียงเดินเข้าไปก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี เจียงหรูฉินแสดงท่าทางประหนึ่งคุณหนูผู้ดีและฉีกยิ้มสวยงามให้กับคนอื่น
นางชำเลืองมองหญิงสาวสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงเหล่านี้ หาได้มีใครสามารถสง่าผ่าเผยได้เหมือนนาง
ดังนั้นเจียงหรูฉินจึงรู้สึกว่าตนเองสูงส่งกว่าผู้อื่น
“ดีใจอะไรกัน! ก็แค่ลูกสาวของข้าราชบริพารคนหนึ่ง หากมิใช่พ่อของข้าคอยปกป้องประเทศชาติให้สงบสุข คิดหรือว่าพวกนางจะมีความสุขเช่นนั้น”
หลินเมิ้งหวู่ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าลูกคุณหนูทั้งหลาย ท่าทางของนางประหนึ่งหงส์ในฝูงกา ฝีปากเอื้อนเอ่ยถ้อยคำหยาบคาย
ดอกบัวสีขาวที่ผู้คนต่างมองว่าบริสุทธิ์ใสซื่อได้เจอะเจอเข้ากับศัตรูตัวฉกาจของตนเองเข้าเสียแล้ว
“เจ้าคงเป็นน้องสาวของพระชายาสินะ เฮ้อ คนหนึ่งงามสง่าและเป็นถึงพระชายาอวี้ ส่วนอีกคนกลับไม่มีใครต้องการ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน”
สิ่งที่หลินเมิ้งหวู่เกลียดชังเป็นที่สุดคือโดนดูถูกเช่นนี้ ดวงตาคู่สวยจ้องเจียงหรูฉินเขม็งด้วยความเกลียดชัง นางเกลียดเสียจนอยากกลืนเจียงหรูฉินเข้าไปทั้งตัว!
“ถวายคำนับฮูหยินทุกท่านและคุณหนูทุกคน ขอให้ทุกท่านได้โปรดนั่งประจำที่ด้วยเจ้าค่ะ”
ผอจื่อที่คอยดูแลงานถวายความเคารพต่อแขกผู้มีเกียรติ อีกทั้งยังเอื้อนเอ่ยขอให้เหล่าคุณหนูนั่งประจำที่
ปกติแล้วพระสนมเต๋อเฟยคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในรั้วในวัง แต่เมื่อกลับมาอยู่ที่บ้าน ใบหน้าของนางจึงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยน
หลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้นั่งคู่กันในที่นั่งถัดไป ฝ่ายชายหล่อเหลาดั่งเทพบุตร ฝ่ายหญิงสวยงามดั่งเทพธิดา
ขณะเดียวกันแขกเหรื่อล้วนตกตะลึง ทว่าหลินเมิ้งหวู่กับเจียงหรูฉินกลับรู้สึกอิจฉาตาร้อน
โอ้ วันนี้แขกมาไม่น้อยเลย
หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มให้กับทุกคน
มิรู้ว่านางคิดไปเองหรือไม่ เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าเจียงหรูฉินและหลินเมิ้งหวู่มีความคลางแคลงใจต่อกัน
น่าสนใจ หากนางจงใจยั่วยุสักหน่อย มิรู้ว่าดอกบัวสีขาวทั้งสองดอกนี้จะก่อเรื่องสนุกๆ อะไรได้บ้าง?
“ท่านป้า ฉินเอ๋อร์ขอให้ท่านป้าอายุยืนยาว นี่คือของที่ท่านพ่อนำมามอบให้ ขอท่านป้าอย่าได้รังเกียจเพคะ”
เจียงหรูฉินหยักยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะกล่าวอวยพรพระสนมเต๋อเฟย
ได้เห็นของในมือของเจียงหรู๋ฉิน มันคือกล่องจิ่นหยุน ภายในมีผ้าซับสีแดง ด้านบนผ้าคือหยกหยางจื่อหยู
แม้ราคาจะไม่แพงมาก แต่กลับมีลักษณะโดดเด่น พระสนมเต๋อเฟยยิ้มแล้วพยักหน้าลง ก่อนจะสั่งให้เจียงหรูฉินนั่งลงข้างกายตนเอง
“ก็แค่หยกมิใช่หรือ? มีดีแค่ไหนกันเชียว”
หลินเมิ้งหวู่นั่งข้างกายมารดาของตนเอง สีหน้าไม่เป็นมิตรนัก
ซ่างกวนฉิงถูกนางบังคับให้มาด้วย นางเพียงแต่แสร้งอวยพรตามมารยาท
ดังนั้นเมื่อเทียบกับเจียงหรูฉินแล้ว นางจึงด้อยค่ากว่าหนึ่งเท่า
สายตาพลันเหลือบมองขวากหนามขนาดใหญ่ข้างกายพระสนมเต๋อเฟย ในใจพลันอยากกำจัดเจียงหรูฉินคนนั้นให้พ้นทาง หลินเมิ้งหวู่โมโหแทบขาดใจ
“อย่าร้อนใจไป ให้พวกนางได้มีความสุขสักเล็กน้อยก่อนเถิด เจ้าน่ะ เก็บอารมณ์ไม่เคยอยู่เลยจริงๆ”
ซ่างกวนฉิงยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบเล็กน้อย ดวงตาคมกริบจ้องมองครอบครัวที่กำลังอบอุ่นตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
ตอนเช้า คนในวังมาส่งข่าวว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาด งานเลี้ยงฉลองของพระสนมเต๋อเฟยจะไม่ใช่งานรื่นเริงอีกต่อไป
หลินเมิ้งหยาเหลือบมองสายตาของซ่างกวนฉิง ดูท่า ฮองเฮาเหนียงเหนียงคงคิดจะลงมือทำร้ายนางจริงๆ สินะ
มือเล็กกำเข้าหากันแน่น หวังว่านางจะสามารถก้าวผ่านมรสุมในคราวนี้ได้!
“ฮองเฮาเสด็จ…ไท่จื่อเสด็จ…”
เสียงร้องของขันทีดังขึ้น ทุกคนรีบหยุดงานทุกอย่างในมือ ก่อนจะคุกเข่าลงบนพื้น
หลินเมิ้งหยาพยุงพระสนมเต๋อเฟยเพื่อทำการถวายคำนับพร้อมกัน ห้องโถงที่เคยครึกครื้นเงียบลงในบัดดล
ฮองเฮาสวมใส่ชุดสีม่วงสง่างาม ผมถูกเกล้าสูง ท่าทางน่าเกรงขาม ไท่จื่อสวมใส่ชุดสีเหลือง ศีรษะสวมมงกุฎ ใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน
ทว่าดวงตามีเสน่ห์กลับเหลือบมองทางพระชายาอวี้
พวกเขานับเป็นลูกพี่ลูกน้องกันในนาม เมื่อก่อนเขาเคยเจอเด็กคนนี้ในจวนหลิน
แต่ทุกครั้งที่เจอนางมักจะมีท่าทางเลอะเลือนอย่างน่ารังเกียจ แต่พระชายาอวี้ที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ หากได้ฟังความจากหมู่โฮ้ว พระองค์กล่าวว่านางฉลาดเฉลียวเป็นอย่างมาก
“ลุกขึ้นเถิด น้องเต๋อเฟย วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า ข้าและไท่จื่อมาร่วมอวยพร”
ท่าทางหวาดกลัวเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าพระสนมเต๋อเฟยจะหวาดกลัวกับความหมายที่ฮองเฮาต้องการจะสื่อเป็นอย่างมาก
ดวงตาคมกริบดั่งหงส์แฝงไว้ซึ่งการดูถูก
นังแพศยาคนนี้มักจะแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมาทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าฝ่าบาท นางหลอกลวงคนทั้งโลก
หากมิใช่เพราะนางให้กำเนิดและเลี้ยงลูกชายที่ดีขึ้นมา เกรงว่าป่านนี้นังแพศยาคนนี้จะตายด้วยน้ำมือของนางไปตั้งนานแล้ว
“ขอบพระทัยในความเมตตาของฮองเฮาเหนียงเหนียง เชิญเสด็จพี่ขึ้นประทับเถิดเพคะ” แม้พระสนมเต๋อเฟยจะเป็นเจ้าของงาน แต่นางยังคงปฏิบัติต่อฮองเฮาด้วยความเคารพ
ฮองเฮาและไท่จื่อนั่งประจำที่ งานเลี้ยงจึงดำเนินต่อไป
ทั้งสองที่เป็นศัตรูกันมาครึ่งชีวิตเอ่ยทักทายพูดคุยอยู่ทางด้านบน ส่วนไท่จื่อถือจอกเหล้าและเดินเข้ามาพูดคุยติดตลกกับหลงเทียนอวี้
“น้องสามโชคดีเหลือเกิน ฮวงซง1ใช้สายตาเย็นชาเหลือบมองเจ้า พระชายาอวี้ของเจ้าล้วนโดดเด่นกว่าสาวงามคนใดในเมืองหลวง อีกทั้งยังรับตำแหน่งนั้นไว้โดยไม่อิดออดเลยแม้แต่น้อย”
เมื่อเทียบกับสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็งของหลงเทียนอวี้ สายตาของไท่จื่อดูสุภาพและซื่อสัตย์กว่าเล็กน้อย
เพียงแค่…ดวงตาที่ดูเหมือนอ่อนโยนคู่นั้นกลับแฝงไว้ซึ่งพิษร้ายดุจงูพิษ หลินเมิ้งหยาที่ได้เห็นรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“ฮวงซงเอ่ยชมเกินไปแล้ว หยาเอ๋อร์เป็นคนที่ดีจริงๆ แต่ถึงกระนั้นหม่อมฉันก็ต้องขอบพระทัยฮองเฮาที่เลือกคู่มาให้” หลงเทียนอวี้หยักยิ้ม ทว่าคำตอบกลับทำให้ไท่จื่อรู้สึกไม่สบายใจ
พระชายาอวี้ตรงหน้างดงามอ่อนหวาน ท่วงท่าสง่างาม ดวงตามีเสน่ห์เย้ายวน
แม้นางจะไม่ใช่คนสวยมากที่สุดในโลก แต่กลับทำให้คนที่จ้องมองไม่อาจละสายตาจากนางไปได้เลย
เพราะดวงตามีเสน่ห์เย้ายวนคู่นี้ จึงดึงดูดสายตาของชายหนุ่มมากมาย แม้นางจะนั่งอยู่เฉยๆ มิได้ขยับเขยื้อนก็ตาม
เหตุใดคนสวยขนาดนี้จึงตกเป็นของน้องสาม!
ร่องรอยแห่งความเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาของไท่จื่อ
ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่ว่าจะเป็นความรักความเอ็นดูจากเสด็จพ่อหรือคำชื่นชมจากเหล่าข้าราชบริพาร ทุกอย่างล้วนเป็นของน้องสามเท่านั้น!
เขาต่างหากที่เป็นองค์รัชทายาทของประเทศนี้! เขาคือว่าที่ฮ่องเต้องค์ต่อไป!
ทว่าเสด็จพ่อที่ใกล้จะสิ้นพระชนม์เต็มทีกลับมอบตราแผ่นดินให้กับน้องสาม เหตุใดเขาที่เป็นว่าที่ฮ่องเต้จึงมิได้มันมาครอบครอง!
ไม่ง่ายเลย ตอนแรกคิดว่าหมู่โฮ้วจะให้เขาได้แต่งงานกับคนบ้าสติเลอะเลือนเพื่อกลายเป็นตัวตลก
ทว่าตอนนี้หญิงบ้าสติเลอะเลือนคนนั้นกลับกลายเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยงามฉลาดเฉลียว แล้วแบบนี้จะให้เขาทนต่อไปได้อย่างไร!
เมืองต้าจิ้นต้องเป็นของเขา! ทุกสิ่งทุกอย่างใต้ผืนฟ้าจะต้องเป็นของเขาผู้เดียว!
ดังนั้นเขาต้องกำจัดหนามยอกอกตรงหน้าทิ้งไป
เหลือบมองพระชายาอวี้ ผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องตกเป็นของเขา
มิใช่เพราะความรัก แต่เพราะเขาจะแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากอ๋องอวี้และทำให้เขาต้องกลายเป็นเพียงเบี้ยล่างแทบเท้าของตนเอง
“แน่นอนอยู่แล้ว หมู่โฮ้วต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มีเพื่อจัดการเรื่องงานแต่งให้เจ้าเชียวนะ!”
**********************
1 ฮวงซง สรรพนามแทนตัวของไท่จื่อ