ตอนที่ 60 ฝึกเคล็ดวิชานี้เจ้าจะไร้เทียมทาน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 60 ฝึกเคล็ดวิชานี้เจ้าจะไร้เทียมทาน

กลางดึก

มิรู้ว่าเพราะถานไถชิง เสวี่ยจะจากไปแล้ว หรือเพราะเหตุใดจึงทำให้เย่ฉางชิงที่นอนอยู่บนเตียงยากที่จะข่มตาให้หลับลงได้

จนอดที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมามิได้

เขาเป็นเช่นนั้นอยู่เกือบชั่วยาม ก่อนที่มีบางอย่างดลใจให้เขานึกถึงคัมภีร์โบราณที่ถานไถชิง เสวี่ยมอบให้เขาขึ้นมา

เย่ฉางชิงรู้จักอักษรบนคัมภีร์โบราณเล่มนี้ทุกตัว  แต่เมื่อตัวอักษรถูกนำมารวมกันแล้วกลับอ่านมิรู้เรื่อง มิรู้ว่ากำลังเอ่ยถึงสิ่งใดอยู่กันแน่

เพียงแค่เปิดอ่านหน้าแรกเย่ฉางชิงก็รับรู้ได้ถึงความพิเศษบางอย่าง เขาพบว่าตัวอักษรโบราณเหล่านี้เหมือนมีกฎในการอ่านอยู่

ทว่าเมื่อครู่จู่ ๆ เขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า หรือนี่จะเป็นการเข้ารหัสรูปแบบหนึ่ง

บางทีคัมภีร์โบราณเล่มนี้อาจจะเป็นเพียงเคล็ดวิชา หรืออาจบันทึกเรื่องราวสำคัญบางอย่างเอาไว้ก็เป็นได้

คิดถึงตรงนี้เย่ฉางชิงจึงรีบลุกขึ้นมาจุดเทียน ก่อนจะหยิบคัมภีร์โบราณที่มีหน้าปกว่างเปล่าขึ้นมาจากโต๊ะหนังสือตรงหน้า

ภายใต้แสงไฟสลัว เย่ฉางชิงเปิดหน้าแรกของคัมภีร์โบราณออก ก่อนจะเริ่มทำเครื่องหมายและเรียงลำดับดู

“หนึ่งเข้าสอง สี่ถอยสอง สองเข้าสาม……”

เย่ฉางชิงทำเครื่องหมายและเรียงลำดับอยู่อย่างนั้น หลังจากนั้นบนกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่งก็ปรากฏเนื้อหาที่เขาเรียงลำดับขึ้นมาใหม่

จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม ในที่สุดเขาก็เรียงตัวอักษรมิกี่ร้อยคำของหน้าแรกขึ้นมาใหม่จนสำเร็จ

เนื้อหาคร่าว ๆ ของหน้าแรกก็คือ

ข้าบำเพ็ญเพียรมา 20,000 ปี ในที่สุดก็ได้พบความลับของสวรรค์ ก่อนที่ข้าจะขึ้นสรวงสวรรค์ข้าจะทิ้งคัมภีร์เหนือปฐพีไว้ที่นี่ เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้ฝึกฝน

แต่จงจำเอาไว้ว่าเคล็ดวิชาเล่มนี้ถูกข้าบันทึกเอาไว้ด้วยวิธีพิเศษ หากต้องการฝึกเคล็ดวิชานี้ จำต้องไขรหัสลับที่ข้าตั้งไว้ให้ได้เสียก่อนจึงจะสามารถฝึกฝนได้ มิเช่นนั้นจะต้องยอมรับผลที่จะตามมา

สุดท้ายข้าขอบอกแก่ทุกท่านว่า หากฝึกเคล็ดวิชานี้สำเร็จ เจ้าจะไร้เทียมทาน !

เย่ฉางชิงอ่านเนื้อหาหน้าแรกของคัมภีร์โบราณแล้วถึงกับพูดมิออก

ผู้เป็นอมตะที่มีชีวิตมาสองหมื่นกว่าปี กลับเป็นคนเจ้าเล่ห์อำมหิต

ใช้ประโยคล่อลวงผู้คน จากนั้นก็กล่าวถึงจุดสำคัญ สุดท้ายก็ทิ้งความสงสัยเช่นนี้ นี่มันตั้งใจทำร้ายความรู้สึกกันชัด ๆ ?

เย่ฉางชิงกวาดตามองเนื้อหาของหน้าแรก ก่อนมุมปากจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน

“แม้เจ้าจะเจ้าเล่ห์เพทุบาย แต่รหัสลับที่เจ้าตั้งเอาไว้เมื่อเทียบกับรหัสมอร์สในอีกโลกหนึ่งแล้วล่ะก็ นี่ก็เป็นเพียงแค่เรื่องหลอกเด็กก็เท่านั้น”

เย่ฉางชิงเอ่ยออกมาเรียบ ๆ

แต่หลังจากที่เขาลองนึกย้อนกลับไปแล้ว ก็รู้สึกราวกับชาวาบจนแข็งเป็นหินขึ้นมาในพริบตา

………………………….

ห้าปีก่อน

ตอนที่เขามาถึงโลกแห่งเซียนนี้ครั้งแรก เขาคิดว่าตัวเองจะสามารถปลุกดัชนีทองคำได้ เช่นเดียวกับผู้ทะลุมิติคนอื่น ๆ จากนั้นก็จะบดขยี้เหล่าผู้แข็งแกร่ง และเดินบนหนทางนี้ไปได้ไกลแสนไกล

แต่ความเป็นจริงกลับตาลปัตร !

หลังจากทำการทดสอบ เขากลับมิมีแม้กระทั่งรากวิญญาณธรรมดาด้วยซ้ำ เช่นนั้นเขาจึงมิเคยได้เห็นเคล็ดวิชาในการบำเพ็ญเพียรมาก่อน

จวบจนถึงวันนี้ แม้จะผ่านมาห้าปีแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะได้เคล็ดวิชาสักเล่มอยู่ดี

เขามิเชื่อว่าผู้ทะลุมิติเช่นเขา จะต้องมีชีวิตอยู่ในที่กันดารและห่างไกลเช่นนี้ไปตลอดชีวิตหรอก

เขามิเชื่อว่าตัวเองจะเป็นได้เพียงแค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่งเท่านั้น !

บางคราเย่ฉางชิงก็สงสัยว่า ดัชนีทองคำของตัวเองอาจจะใช้งานได้ในเฉพาะสถานการณ์ที่คับขันก็เป็นได้

หรือบางที… อาจจะต้องฝึกเคล็ดวิชาบางอย่างเสียก่อน หลังจากนั้นก็จะสามารถใช้พลังได้

ตอนนี้เขาบังเอิญได้รับคัมภีร์เหนือปฐพีของผู้แข็งแกร่งที่บรรลุเป็นเซียนมา

ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาสามารถไขรหัสลับของผู้แข็งแกร่งท่านนี้ได้อย่างง่ายดาย และได้รับคัมภีร์เหนือปฐพีนี้

ดูก็รู้ว่าเวลานี้ภายในใจของเขาตื่นเต้นมากเพียงใด

‘มีคนนำคัมภีร์เหนือปฐพีเช่นนี้มามอบให้ถึงมือ นับแต่นี้ต่อไป ข้าเย่ฉางชิงผู้นี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ! ’

เพราะกลัวจะเป็นการรบกวนถานไถชิง เสวี่ย เย่ฉางชิงจึงทำได้เพียงตะโกนอยู่ในใจเท่านั้น

มินานเขาก็สูดลมภายใจเข้าลึก ๆ พยายามทำจิตใจให้สงบ จากนั้นจึงเริ่มแกะเนื้อหาของคัมภีร์โบราณเล่มนี้ตามกฎในหน้าแรก

แล้วค่ำคืนนั้นก็ผ่านพ้นไป

มิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด เย่ฉางชิงจึงได้ฟุบหลับลงบนโต๊ะหนังสือ

ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่านอกหน้าต่างท้องฟ้าสว่างแล้ว

ทั้งยังมิมีเสียงพิณของถานไถชิง เสวี่ยอีก

เย่ฉางชิงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะบิดตัวไล่ความขบเมื่อยแล้วจึงก้าวออกมาด้านนอก

เมื่อเขามาถึงห้องที่เป็นที่พักของถานไถชิง เสวี่ยในหลายวันมานี้ ก็พบว่าถานไถชิง เสวี่ยได้จากไปแล้ว ทั้งยังทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งเอาไว้บนหัวเตียงอีกด้วย

ลายมือของนางเป็นระเบียบ สวยงาม

เนื้อหาคร่าว ๆ กล่าวว่า ขอบคุณสำหรับการชี้แนะและการดูแลตลอดหลายวันมานี้ ถานไถชิง เสวี่ยจะจดจำไว้จนตาย วันหน้าหากมีโอกาสจะมาเยี่ยมเย่ฉางชิงอีกคราแน่นอน

“เฮ้อ ดูท่าโลกเซียนแห่งนี้ผู้คนก็ยึดตามหลักความเป็นจริงเช่นกัน คนที่ไร้บ้านไร้ที่ดิน มีเพียงความสามารถอย่างเดียว คงยากที่จะมีภรรยาได้”

เอ่ยจบเย่ฉางชิงก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

แต่มินานเขาก็ปล่อยวางได้

ตอนนี้เขามีคัมภีร์เหนือปฐพีฉบับสมบูรณ์แล้ว หากเขาฝึกฝนจนสำเร็จ ต่อให้มิได้เข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั่น แต่ก็ยังสามารถเป็นผู้แข็งแกร่งได้

คิดถึงตรงนี้เขาจึงเดินไปที่โต๊ะภายในลานที่มีชุดน้ำชาวางเอาไว้ด้วยความมั่นใจ

หลังจากจิบชาล้างปากแล้ว จึงนำกองกระดาษที่เขาไขรหัสไว้แล้ว ขึ้นมาวางไว้ด้านหน้าเพื่อเริ่มฝึกฝน

“พลังชีวิตเลื่อนลอย หลุดพ้นจากโลก ไร้จุดเริ่มต้นไร้จุดสิ้นสุด ไร้การดับสูญ”

“พลังดาวเหนือ หยินหยางเคลื่อนย้าย แปดทิศหมุนวน จตุฤดูเคลื่อนคล้อย”

“ฟ้าดินตัดผ่าน สรรพสิ่งเปลี่ยนแปลง มีเริ่มต้นมีสิ้นสุด โคจรร้อยลี้”

“จตุฤดูถือกำเนิด วันคืนประกอบ แก่นแท้ของวัตถุ วิญญาณคือการเปลี่ยนแปลง”

เย่ฉางชิงขมวดคิ้วแน่นขณะท่องเคล็ดวิชา ก่อนจะใคร่ครวญวิธีการฝึกฝน

แล้วจู่ ๆ ปราณวิญญาณฟ้าดินที่ปกคลุมทั่วทั้งเมืองเสี่ยวฉือก็เริ่มปะทุขึ้น ทั้งยังแฝงไว้ด้วยคลื่นปราณเต๋ามากมายอีกด้วย

เพียงพริบตาทั่วทั้งเมืองเสี่ยวฉือก็เกิดลมกรรโชกแรง สภาพอากาศแปรปรวนอย่างน่าสะพรึงกลัว

ขณะเดียวกันเย่ฉางชิงก็รับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าร่างกายของตนในตอนนี้เกิดความร้อนรุ่มไหลวนไปทั่วทั้งร่าง

“หรือว่าข้าฝึกได้แล้วงั้นหรือ ? ”

หลังรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย เย่ฉางชิงก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและยินดีในเวลาเดียวกัน

ปากของเขาก็ยังคงท่องเคล็ดวิชาต่อไปมิหยุด

หลังจากท่องซ้ำ ๆ อีกสองรอบ เขาก็สามารถจำเคล็ดวิชาทั้งหมดได้อย่างขึ้นใจ

ในที่สุดเขาก็ค่อย ๆ หลับตาลง ราวกับผู้ฝึกตนที่รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายได้อย่างลึกซึ้ง

ตอนนั้นเองราชันทมิฬที่หมอบอยู่บนพื้นก็ได้ลุกขึ้นมา

ดวงตาของมันเบิกโพลง และจับจ้องไปที่ตุ๊กตาชงน้ำชาหรือก็คือของขวัญที่นักพรตฉางเสวียนมอบให้แก่เย่ฉางชิงก่อนหน้านี้ ที่จริงแล้วคือหินหุนหยวนที่สามารถทำให้โลกแห่งผู้บำเพ็ญเพียรสั่นสะเทือนได้

ทว่าตอนนี้ราวกับหินหุนหยวนถูกอัญเชิญ รอบ ๆ จึงเกิดประกายแสงหลากสีสันแผ่ออกมา ส่องประกายระยิบระยับไปทั่ว ทั้งยังเกิดคลื่นพลังอันน่ากลัวขึ้นอีกด้วย

หลังจากนั้นมิกี่อึดใจ หินหุนหยวนที่มีขนาดเท่าไข่ไก่ก้อนนั้นก็เกิดมีแสงระยิบระยับอยู่รอบ ๆ ก่อนจะไหลเข้าสู่ร่างกายของเย่ฉางชิง

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

แต่หากนักพรตฉางเสวียนผู้ที่เป็นคนมอบหินหุนหยวนให้แก่เย่ฉางชิงเห็นเข้า เกรงว่าคงได้ตกใจจนเป็นลมแน่

การกลั่นหินหุนหยวนด้วยวิธีเรียบง่ายและได้ผลลัพธ์ที่คาดมิถึงเช่นนี้ เกรงว่าคงมิมีผู้ใดเคยทำสำเร็จมาก่อนเป็นแน่!

และเย่ฉางชิงในตอนนี้ก็รู้สึกว่าภายในร่างกายเกิดความรู้สึกเย็นสบายขึ้นอย่างมาก