บทที่ 54 ผู้บำเพ็ญเซียนในรูปแบบนักฆ่า

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

“เริ่มได้”

ตามเสียงคำสั่งของผู้ตัดสิน ซานเชียนจื่อในชุดสีดำขยับตัวก่อน เขาวิ่งเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาไปรอบเวที ผู้บำเพ็ญเซียนที่เย็นชาก็กอดอกอยู่เช่นนั้นแผ่การรับรู้ปกคลุมไปทั่วทั้งเวที มองซานเชียนจื่อบนเวทีที่เต็มไปด้วยการรับรู้ด้วยสายตาเย็นชาว่าจะสามารถเล่นลูกไม้อะไรได้

ตอนที่ในใจของเขาดูแคลนการกระทำของซานเชียนจื่อ ซานเชียนจื่อพลันหายไปท่ามกลางสายตาของทุกคน หลงเหลือเพียงผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาคนเดียวบนเวทีอันว่างเปล่า

เวทซ่อนกายอันร้ายกาจ ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานที่บินอยู่กลางอากาศประทับใจนิดๆ ขนาดเขาใช้การรับรู้ก็ไม่พบเห็นการคงอยู่ของซานเชียนจื่อ ถือโอกาสที่พลังการบำเพ็ญเพียรของตนเองสูงกว่า ในที่สุดเขาก็เห็นพื้นที่ว่างแห่งหนึ่งบนเวทีมีการกระเพื่อมของพลังเบาๆ ท่าทางคนผู้นี้ถ้าไม่ได้มีเวทซ่อนกายระดับสูง ก็คงมีของวิเศษอะไรในตัว

“อยากได้ ข้าอยากได้เวทซ่อนกาย” จินเฟยเหยายืดกายลุกขึ้น มองบนเวทีด้วยความอิจฉา นางพยายามค้นหาบนเวทีอยู่นาน ก็หาร่างของซานเชียนจื่อไม่พบ

จินเฟยเหยาตระหนักทันที มิน่าเล่าอู๋เฮ่าคงจึงถูกเขาทุบตีจนบาดเจ็บหนัก มองไม่เห็นร่าง แน่นอนว่าได้แต่ป้องกันและถูกทุบตี

ซานเชียนจื่อหายไปจากการรับรู้ของผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาทำให้เขาหวาดกลัว ทว่าเขาก็มิใช่ชนชั้นธรรมดา พลิกมือเรียกน้ำเต้าเล็กๆ แล้วตบบนน้ำเต้า ควันสีเขียวสายหนึ่งก็พวยพุ่งออกมา โอบล้อมพื้นที่สองจั้งรอบกายเขาเอาไว้

นำดาบผีเสื้อสวรรค์แม่ลูกชุดสิบหกเล่มออกมา ผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาถือดาบหลักไว้ในมือ ดาบลูกลอยอยู่รอบกาย สะสมพลังรอคอยซานเชียนจื่อ

ทุกคนรอคอยให้ซานเชียนจื่อลงมือ ทว่ารออยู่นาน เห็นผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาที่โอบล้อมด้วยไอสีเขียวยืนอยู่บนเวทีคนเดียว นอกจากผู้ตัดสินที่บินอยู่กลางอากาศ คนอื่นๆ ต่างไม่รู้ว่าซานเชียนจื่อยังอยู่บนเวทีหรือไม่ ทว่าผู้ตัดสินไม่ได้บอกให้การประลองสิ้นสุด เช่นนั้นแสดงว่าเขายังอยู่บนเวที เพียงแต่ยังไม่ลงมือ

“เร็วหน่อยได้หรือไม่ รออะไรอยู่?” จินเฟยเหยาพึมพำอย่างไม่พอใจ ดวงตากลับไปกล้าเบนไปจากเวทีแม้แต่น้อย เกรงว่าการประลองจะสิ้นสุดลงในชั่วพริบตา อีกทั้งตนเองยังเดิมพันข้างซานเชียนจื่อไว้ยี่สิบศิลาวิญญาณ จะขาดทุนหมดไม่ได้นะ

ทว่าตอนที่ทุกคนรอจนหมดความอดทน ผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาพลันขยับ เห็นมีดลูกผีเสื้อสวรรค์บินหมุนวนอย่างรวดเร็ว ระหว่างมีดบินเกิดประกายไฟส่งเสียงดังเพี๊ยะพะ ทุกคนมองเห็นไม่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นด้านล่างเท้าของผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชามีผลึกน้ำแข็งสาดกระจายอยู่เต็มพื้น คิดไม่ถึงว่าแม้แต่เวทธนูน้ำแข็งก็ยังซ่อนกายได้ นี่เป็นเวทซ่อนกายแบบใดกัน ภายในใจจินเฟยเหยาเต็มไปด้วยความสงสัย

ทันใดนั้น มีดผีเสื้อสวรรค์ตัวลูกของผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาก็บินทะลุไอสีเขียวไปยังมุมหนึ่งบนเวที ในเวลาชั่วประกายไฟ มีดผีเสื้อสวรรค์ตัวลูกก็ฟาดฟันวุ่นวายอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง จากนั้นบินกลับมาข้างกายผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาอีกครั้งในพริบตา

สถานที่ซึ่งมีดผีเสื้อสวรรค์ตัวลูกฟาดฟัน บนพื้นที่ว่างเกิดการกระเพื่อมของพลัง ใบหน้าชั่วร้ายของซานเชียนจื่อปรากฎขึ้น บนร่างของเขาถูกมีดผีเสื้อสวรรค์ตัวลูกฟัน เต็มไปด้วยบาดแผลเลือดหยดติ๋งๆ

“อา!” จินเฟยเหยาเห็นเช่นนี้ อดร้องออกมาไม่ได้ ศิลาวิญญาณยี่สิบก้อนที่นางลงเดิมพันไว้ หรือว่าจะเสียพนันไปเช่นนี้?

ซานเชียนจื่อนั่งยองๆ อยู่บนพื้น หอบหายใจ จ้องมองผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาในไอสีเขียวอย่างดุร้าย เขาคิดไม่ถึงว่า เจ้าคนที่อยู่ตรงข้ามจะใช้ไอพิษมาป้องกัน ทำให้ตนเองเข้าใกล้ไม่ได้

“ถึงเวทซ่อนกายของเจ้าจะร้ายกาจ เพียงแต่น่าเสียดายที่เจ้าทำลายไอพิษของข้าไม่ได้ ได้แต่ใช้ผลึกน้ำแข็งมาโจมตีข้า ท่าทางเจ้าจะใช้ได้แต่เวทชนิดนี้ ขอเพียงลอบโจมตีไม่ได้ เจ้าก็ได้แต่รอความตาย”

ผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาใช้มือกุมมีดผีเสื้อสวรรค์ตัวแม่ ชี้ซานเชียนจื่ออย่างเย่อหยิ่ง

“ฮึ” ซานเชียนจื่อหัวเราะเสียงเย็นชา พลิกมือนำถุงผ้าสีเทาที่ไม่สะดุดตาใบหนึ่งออกมา เขาดึงเชือกที่ปิดปากถุงผ้าทิ้ง ถุงผ้าลอยขึ้นกลางอากาศ เปิดปากถุง ดูดควันสีเขียวอย่างบ้าคลั่ง

ควันพิษสีเขียวของผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชา ถูกถุงของซานเชียนจื่อดูดเข้าไปหมดในพริบตา จากนั้นซานเชียนจื่อก็แสยะยิ้มชั่วร้ายเดินเข้าไปในความว่างเปล่า ผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาเจ็บปวดแทบตาย เขารวบรวมไอพิษเหล่านั้นมาอย่างยากลำบาก ไม่มีการป้องกันของไอพิษ ผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาได้แต่ตีหน้าขรึม ใช้โล่ธารม่วงเปิดม่านแสงคุ้มครองรอบด้าน

ดาบผีเสื้อสวรรค์ตัวลูกบินร่ายรำอยู่รอบด้านโดยไร้นัยน์ตา ผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาเคลื่อนไหวช้าๆ บนเวที ขอเพียงซานเชียนจื่อลงมือ ก็จะสามารถหาร่างของเขาพบอีกครั้ง

ทันใดนั้น พื้นที่ว่างข้างเท้าของผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาก็มีการกระเพื่อมของพลัง ซานเชียนจื่อเหินร่างออกมาจากใต้เท้าของเขาดุจภูติพราย พอผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาหันไปฟาดฟันดาบผีเสื้อสวรรค์แม่ลูกใส่ โล่ธารม่วงก็ขยับไปอยู่ด้านข้างในพริบตา ทว่าความเคลื่อนไหวของซานเชียนจื่อรวดเร็วกว่า แต่ละมือถือหนามแหลมยาวหนึ่งฉื่อปักเข้าใส่ทรวงอกของผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชา

หนามแหลมแทงทะลุม่านแสงได้อย่างง่ายดาย มือขวาของเขาแทงทรวงอกด้านหน้า แล้วพลิกตัวเปลี่ยนมือใช้หนามแหลมในมือซ้ายปักเข้าไปด้านหลัง ตอนพลิกตัวยังใช้เท้าเตะโล่ธารม่วงหนึ่งที หลังจากสองอึดใจ ส่วนหางของหนามแหลมก็พ่นโลหิตสดสองสายออกมา โลหิตสดของผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาพุ่งออกมาตามหนามแหลม

เปิดรูปล่อยโลหิต! ม่านตาของจินเฟยเหยาหดเล็กลง เป็นอาวุธสองชิ้นที่แหลมคมจริงๆ มองดูโลหิตสดพุ่งสูงหนึ่งจั้งกว่า ต้องไม่ใช่แค่เพียงเปิดรูปล่อยโลหิตธรรมดาแน่ อาวุธสังหารอันคมกริบ

“อั่ก”

ผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาอ้าปาก ใบหน้าแลดูแข็งทื่อยิ่งขึ้น ล้มลงบนเวทีอย่างแรง หนามแหลมบนทรวงอกยังมีโลหิตพุ่งออกมาไม่หยุด อาวุธเวทที่เหมือนหนอนดูดโลหิตเช่นนี้ ดูดหยาดโลหิตทุกหยดในร่างของผู้บำเพ็ญเซียนเย็นชาอย่างเอาเป็นเอาตาย ขอเพียงมีโลหิตก็จะไม่หยุด

ผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้นตายแล้ว โลหิตของเขาสาดกระเซ็นบนเวที ตายได้งดงามอย่างแปลกประหลาด ซานเชียนจื่อเหยียบโลหิตสดบนเวที ดึงหนามแหลมออกแล้วก้าวลงจากเวทีไป รอจนเขาเดินลงจากเวที ผู้บำเพ็ญเซียนที่ชมดูการต่อสู้จึงสูดหายใจหนาวเหน็บ

ด้านล่างเวทีก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างออกรส ทุกคนต่างถูกวิธีการฆ่าคนที่อำมหิตและชั่วร้ายเช่นนี้สั่นสะเทือน เรื่องนี้ไม่เหมือนการกระทำของผู้บำเพ็ญเซียนเลยสักนิด ทว่าเหมือนนักฆ่าที่เอาชีวิตมาเสี่ยงในโลกมนุษย์

จินเฟยเหยามองซานเชียนจื่อเดินไปยังสถานที่ไกลๆ นั่งลงเริ่มรักษาบาดแผล ก็เลียริมฝีปาก เดินเข้าไปหา

“สหายเซียนซานร้ายกาจจริงๆ ลงมือทั้งอำมหิตทั้งแม่นยำ ก่อนลงมือรอคอยตลอด ความอดทนก็ยอดเยี่ยม” จินเฟยเหยาหยุดลงตรงที่ห่างจากเขาห้าก้าว นางไม่อยากทำให้เขารู้สึกไม่ดีจนจิ้มตนเอง

ซานเชียนจื่อลืมตา หลังจากมองรูปร่างสูงใหญ่ของจินเฟยเหยาผ่านเส้นผมที่ปิดบังใบหน้าแล้วจึงเอ่ยว่า “ที่แท้คือสหายเซียนจินที่เสียโฉม คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านั้นช่างไร้ความสามารถ”

“สหายเซียนซาน เจ้าพูดแบบนี้ไร้น้ำใจเกินไป อย่างไรพวกเราก็ถือว่าเป็นคนเรือนเดียวกัน ไร้ความแค้นต่อกัน เจ้าสาปแช่งข้าแบบนี้ได้อย่างไร” จินเฟยเหยามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ตนเองไม่เคยล่วงเกินเขา เหตุใดพอพบหน้าเขาก็พูดจาเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครสนใจเขา

เจ้าหมอนี่มองจินเฟยเหยาอย่างแปลกประหลาดดังเดิม เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ดี “เจ้าลับๆ ล่อๆ ตามมา คิดจะทำอะไร?”

ใครลับๆ ล่อๆ เล่า จินเฟยเหยารู้สึกอึดอัด พอนึกถึงว่าตนเองมีธุระมาหาเขาจริงๆ หลังจากสูดลมหายใจลึกๆ นางจึงเอ่ยว่า “ขอพูดอย่างเปิดอก สหายเซียนซาน ข้าคิดจะแลกเปลี่ยนกับเวทซ่อนกายของท่าน ไม่ทราบว่าท่านจะยินยอมหรือไม่ เสนอราคามา พวกเราสามารถคุยกันได้ ข้าสนใจเวทซ่อนกายของเจ้ามาก”

“หนามแหลมของข้าสนใจโลหิตของเจ้ามากยิ่งกว่า ถ้าเจ้ายินยอมมอบชีวิตให้ข้า ข้าจะสอนเวทซ่อนกายให้เจ้า” ซานเชียนจื่อมองจินเฟยเหยา ยิ้มเย็นเยียบ

จินเฟยเหยามีโทสะ เลิกคิ้วมองเขาอย่างเดือดดาล “สหายเซียนซาน ข้ามาพูดคุยกับเจ้าดีๆ เจ้าเกิดบ้าอะไรขึ้นมา ไม่ยินยอมก็ช่างเถอะ แสร้งทำท่าทางน่ากลัวขู่ขวัญใคร”

“ไสหัวไป” ซานเชียนจื่อหลับตา พ่นออกมาคำหนึ่งอย่างดุร้าย

จินเฟยเหยามองเขาอย่างเย็นชา กำหมัดแน่น หมุนตัวจากไปโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ “อ๊บๆ”

“เจ้าสิยอมแพ้ อย่ามายั่วยุข้า ตอนนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี เจ้าหมอนั่นต้องบ้าแน่ๆ กอดเวทซ่อนกายตายไปด้วยเถอะ” จินเฟยเหยายืนอยู่ด้านล่างเวทีอย่างไม่พอใจ จ้องมองคนบนเวทีอย่างหงุดหงิด อารมณ์เลวร้ายอย่างผิดปกติ

“หมายเลขหกพันหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่”

ในที่สุดบนเวทีก็ตะโกนถึงหมายเลขของจินเฟยเหยา นางตีหน้าขรึมกระโดดขึ้นเวที ตรงข้ามก็มีผู้บำเพ็ญเซียนกระโดดขึ้นมา เป็นชายร่างกำยำเช่นเดียวกัน ถึงแม้กล้ามเนื้อจะด้อยกว่าจินเฟยเหยาเล็กน้อย แต่ก็น่าประทับใจกว่าผู้บำเพ็ญเซียนธรรมดาทั่วไป

“รออยู่นาน ในที่สุดข้าก็เจอกับเจ้า” ชายร่างกำยำที่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณช่วงปลายเช่นเดียวกันคนนี้ ก้าวเข้ามาใช้นิ้วมือชี้หน้าจินเฟยเหยา ตะโกนเสียงดัง

จินเฟยเหยาใช้หางตาเหลือบมองเขา เอ่ยถามอย่างหงุดหงิด “บิดาไปยั่วโทสะเจ้าตอนไหน?”

ชายร่างกำยำยืนจังก้าอย่างเผด็จการ ชูสองนิ้วแล้วเอ่ยว่า “เจ้ายั่วโทสะข้าสองเรื่อง ข้อแรก คือเจ้ากล้ามีร่างกายกำยำกว่าข้า เจ้าคงไม่รู้ว่าข้าเกลียดชังการเห็นคนกำยำมากกว่าข้าที่สุด ข้อสอง เจ้าใช้ก้อนหินทุบสตรีที่ข้าชอบ ดังนั้นข้าจะทุบกระดูกทั้งหมดของเจ้าให้หักเสีย ทำให้ใบหน้าของเจ้ากลายเป็นก้อนแป้ง”

“เจ้าบ้าหรือเปล่า” ขนาดมองจินเฟยเหยายังไม่อยากมองเขา ด่าทออย่างหมดความอดทน

“ฮึ ข้าจะให้เจ้าเห็นพละกำลังของข้า” ฉวยโอกาสที่ทุกคนยังลงเดิมพันอยู่ บุรุษร่างกำยำล้วงค้อนยักษ์ออกมาร่ายรำดุจสายลมพัดผ่านผิวน้ำ กระโดดขึ้นกลางอากาศ ฟาดค้อนยักษ์กระแทกลงบนเวทีที่สร้างจากศิลา ได้ยินเสียงดังสนั่น เวทีที่สร้างจากศิลาถูกทุบจนกลายเป็นสามส่วน จินเฟยเหยาและพั่งจื่อยืนอยู่บนส่วนหนึ่งในนั้น มองเขาทุบทำลายอย่างกำเริบเสิบสานด้วยสายตาเย็นเยียบ ปล่อยให้เศษหินปลิวว่อน ไม่ได้เคลื่อนไหวเลยสักนิด

“หมายเลขเก้าร้อยเจ็ดสิบสี่ ข้าขอเตือนเจ้า ถ้าเจ้าจะทุบทำลายลานประลองเช่นนี้อีกก็รีบไสหัวไปทันที” ผู้ตัดสินที่อยู่กลางอากาศ มองการประลองที่ยังไม่เริ่ม เวทีก็ถูกเจ้าโง่คนนี้ทุบจนแตกเป็นสามส่วน อดมีเพลิงโทสะแผดเผา คำรามใส่เขาไม่ได้

ทว่าเจ้าหมอนี่หยิ่งยโสเป็นที่สุด เงยหน้าขึ้นมองกลางอากาศแล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เวทีเล็กๆ ที่สร้างจากหินแห่งหนึ่ง รอข้ากำจัดเจ้าเด็กนี่ก่อน ข้าจะทำให้ดีกว่านี้”

“พวกเจ้าสองคนรีบเริ่มประลอง จากนั้นก็ไสหัวไป” ไม่รอหอฝูหลิงให้สัญญาณ ผู้ตัดสินก็คำรามใส่พวกเขาสองคนอย่างฉุนเฉียว

“รับกระบวนท่า”  สองมือของชายร่างกำยำร่ายรำค้อนยักษ์ที่มีขนาดใหญ่เหมือนช้างสองตัว กระแทกใส่จินเฟยเหยาอย่างแรง

“ตายเสียเถอะ” จินเฟยเหยาพลันคำรามอย่างเดือดดาล กำปั้นจุดแสงสีฟ้าขึ้น แล้วชกไปบนค้อนอย่างแรง ลมหมัดระเบิดออก พัดอย่างบ้าคลั่ง หมัดและค้อนของคนทั้งสองกระทบกันบนเวทีที่เสียหาย

“คิดจะใช้หมัดกับค้อนยักษ์ของข้า เจ้าอ่อนหัดเกินไป” ชายร่างกำยำถือค้อน หัวเราะดังลั่น ส่วนจินเฟยเหยาพลันเก็บหมัดอย่างกะทันหัน เอ่ยเสียงเย็นชา “เจ้าสิอ่อนหัดเกินไป”