ตอนที่ 57 : ไร้แรงกดดัน

ขณะที่พูดอยู่นั้นเขาก็ได้โบกมือ ก่อนที่หน้าจอด้านหลังจะติดขึ้นมาพร้อมกับตัวหนังสือสีแดงที่ประกาศรายชื่อของผู้เข้าร่วม และตารางการแข่งขัน

หวังเย่ามองไปบนจอ ไม่นานเขาก็พบชื่อของเขาที่อยู่ในลานที่ 9 เกมแข่งขันที่ 127 คู่ต่อสู้ของเขาก็คือ ไช่สงอวิ๋น

เสียงประกาศได้ดังขึ้นเพื่อรายงานสถานการณ์

“เวทีที่ 1 หลี่รั่วซานจากโรงเรียนมังกรประจิม สู้กับ ไป๋จิ้งฉวนจากโรงเรียนเพลิงพิสุทธิ์”

“เวทีที่ 2 …”

….

“เวทีที่ 10 …”

ในตอนที่เสียงประกาศดังขึ้นพวกที่โดนเรียกชื่อต่างก็พากันขึ้นไปบนเวทีของตัวเอง พวกเขามองไปที่คู่ต่อสู้ ไม่นานกรรมการด้านล่างก็ประกาศให้เริ่มการแข่งขัน

กฎก็ง่าย ๆ คือให้อสูรของตัวเองเอาชนะอสูรของอีกฝ่ายจนไม่อาจจะสู้ต่อได้ แต่ห้ามทำให้บาดเจ็บร้ายแรง มิฉะนั้นจะถูกปรับตก

เขาอยู่ที่นั่งตรงกลางของโดมทำให้มองเห็นการแข่งขันทั้งหมดอย่างครอบคลุม

เมื่อเห็นแบบนั้น หวังเย่าก็อดทอดถอนใจไม่ได้ หลังจากที่พืชและสัตว์ของดาวโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการจนเกิดสายพันธุ์ใหม่ ๆ ขึ้นมา เมื่อมายังโลกใบนี้มันก็ถือว่าเป็นการเปิดมุมมองของเขาได้อย่างมาก

แมวตัวหนึ่งอาจจะแยกออกไปได้หลายสายพันธุ์, หลายระดับและมีความสามารถรวมถึงคุณสมบัติต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป

แม้ว่าตอนนี้จะมีไม่กี่การแข่งขันที่หวังเย่าสนใจ แต่แค่ตรวจสอบอสูรของพวกนั้นก็ถือว่าได้ประโยชน์มาไม่น้อย

ทุกครั้งที่เขาเห็นอสูรที่เขาไม่รู้จัก เขาก็จะรีบใช้ระบบเพื่อตรวจสอบสถานะของมันทันที เดาว่าแม้แต่ครูก็รู้จักอสูรไม่มากเท่าเขาก็ได้

ทหารรับจ้างที่คอยสู้อยู่นอกเมืองตลอดทั้งปีนั้น เป็นธรรมดาที่จะเคยเห็นสัตว์อสูรมาหลายชนิดแล้ว แต่ก็คงไม่อาจจะบอกชื่อทั้งหมดได้

สุดท้ายหวังเย่าก็ได้รู้จักสัตว์อสูรเพิ่มขึ้นมาจำนวนมาก

ไม่นานก็ถึงตาเขาขึ้นไปทำการแข่งขัน

“หวังเย่า ขอคำชี้แนะด้วย”

“ไช่สงอวิ๋น ขอคำชี้แนะด้วย”

ทั้งสองทักทายกันก่อนจะเริ่มการต่อสู้

อสูรของไช่สงอวิ๋นเป็นจิ้งจอกเขียว มันอยู่ระดับเงินเลเวล 25 หากอยู่ในโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์ก็ถือว่ามีความแข็งแกร่งที่ค่อนข้างดี เดาว่าไช่สงอวิ๋นเองก็คิดแบบนั้น

แต่เมื่อลิงระดับทองของหวังเย่าทำการโจมตี ความมั่นใจที่อีกฝ่ายมีก็หายไปในทันที

 ตอนที่หงอคงพุ่งไปปรากฏตัวต่อหน้าจิ้งจอกเขียว มันก็ต่อยหมัดออกไปทันที จนทำให้จิ้งจอกเขียวกระเด็นออกจากลานไป

“เรียบร้อย” หวังเย่ายิ้มออกมา

ไช่สงอวิ๋นยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เขาไม่ทันได้คิดว่าจะจัดการกับศัตรูตรงหน้ายังไงด้วยซ้ำ แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีก็แพ้ไปแล้ว

ผลก็คือเขายังไม่ทันได้ทำอะไร อสูรของเขาก็ตกจากเวทีไปแล้ว

เขาลองตรวจสอบอสูรของตัวเองผ่านจิตที่เชื่อมต่อกันและพบว่าจิ้งจอกเขียวไม่ได้รับบาดเจ็บหนักนัก  เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น และมองไปที่อีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ สุดท้ายสีหน้าเขาก็บิดเบี้ยวและต้องเดินลงจากเวทีไป

หวังเย่าส่ายหน้าและยิ้มออกมา

แน่นอนว่าไช่สงอวิ๋นก็แปลกใจแต่เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้นไปแล้ว หากจะโทษก็คงได้แต่โทษตัวเองที่ตอบโต้ช้าจนเกินไป แม้ว่าจะมีโอกาสอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์มันจะต่างจากเดิมรึไง ?

ไม่มีทาง !

เมื่อทำการต่อสู้กับคู่ของตัวเองเสร็จ หวังเย่าก็กลับมาดูการแข่งขันต่อ

1 ชั่วโมงต่อมา หวังเย่าก็ได้กลับไปแข่งรอบที่สอง ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายก็ถือว่าดี อสูรของอีกฝ่ายคือเสือดำที่ดูน่าเกรงขามอย่างมาก

“หลัวเหรินหลี”

“หวังเย่า”

ทั้งสองคนแนะนำตัวก่อนที่เสือดำจะคำรามออกมา คลื่นเสียงของมันแพร่กระจายออกมา และคลื่นเสียงนี้เพียงพอที่จะทำให้แก้วหูคนแตกได้ ดังนั้นหวังเย่าจึงต้องปิดหูของตัวเองไว้

ผ่านไปสิบอึดใจ หลัวเหรินหลีก็สั่งให้เสือหยุดคำรามก่อนที่จะสั่งให้มันพุ่งเข้าใส่หวังเย่า

หวังเย่าสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็สั่งให้หงอคงมาอยู่ด้านหน้าเขาพร้อมกับเตรียมตัวรับมือ

หลัวเหรินหลีเห็นแบบนั้นก็ฮึดฮัดออกมา  “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียแล้ว รนหาที่ตาย”

เสือดำของเขาอยู่ระดับทองเลเวล 27 มันแข็งแกร่งอย่างมาก แม้แต่อสูรระดับผู้นำก็ยากจะรับการโจมตีของมันได้

แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อหงอคงไม่ใช่แค่หยุดเสือที่พุ่งเข้ามาได้ แต่ยังทำให้พลังชีวิตของเสือดำหดหายลงไปด้วย

การที่เสือดำตัวยาวกว่า 8 เมตร และหนักมากกว่า 1 ตันได้กระเด็นออกไปด้วยหมัดของลิงนั้น ทำให้ทุกคนที่ดูการแข่งขันนี้ต่างก็พากันแปลกใจ

“พลังธรรมชาติ ? ! ”

ตอนนั้นเองทุกคนได้คิดถึงคำนี้ขึ้นมา ลิงนี่เกิดมาพร้อมกับพลังธรรมชาติ ดังนั้นหมัดนี้จึงมีพลังเพียงพอที่จะทำให้เสือกระเด็นออกไปได้

“ฉันดูถูกนายเกินไปสินะ  ลองนี่ดู” หลัวเหรินหลีตะโกนออกมาและบอกให้เสือดำพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง

ครั้งนี้เสือไม่ได้กระโดดเข้าใส่อีก แต่มันกลับพุ่งเข้าไปกัด ทันใดนั้นตาของมันได้ส่องประกายสีทองออกมาก่อนที่จะมีลำแสงสีทองถูกยิงไปที่หวังเย่า

หงอคงยืนยืดอกรับลำแสงโดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย

หลัวเหรินหลีฮึดฮัดออกมาด้วยท่าทีเย็นชา “ไม่มีสมองจริง ๆ ลำแสงนี่คือลำแสงพยัคฆ์ มันอัดแน่นไปด้วยพลังงานของอสูรระดับทอง”

ปัง !

หลัวเหรินหลีคิดไว้ว่าตัวของหงอคงคงทะลุเป็นรูไปแล้ว แต่ทว่าไม่เพียงแต่หงอคงจะไม่บาดเจ็บ กระทั่งหวังเย่าก็ยังแสดงสีหน้าเฉยเมย  ลำแสงได้พุ่งเข้าใส่ที่ตัวหงอคงโดยที่ไม่ทิ้งรอยไว้เลยแม้แต่น้อย สุดท้ายลำแสงนั้นก็หมดไปเหลือแค่รอยดำสองจุดที่อกของหงอคง

“การป้องกันของมัน…ไม่แกร่งไปหน่อยรึไง ! ”  หลัวเหรินหลีกลืนน้ำลาย เขาไม่กล้าจะเชื่อเรื่องนี้ ไม่แปลกเลยที่พวกนั้นจะไม่ตกใจกับลำแสงของเสือดำ แม้แต่คิงคองผิวทองแดงก็ยังไม่กล้ารับการโจมตีนี้โดยตรง

“ มีอย่างอื่นอีกไหม ? ”  หวังเย่าถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเฉยเมย  “ถ้าไม่มีงั้นฉันจะลงมือบ้าง”

“อย่าได้ใจไปหน่อยเลย ฉันบอกนายเลยว่า…”

หลัวเหรินหลียังไม่ทันได้พูดจบ หวังเย่าก็โบกมือ พร้อมกับหงอคงที่พุ่งออกไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหลัวเหรินหลี

กรงเล็บถูกสะบัดออกไปจนทำให้เสือดำและเจ้าของต้องกระเด็นตกจากเวทีไปตาม ๆ กัน

“ผู้ชนะ หวังเย่า”

หวังเย่าเดินลงจากเวทีอย่างใจเย็นพร้อมกับหงอคงที่กลับเข้าไปอยู่ในกำไลอสูร  เขารู้สึกได้ถึงสายตาของผู้คนจำนวนมากซึ่งจ้องมองมาที่เขา หวังเย่าลงมือได้อย่างยอดเยี่ยมและโดดเด่น เหตุนี้จึงทำให้ผู้คนจำนวนมากหันมาสนใจเขา

แต่หวังเย่ากลับส่ายหน้า เพราะทุกอย่างอยู่ในการคาดการณ์ของเขาแล้ว  ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่เขามี คู่ต่อสู้ก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อย เขาไม่สนว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร