ตอนที่ 58 : ตงฟางจิ้ง
เกมการแข่งขันรอบที่ 3 เริ่มตอน 15.00 นาฬิกา
หวังเย่าไม่ได้เรียกอสูรของตัวเองออกมา เขาแค่ใช้สกิลของอสูรและต่อยอีกฝ่ายจนกระเด็นตกจากเวที
ตอนนั้นการแข่งขันในวันแรกของหวังเย่าก็สิ้นสุดลง เขาชนะทั้ง 3 เกมและเข้าสู่รอบต่อไปได้อย่างราบรื่น การแข่งในวันพรุ่งนี้ก็มี 3 รอบเช่นกัน
เมื่อกลับมายังที่นั่งตนเอง หวังเย่าก็ได้ทักทายกับจ้าวเมิ่งซี
“น่าเบื่อจริง ๆ ฉันล่ะอยากไปดูหนัง” หวังเย่าหาวออกมาและพูดขึ้น
“ฉันก็ด้วย งั้นไปดูด้วยกันไหม” จ้าวเมิ่งซียิ้มออกมา “มันก็คงจะดีกว่าอยู่ดูการแข่งพวกนี้จนจบ”
“ไม่ดีกว่า พ่อเธอจับตาดูเธออยู่นู่น” หวังเย่าชี้ไปในทิศทางที่อีกฝ่ายอยู่
“งั้นก็ยิ่งน่าเบื่อเข้าไปใหญ่ ไปกันเถอะ ฉันได้ยินมาว่ามันเพิ่งมีหนังตลกเข้าโรง หนังเรื่องนี่ทำรายได้ ได้ไม่เลว คนอื่น ๆ ก็บอกว่ามันสนุกมาก” จ้าวเมิ่งซีแนะนำ
หวังเย่าเริ่มใจอ่อนขึ้นมา เพราะจริง ๆ แล้วเขาก็อยากดูหนังตลก เขาเครียดมาหลายวันแล้ว เขาจะควรผ่อนคลายบ้าง
จากนั้นทั้งสองก็ได้ออกจากโดมไปเงียบ ๆ ก่อนจะขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปที่โรงหนังที่ใกล้ที่สุด
มันเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ดีจริง ๆ ทั้งสองคนดูหนังพร้อมกับกินป็อปคอร์นไปด้วยราวกับเป็นคู่รักกัน ซึ่งทำให้หลายคนที่อยู่ที่นั่น มองพวกเขาด้วยสายตาอิจฉา
หลังจากดูหนังเสร็จ มันก็ถึงเวลากินข้าวเย็นพอดี พวกเขาจึงไปกินข้าวด้วยกันก่อนจะไปเดินย่อยที่สวน จากนั้นก็แยกทางกันกลับบ้าน
วันต่อมาการต่อสู้ในวันที่สองก็เริ่มต้นขึ้น
ตอนนั้นผู้ทดสอบกว่าครึ่งได้ตกรอบไปแล้ว ตารางการแข่งในวันนี้จึงไม่ได้เยอะนัก
หวังเย่าเอาชนะการต่อสู้สองครั้งแรกได้อย่างง่าย ๆ และมีสิทธิ์เข้าสู่รอบต่อไป แต่เขาไม่อาจจะออกจากที่นี่ได้เพราะเขาต้องแข่งอีกเกมอยู่
“ ลานที่ 7 หวังเย่าจากโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์ สู้กับ ตงฟางจิ้งจากโรงเรียนอรุณ”
เสียงประกาศดังขึ้นพร้อมกับหวังเย่าและตงฟางจิ้งที่พากันลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเอง
ชื่อของตงฟางจิ้งนั้นฟังดูคุ้นหูอย่างมาก หลังจากที่นึกอยู่ได้ไม่นานเขาก็จำได้
ตงฟางจิ้งคือชายที่สวมหน้ากากเสือที่ประมูลแข่งกับเขาในวันนั้น จนทำให้เขาต้องประมูลของมาในราคา 600,000 เครดิตไม่ใช่รึ
หลังจากนั้นหวังเย่าต้องทำภารกิจให้กับตลาดมืดเพื่อแลกกับของประมูล ถึงได้รู้มาจากชายแก่ว่าอีกฝ่ายแซ่ตงฟาง
หลังจากนั้นหวังเย่าก็ได้ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ และมั่นใจได้ว่าตระกูลตงฟางคือตระกูลที่มีอำนาจในเมืองอรุณ
ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันคือตงฟางเหลย เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ของเมืองอรุณ
เมืองอรุณนั้นมีประชากรมากแต่มีพื้นที่ที่น้อย ทุกตารางนิ้วนั้นมีค่ามีราคาที่สูงดั่งทองคำ ดังนั้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คือธุรกิจที่ทำกำไรได้มหาศาล
ตงฟางเหลยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าเมืองอรุณ ดังนั้นพวกเขาจึงได้พื้นที่ทำเลทองของเมืองอรุณไปมาก จากนั้นพวกเขาก็เริ่มสร้างตึกอาคารสูงต่าง ๆ จนสามารถทำเงินได้มากและกลายเป็น 1 ใน 10 คนที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองอรุณ
ตระกูลของเหลิ่งจื่อมู่เองก็ทัดเทียมกับตระกูลตงฟาง ฝั่งหนึ่งคือเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ส่วนอีกฝั่งคือผู้นำธุรกิจในการสร้างวัสดุอุปกรณ์จากสัตว์อสูร ไม่ว่าจะฝั่งไหนก็ล้วนแต่มีอำนาจทั้งสิ้น
ตงฟางเหลยมีลูกชายและลูกสาวอย่างละ 1 คน ลูกสาวคนโตของเขา ตงฟางอิ่ง ได้แต่งงานกับหัวหน้าฝ่าย หัวหน้าฝ่ายคนนี้มีหน้าที่คอยดูแลคลังแสงของเมืองอรุณ
ส่วนลูกชายของเขา ตงฟางจิ้ง เรียนอยู่ที่โรงเรียนอรุณ เขาคือคนที่โด่งดัง ว่ากันว่าสาว ๆ ต่างก็พากันหมายปองเขา
“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเขา จริงสิ ฉันใช้โอกาสนี้แก้แค้นเขาก็ได้” หวังเย่าลูบจมูกพร้อมกับสายตาที่ฉายแววอาฆาตขึ้นมา
ถือโอกาสนี้แก้แค้นอีกฝ่ายที่ทำให้เขาต้องเสียหน้าซะเลย
ได้เวลาทวงคืนแล้ว
ตอนที่หวังเย่าเดินขึ้นไปบนเวที เขาก็พบว่าอีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มรูปหล่อมาในชุดสีขาว คิ้วของเขาคมเข้มเรียวยาวราวกับกระบี่ที่ดึงออกมาจากฝัก
ทันทีที่เขาก้าวขึ้นมา สาว ๆ ก็พากันกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะเป็นที่สนใจได้แบบนี้
หวังเย่าเบะปากใส่ เมื่อเห็นอย่างนั้นเขายิ่งไม่พอใจมากกว่าเดิม “ในชีวิตก่อนฉันยังไม่มีคนคอยตามกรี๊ดแบบแกเลย”
ทั้งในชีวิตก่อนและชีวิตนี้เขาไม่ได้เกิดมาเป็นลูกคนรวย ยิ่งเห็นอีกฝ่ายที่ได้รับความสนใจจากผู้หญิงแบบนี้ เขาก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่
ตอนนั้นเขากำหมัดแน่น
เพราะสิ่งที่หวังเย่าไม่ชอบมากที่สุดคือคนแบบนี้ พวกคนหน้าตาดีที่สาว ๆ ต่างพากันคลั่งไคล้ “รอดูเถอะ หน้าหล่อ ๆ ของแกจะโดนหมัดฉันอัดเข้าให้ หน้าแกจะต้องบวมจนแกจำหน้าตัวเองไม่ได้เลยคอยดู”
“ฉัน ตงฟางจิ้ง” ตงฟางจิ้งเดินขึ้นบนเวทีพร้อมกับโบกมือให้กับสาว ๆ รอยยิ้มอันสดใสของเขาทำให้หญิงสาวต่างพากันร้องกรี๊ดออกอีกรอบ
“หวังเย่า” หวังเย่าบอกแค่ชื่อ เขาไม่คิดแม้แต่จะจับมือกับอีกฝ่ายตามธรรมเนียม อีกทั้งเขายังแสดงท่าทีที่เย็นชาอย่างมาก
ตงฟางจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเหมือนไม่พอใจกับท่าทีเย็นชาของหวังเย่า แต่ไม่นานเขาก็ไม่สนใจอีกฝ่ายและยังคงยิ้มให้กับผู้ชมต่อไป
“รอไปก่อนเถอะ ฉันจะให้แกได้รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงและเสียใจที่ต้องมาสู้กับฉัน” ตงฟางจิ้งแอบคิดในใจ เพราะเขามั่นใจอย่างมาก
เขารู้สึกว่าการแข่งขันทั้งหมดนี้มีน้อยคนนักที่จะหยุดเขาได้ ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับหวังเย่าที่แสดงท่าทีเย็นชาออกมาเช่นนี้ เขาจึงคิดจะสั่งสอนหวังเย่าให้รู้สำนึก
เมื่อกรรมการประกาศเริ่มการต่อสู้ หวังเย่าก็เรียกหงอคงออกมา ตงฟางจิ้งได้เรียกสิงโตทองออกมา ตัวของสิงโตทองคำนั้นสูงเกือบจะสองฟุต และแผ่พลังอันแข็งแกร่งและดุดันออกมา
หวังเย่าได้อ่านสถานะของมันทันที
****
สายพันธุ์ : สิงโตทองคำ
ระดับ : ทองขั้นสูง
เลเวล : 30
สกิล : 1. โดดเข้าใส่ ล็อคเป้าหมายแล้วไม่มีทางพลาด, 2. ฉีกอสูร ใช้ปลายเขี้ยวฉีกกระชากเหยื่อออกเป็นชิ้น ๆ แม้แต่ปูนก็ไม่อาจจะทนได้, 3. สายตาทองคำ ตาจะส่องประกายแสงสีทองออกมา เมื่อเป้าหมายมองมาที่แสงนี้ มันจะทำให้เป้าหมายยอมศิโรราบแต่โดยดี, 4. สังหารเงา เมื่อใช้สกิลนี้ความเร็วของมันจะเพิ่มขึ้น และซ่อนตำแหน่งที่แท้จริงของตัวเองท่ามกลางภาพติดตา จากนั้นก็จู่โจมออกมาทันที
จุดอ่อน : 1. ท้องน้อย สามารถฉีกขาดได้ง่าย, 2. สิงโตทองค่อนข้างที่จะเย่อหยิ่ง เพราะความมั่นใจในตัวเองจึงทำให้ดูถูกคู่ต่อสู้ ดังนั้นจึงหลอกล่อได้ง่าย
****
แค่พริบตา หวังเย่าก็รู้จักสิงโตทองคำตัวนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง อีกฝ่ายไม่อาจจะปกปิดอะไรเขาได้เลย
รอบ ๆ เวทีมีเสียงของสาว ๆ พากันโห่ร้องและมองมาที่หวังเย่าด้วยสีหน้าดูถูก
สิงโตทองคำเอาชนะทุกคนในโรงเรียนอรุณมาได้ตลอดสามปี มันไม่เคยแพ้มาก่อน การแข่งขันนี้ก็แค่เวทีที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมสำหรับมัน เพื่อขึ้นไปเป็นที่ 1