ตอนที่ 59 : ตกตะลึง

ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งแค่ไหนนั้น หญิงสาวพวกนั้นไม่ได้สนใจ พวกเธอคิดว่าอีกฝ่ายนั้นอ่อนแอตลอด

“ฉันคิดว่าคนโง่แบบนี้ควรได้รับการสั่งสอน ถึงตายไปก็ไม่เสียหาย ยังไงซะอยู่ไปก็เปลืองอาหาร”

“พี่จิ้งน่ะใจอ่อนเกินไป ถ้าฉันเป็นเขา แล้วมีคนกล้ามาทำแบบนี้กับฉัน ฉันจะสั่งสอนให้รู้สำนึกจะได้ไม่ตายตั้งแต่เด็ก”

“พี่จิ้งดูหล่อจริง ๆ หน้าตา, รูปร่างและท่าทางของเขาน่ะน่าหลงไหล….เขาคือสิงโตทองคำในร่างมนุษย์ เขาดูแข็งแกร่งและสูงส่ง”

หวังเย่าได้ยินคำพูดของหญิงสาวพวกนั้นก็หงุดหงิดขึ้นยิ่งกว่าเก่า แต่สีหน้าของเขาก็ยังเฉยเมยดังเดิม ‘ฉันเตือนแกไว้ก่อนนะ อย่าหยิ่งทะนงนักเลย ไม่งั้นหน้าหล่อ ๆ ของแกได้เสียหายแน่’

เป็นธรรมดาที่สาว ๆ จะไม่ได้ยินความคิดของหวังเย่า พวกเธอยังคงพูดคุยกันต่อจนพวกผู้ชายรอบตัวพากันกัดฟันแน่นและแทบจะตบพวกเธอให้ตื่นขึ้นจากความฝัน

“หงอคง ไม่ต้องออมมือ” หวังเย่าสั่งการหงอคง   “เต็มที่”

แม้ว่าพรสวรรค์ของหงอคงจะสูง แต่ตอนนี้มันแค่เลเวล 20 เขาไม่รู้ว่าหงอคงจะรับมือกับอีกฝ่ายได้รึไม่

“เด็กน้อย ฉันแนะนำให้นายยอมแพ้ซะ อสูรของนายเลเวลไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำ” ตงฟางจิ้งมองมาที่หวังเย่าด้วยท่าทีดูถูกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

เขาแสดงท่าทีเย่อหยิ่งออกมายิ่งกว่าเก่า หญิงสาวเห็นแบบนั้นก็พากันตื่นเต้นและรีบกล่าวชมเขาออกมาทันที

“ถ้าฉันไม่ยอมแพ้ล่ะ ? ”  หวังเย่ายิ้มออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าไม่พอใจ

“โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาง่าย ๆ ฉันหวังจะแก้แค้นแกมานานแล้ว ถึงแกอยากจะปล่อยฉันไปแต่ฉันก็ไม่คิดจะปล่อยแกไป” หวังเย่าพูดขึ้น

“ก็ได้ ดูน่าสนุกดีนี่ ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าแกจะดีอย่างที่ปากพูดรึเปล่า” ถึงตงฟางจิ้งจะไม่ชอบหน้าหวังเย่า ก็ยังคงแสร้งแสดงความเมตตาของเขาออกมา แต่ลึก ๆ ในใจเขานั้นไม่คิดจะปล่อยโอกาสที่จะได้อวดความสามารถของตัวเองให้หลุดมือไป ตั้งแต่ตอนที่อยู่ตลาดมืดก็เห็นแล้วว่าเขาเป็นคนเย่อหยิ่งแค่ไหน

“ฉันเองก็อยากเห็นว่าแกมีอะไรดี ถึงได้พูดจาใหญ่โตกับฉันแบบนี้ ? ”  หวังเย่าไม่ไว้หน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่แค่ไม่ยอมแพ้แต่ยังใช้คำพูดดูถูกอีกฝ่าย หากตงฟางจิ้งโกรธ หวังเย่าก็คงพอใจอย่างมากและให้อีกฝ่ายได้รับบทเรียนที่สาสมกับการที่ทำตัวไม่มีหัวคิด

“พระเจ้า หวังเย่าทำอะไรน่ะ ? เขาคิดจะสู้กับตงฟางจิ้งจริง ๆ หรือ ? ”

ฉากนี้ทำให้นักเรียนจากโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์พากันสนใจขึ้นมา

แม้ว่าจะมีคนผ่านเข้ารอบมาแค่ 100 คน แต่ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นลูกคนร่ำรวย เมื่อคนเหล่านี้ได้ยินมาว่าหวังเย่าจะสู้กับตงฟางจิ้ง ตอนนั้นพวกเขาถึงกับสงสารหวังเย่าขึ้นมานิด ๆ

แม้ว่าความสามารถของหวังเย่าก่อนหน้านี้จะถือว่าโดดเด่น แต่หากเทียบกับตงฟางจิ้งที่ทั้งหล่อและรวยแล้ว ทุกคนก็พากันเอาใจช่วยหวังเย่าโดยหวังว่าเขาจะไม่แพ้ขาดลอย แม้แต่เหลิ่งจื่อมู่และจ้าวซื่อก็ไม่อยากเห็นตงฟางจิ้งทำตัวเย่อหยิ่งแบบนี้

ผลก็คือเมื่อได้ยินคำพูดของหวังเย่า ทุกคนต่างก็พากันแปลกใจ  หวังเย่าสมควรได้รับฉายาว่าหมาบ้า เขาไม่รู้จักคำว่ากลัวเลยด้วยซ้ำ

หวังเย่าแตกต่างจากเมื่อ 1 เดือนก่อนเป็นอย่างมาก ทำให้นักเรียนหลายคนพากันพูดคุยเรื่องของเขา ทุกคนต่างก็พากันคาดเดา แต่ก็หาเหตุผลมาอธิบายเรื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้นหวังเย่าจึงดูลึกลับและน่าประทับใจยิ่งกว่าเก่า

“ไม่รู้ว่าหวังเย่าเป็นหมาบ้ารึไง ถึงได้กล้าท้าสู้กับตงฟางจิ้งแบบนี้  ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตบอกว่าตงฟางจิ้งคือ 1 ใน 4 คนที่โดดเด่นมากที่สุดของรุ่นนี้ เพราะอำนาจของตระกูล, หน้าตาและความแข็งแกร่ง สาว ๆ หลายคนจึงหมายปองเขา และถึงกับประกาศว่าจะเป็นแฟนคลับเดนตายของเขาอีกด้วย”  ชายคนหนึ่งชมออกมา

เมื่อได้ยินแบบนั้น จ้าวซื่อรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าไปในทันที ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองนั้นเหนือกว่าใคร ความแข็งแกร่งของเขาก็ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้า แต่หากเทียบกับตงฟางจิ้งแล้ว เขาดูด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด เขาถึงกับไม่กล้าหาเรื่องอีกฝ่าย หากต้องสู้กันจริง ๆ เขาอาจจะยอมแพ้ไปเลยก็ได้

ยังไงซะแพ้ชนะในตอนนี้ก็ไม่สำคัญ ทุกคนมีโอกาสแข่ง 3 ครั้ง แพ้ไปสักครั้งก็ยังเข้ารอบต่อไปได้

แต่ทุกคนก็ต้องแปลกใจที่หวังเย่ากลับไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครหรือต่อให้เป็นจ้าวเมิ่งซี เขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้ ความบ้าคลั่งของเขานั้นทำให้ผู้คนพากันปวดหัวไปตาม

เหลิ่งจื่อมู่มองไปรอบ ๆ ความคิดของเขากลับต่างออกไป เขาหวังว่าทั้งสองคนจะสู้กันจนบาดเจ็บหนัก ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือหวังเย่าควรจะตาย

“ในเมื่อแกไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง งั้นฉันคงได้แต่ต้องสั่งสอนแกแทนพ่อแม่แก” ตงฟางจิ้งสั่งการสิงโตทองคำให้เตรียมโจมตี ชัดแล้วว่าเขาไม่ให้ค่าหวังเย่าเลยแม้แต่น้อย

“สั่งสอนฉันแทนพ่อแม่งั้นหรือ ? ”  สายตาของหวังเย่าสะท้อนความเย็นชาและจิตสังหารออกมา เขาได้เรียกอสูรของตัวเองออกมาเพิ่ม ตอนนั้นเองการ์ฟิลด์ที่ตัวยาวกว่า 3 เมตรก็ปรากฏตัวขึ้นมา คลื่นพลังของอสูรระดับทองเลเวล 30 ได้แผ่ออกมา จนทำให้ลานนั้นดูน่าสนใจขึ้นไปอีก

“เด็กนี่ใจกล้ามากที่ไม่ยอมแพ้” ตัวแทนเจ้าเมืองได้พูดขึ้นมา

“ไม่คิดเลยว่าเด็กแบบนี้กลับมีอสูรระดับทองถึง 2 ตัว อนาคตของเด็กนี่ไร้ขีดจำกัดแน่ ๆ ”  ผบ.จ้าวไม่อายที่จะชมออกมา

เขาเห็นว่าหวังเย่าสนิทกับลูกสาวเขาแต่นั่นคือก่อนที่จะเรียนจบ

อันที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นใครที่ใกล้ชิดกับลูกสาว เขาก็จะโดนตรวจสอบเด็กพวกนั้นทุกคน

ผลจากการตรวจสอบได้แสดงให้เห็นว่าหวังเย่าเหมือนจะสนิทกับหลี่ว่านเฟิง

ดังนั้นหวังเย่าจึงได้รับความสนใจ ตอนนี้หวังเย่าไม่ใช่แค่คนลึกลับในตลาดมืด แต่ยังมีอสูรระดับทองถึง 2 ตัว ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสามารถในการควบคุมอสูร 2 ตัวพร้อมกันได้

นี่คือความแข็งแกร่ง ต้องรู้ก่อนว่าแม้แต่ทหารรับจ้างหลายคนก็ยังไม่มีความสามารถเรียกอสูร 2 ตัวออกมาพร้อมกันได้

เมื่อคิดแบบนั้น ผบ.จ้าวก็ตาเป็นประกายขึ้นมา เขามองไปที่หวังเย่าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป   “เด็กนี่คงเกี่ยวข้องกับหลี่ว่านเฟิงจริง ๆ ”

เขาไม่ได้คัดค้านที่หวังเย่าจะสนิทกับจ้าวเมิ่งซี หากได้คนแบบนี้มาเข้าร่วมด้วยก็ถือว่ายิ่งดี

แน่นอนเขารู้ว่าความแข็งแกร่งของหวังเย่านั้นเกินเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยหัวเซี่ยตั้งเอาไว้ แต่เกณฑ์ของเขานั้นมากกว่ามหาวิทยาลัยหัวเซี่ยเสียอีก