ตอนที่ 60 : เริ่มสู้
“ ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “ ตงฟางเหลยได้มาดูการแข่งของลูกชายด้วยตัวเอง เพราะเขาสนใจจะรับคนที่มีความสามารถ เพื่อเข้าร่วมกองกำลังทหารรับจ้างของเขา
แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดฉากแบบนี้ขึ้น ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจเด็กหนุ่มที่ตงฟางจิ้งกำลังจะต่อสู้ด้วย
แต่ตอนนี้เขากลับต้องดูการต่อสู้นี้อย่างใจจดใจจ่อ
การแข่งขันนี้ทำให้เขาค้นพบว่าหวังเย่านั้นไม่ธรรมดา และหวังเย่าคนนี้จะต้องมีอะไรพิเศษอย่างแน่นอน
เขาถึงกับเป็นห่วงลูกของเขาขึ้นมา แม้ว่าตงฟางจิ้งจะแข็งแกร่งและโดดเด่นในเด็กรุ่นนี้ก็ตาม แต่หากเทียบกับหวังเย่าแล้ว มันมีช่องว่างอยู่บ้างเล็กน้อย
ตอนนั้นเขาและคนของเขาต่างก็เตรียมพร้อมที่จะลงมือ
มันทำให้เขาสีหน้าบิดเบี้ยวไป ในใจเขาถึงกับคิดจะกำจัดอีกฝ่ายทิ้งหากมีโอกาส
“ช่างเถอะ ฉันเชื่อในตัวลูกชายฉัน ถึงจะมีอสูรระดับทอง 2 ตัว ถึงจะมีแมวอสูรเลเวล 30 แต่ถ้าเทียบกับสิงโตทองคำแล้ว มันก็เสียเปรียบตั้งแต่แรกแล้ว นี่ไม่ต้องพูดถึงลิงที่เลเวล 20 เลย สิงโตของจิ้งเอ๋อร์น่ะเพียงพอที่จะจัดการกับอสูรทั้งสองตัวนั้นได้” ตงฟางเหลยยืดอกและพูดขึ้นมาราวกับปลอบใจตัวเอง
“ดูเหมือนว่าพี่เหลยจะมั่นใจในตัวลูกชายมาก ยังไงซะเขาก็เป็นหนึ่งในสี่คนที่โดดเด่นของรุ่นนี้ แต่คงบอกไม่ได้ว่าจะเอาชนะเด็กนั่นได้ขาดลอยไหม”
คนที่พูดนี้คือคนที่มีอำนาจคนที่สองของเมืองอรุณ เมื่อเห็นสถานการณ์ในลาน เขาก็อดไม่ได้ที่จะถากถางออกมา
“ถ้าไม่เชื่อก็รอดู” ตงฟางเหลยหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าไร้ความกังวล
….
การปรากฏตัวของการ์ฟิลด์ได้ทำให้ทุกคนหันมาสนใจในลานประลองนี้ทันที
“ไม่มีทาง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นคนเรียกอสูรระดับทอง 2 ตัวออกมาได้ มันต้องใช้พลังเยอะถึงจะทำแบบนี้ได้” ตงฟางจิ้งเองก็แปลกใจ
แม้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่ง แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะเขาเองก็คิดไม่ต่างจากพ่อของเขาเช่นกัน
ลิงเลเวล 20 ไม่ได้เป็นภัยอะไรมากนัก
แมวเลเวล 30 ถึงจะตัวใหญ่ แต่ก็เสียเปรียบในด้านเผ่าพันธุ์ แมวจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของสิงโตได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้
“ฉันไม่คิดว่าแกจะมีความสามารถ แกคงโชคดีที่ได้อสูรระดับทอง 2 ตัวนี้มา แต่ถ้าคิดจะเอาชนะฉัน งั้นแกคงฝันหวานเกินไปหน่อย” ตงฟางจิ้งพูดขึ้น
“ฉันโล่งอกนะที่แกคิดแบบนั้น” หวังเย่ายิ้มออกมา “เพราะฉันจะทำให้แกได้รู้ว่าความคิดแกของน่ะใสซื่อเกินไปหน่อย”
“ฉันจะจำแกไว้ ไม่มีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้ตั้งแต่ที่ฉันเกิดมา” ความสุภาพของตงฟางจิ้งหายไปในทันที เขาราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน
เขาไม่ยอมให้ใครมาดูถูกว่าเขาใสซื่อยกเว้นแค่พ่อของเขาเท่านั้น
ถึงจะพูดคุยกันอยู่นาน แต่ก็ทำให้ผู้ชมพากันสนใจการต่อสู้ยิ่งไปกว่าเดิม
แม้แต่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ไม่อยากพลาดชมการต่อสู้นี้
“ฉีกมันเป็นชิ้น ๆ ” ตงฟางจิ้งตะโกนออกมาพร้อมกับดึงกระบองเหล็กออกมาด้วย
อาวุธอย่างใบมีดและปืนไม่อนุญาตให้ใช้ในการแข่งขัน แต่หากเป็นสนับมือ, กระบอง, เชือกและแส้นั้นสามารถใช้ได้
ตงฟางจิ้งถือกระบองในมือไว้แน่นแล้วพุ่งตามสิงโตของตนไปและรอโอกาสที่จะโจมตี
ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้ใช้สกิลของสิงโตกับตัวเองด้วย เขาใช้สกิลเงาสังหารเพื่อเพิ่มความเร็วของตัวเองจนทิ้งภาพติดตาเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็ล็อคเป้าหมายเพื่อเตรียมที่จะขย้ำอีกฝ่ายอย่างไม่ปรานี หลังจากการโจมตีนี้ เขาก็จะใช้สายตาทองคำ ทำลายความคิดที่จะสู้ของอีกฝ่ายทิ้งไปซะ เพียงเท่านี้เขาก็จะคว้าชัยชนะไปได้
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่กลยุทธ์ของเขาล้มเหลว เพราะตั้งแต่ต้นจนจบนั้นร่างของสิงโตและตงฟางจิ้งถูกหวังเย่ามองออกตั้งแต่แรก
ยังไงซะสกิลเนตรอัคคีก็สามารถมองทะลุภาพติดตาได้
หลังจากนั้นในพริบตาก็มีเศษหินกระจายว่อนไปทั่วลาน
ตอนนั้นเองทุกคนก็เห็นว่าเงาภาพติดตานับร้อยนั้นอยู่ห่างจากหวังเย่าไปแค่ 2 ฟุต ตงฟางจิ้งและสิงโตยังรอคอยโอกาสที่ดีที่สุดในการโจมตี
เงาภาพติดตาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าใส่หวังเย่าในทันที
ตอนนั้นเองหวังเย่ากลับเผยรอยยิ้มออกมา เขากระโดดขึ้นและมองไปที่เงาหนึ่งก่อนจะต่อยเข้าใส่เงานั่น
เสียงกึกก้องดังขึ้นสองครั้งก่อนที่เงาภาพติดตาจะสลายไปพร้อมกับเผยร่างของสิงโตและตงฟางจิ้งออกมา
หน้าผากของสิงโตทองคำนั้นยุบเป็นรอยหมัด กะโหลกของมันแทบจะแตก ถึงมันจะยังยืนอยู่ได้แต่ด้วยแรงของหมัดก็ทำให้มันกระเด็นออกมาหลายก้าว ผลก็คือมันกระเด็นกลับไปชนตงฟางจิ้งอย่างจัง
ตงฟางจิ้งที่โดนชนอย่างแรงถึงกับหมดสติไปชั่วครู่แต่ด้วยร่างกายที่แข็งแรงรวมไปถึงสกิลจากสิงโตทองคำก็ทำให้เขาพอประคองตัวเองได้
เขาส่ายหน้าด้วยความมึน ก่อนจะได้สติกลับมาและมองไปที่หวังเย่าด้วยความแปลกใจ
“ฉันใช้สกิลเงาสังหาร ฉันอยู่ในภาพติดตาและเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงโดยคอยเปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา แกมองออกได้ยังไง ? ” สีหน้าของตงฟางจิ้งหม่นลงและพึมพำออกมา “ไม่ มันไม่ได้แข็งแกร่งแบบนั้น มันมองร่างจริงของฉันไม่ออก มันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นแหละ”
เมื่อคิดแบบนั้นเขาก็ตั้งใจจะใช้สายตาทองคำ แต่ผลของมันก็ลดลงไปอย่างมากเพราะอาการบาดเจ็บ
แต่ตอนนี้ไม่ว่าสกิลนี้จะแย่แค่ไหนแต่ก็ต้องใช้มันเพื่อลดกำลังใจอีกฝ่ายรวมถึงทำให้ความคิดของอีกฝ่ายเชื่องช้าลงไปด้วย
ดวงตาราวกับหินสีนิลคู่นั้นได้เปล่งแสงสีทองส่องประกายออกมาและเข้าโจมตีจิตใจของอีกฝ่าย
หวังเย่าไม่คิดว่าตนเองจะตกอยู่ภายใต้ผลของสกิลนี้ ทันทีที่สกิลสายตาทองคำแผลงฤทธิ์ ภาพลวงตาแห่งความน่ากลัวได้พุ่งเข้ามาจู่โจมที่จิตใต้สำนึก ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว คล้ายกับเกิดความกลัวขึ้นมาในทันที
“สนุกดีนี่ “ เขาแค่พูดออกมาก่อนจะใช้สกิลเนตรอัคคีเพื่อมองทะลุความจริงและรู้ว่านั่นเป็นแค่ภาพลวงตา