บทที่ 25

 

 

“ไม่ข้าไม่ตายหรอก”

 

เธอตอบหนักแน่น ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย

 

“ไม่ตาย? แต่ว่า…”

 

สายตาของเฟเรสเหลือบมองไปยังทิศที่ตั้งวังของจักรพรรดินีโดยอัตโนมัติ ต่อให้เป็นแค่เด็ก แต่เขาเองก็คงจะรู้ตัวสินะ

 

จักรพรรดินีผู้ฆ่ามารดาของตน แย่งชิงทุกสิ่งที่ตนสมควรได้ครอบครอง ขนาดตัวเองก็ยังถูกฆ่าให้ตายลงไปอย่างช้าๆ

 

เฟเรสมองเธอด้วยนัยน์ตาตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็ส่ายหน้าอีกครั้ง

 

“ไม่นะ พวกคนที่ช่วยข้า ไม่ตายก็บาดเจ็บ หรือไม่ก็หายตัวไปเลย เพราะฉะนั้นเจ้าไปเถอะ อยู่ที่นี่ไม่ได้นะ”

 

ฮึก!

 

ครั้งนี้เธอรู้สึกสะอื้นใจจริงๆ

 

เขาสมควรที่จะคว้าใครสักคนอ้อนวอนขอร้องให้ช่วยชีวิต อ้อนวอนว่าได้โปรดช่วยเขาด้วยไม่ใช่เหรอ

 

ฟีเรนเทียเปิดกระเป๋าถือออกลวกๆ ด้วยความรู้สึกผิดหวัง และหยิบเอาขวดยาที่พกมาด้วยออกมา เธอรู้สึกได้ว่านัยน์ตาสีแดงเอาแต่มองของสิ่งนั้นด้วยความสนใจ

 

“อย่าห่วงเลย พวกเขาทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

 

“ทำไม?”

 

“ก็เพราะ…”

 

โมโหมากเสียอยากจะด่าด้วยคำพูดหยาบคาย แต่เพราะอยู่ต่อหน้าเด็ก เธอจึงพยายามทำตัวให้ใสซื่อเต็มที่

 

“เพราะท่านปู่ของข้าน่ะ แข็งแกร่งยิ่งกว่าคนที่รังแกเจ้าเป็นร้อยเท่ายังไงล่ะ”

 

“ท่านปู่เหรอ”

 

“อื้อ”

 

“ดีจัง…”

 

เฟเรสขยุกขยิกนิ้วไปมาในขณะที่เอ่ยพูด

 

เธอไม่ควรจะพูดเรื่องปู่กับเด็กที่เหลือตัวคนเดียว แต่เธอก็พยายามทำเป็นเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ตบไหล่ของเจ้าชายลำดับที่สองเบาๆ พลางเอ่ยพูดกับเขา

 

“และข้าก็จะช่วยเจ้าเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงข้า ดื่มนี่ลงไปก่อน”

 

เธอรีบเทยาลงในฝาขวดในปริมาณเท่ากับที่เอสทีร่าบอกไว้เพราะมันเป็นสารสกัดเข้มข้น ดังนั้นจึงต้องผสมน้ำดื่มเพื่อลดรสชาติขมปร่า แต่ตอนนี้วิธีนี้คงจะดีที่สุดแล้ว

 

เฟเรสเหม่อมองฝาขวดขนาดเล็กที่เธอยืนให้ ก่อนจะรับมันไปดื่มอย่างว่าง่าย

 

“เฮ้ เฟเรส”

 

“ทำไม”

 

ทั้งๆ ที่รสขมฝาดเสียจนทั่วร่างสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัดแต่เด็กคนนี้ก็ยังไม่ขมวดคิ้วเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

“นายจะดื่มของที่คนอื่นให้สุ่มสี่สุ่มห้าแบบนั้นไม่ได้นะ ไม่สิ ข้าน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่เล่นรับไปโดยไม่ระแวงแบบนั้นได้ยังไงกัน”

 

ฟีเรนเทียเริ่มเป็นห่วงพฤติกรรมของเจ้าชายลำดับที่สองที่ไม่มีความระมัดระวังตัวเลยแม้แต่น้อยมากจริงๆ

 

เธอรู้จักอดีต ปัจจุบัน อนาคตของเฟเรสอยู่แล้ว ดังนั้นถึงวันนี้จะเพิ่งพบหน้ากันเป็นครั้งแรก แต่ก็รู้สึกเหมือนรู้จักเด็กคนนี้มานาน

 

แต่เจ้าชายลำดับที่สองเพิ่งเคยพบหน้าเธอวันนี้เป็นครั้งแรก

 

คำตำหนิของเธอทำให้เฟเรสเอียงคอด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยตอบ

 

“ยังไงข้าก็กำลังจะตายอยู่แล้วนี่นา ต่อให้ยาที่เจ้ามอบให้จะเป็นยาพิษ ก็คงไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมหรอกมั้ง”

 

อา เด็กนี่รู้เรื่องทั้งหมดจริงๆ ด้วย

 

ทั้งๆ ที่คิดว่าบางทีเขาอาจจะไม่รู้ความจริง เรื่องที่จักรพรรดินีใส่ยาลงในอาหารที่เขากินเขาไม่ควรรับรู้เรื่องพวกนี้เลยแท้ๆ

 

“และเจ้าบอกว่าจะช่วยข้านี่นา”

 

คำพูดของเฟเรสทำให้กระเป๋าผ้านุ่มในมือเธอบิดเบี้ยวไปหมด

 

“จนถึงตอนนี้ ไม่มีใครบอกจะช่วยข้าหรอก แต่ถึงไม่ใช่อย่างนั้นก็ไม่สนใจ…อุ๊บ! ”

 

เธอยัดลูกกวาดใส่ปากของเด็กที่จะพูดจามืดมนออกมาอีกครั้ง มันเป็นของที่เธอพกติดมาด้วยกันกับยารสขมนั่น

 

“เด็กๆ ไม่ควรพูดอะไรแบบนั้นนะ กินลูกกวาดไป”

 

สู้ให้เขามีนิสัยซุกซนชั่วร้ายเหมือนพวกลูกพี่ลูกน้องของเธออย่างเบเลซักหรืออาสทัลลีอูยังจะดีเสียกว่า

 

ภาพเขาคู้กายซ่อนตัวอยู่ในความมืดคนเดียวแบบนี้ สำหรับเธอที่ได้เห็นมันแล้วได้แต่กัดฟันแน่

 

เฟเรสเอ่ยถามเธอที่กำลังอารมณ์เสีย

 

“เจ้าเองก็เป็นเด็กไม่ใช่เหรอ”

 

ก่อนอื่นเธอเป็นเด็กก็จริงนะ แต่ว่า

 

“ข้าอายุสิบเอ็ด เจ้าอายุเท่าไหร่”

 

“ขะ…ข้า…แปดขวบ”

 

“เด็กนี่นา เจ้าก็กินด้วยสิ ลูกกวาด”

 

แต่เธอยื่นกระเป๋าถือให้เจ้าชายลำดับที่สองแทน ก่อนจะเอ่ยพูด

 

“ถึงแม้อายุเจ้าจะมากกว่า แต่ข้ารู้อะไรมากกว่าเจ้าเยอะ เพราะงั้นไม่เป็นไร”

 

เด็กน้อยเคี้ยวลูกกวาดจนแก้มป่อง

 

“วันนี้ข้าไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ จะพูดสั้นๆ ก็แล้วกันนะ ต่อไปกินยานี่วันละสองครั้ง ครั้งหนึ่งให้กินปริมาณเท่ากับที่ข้าให้เจ้ากินเมื่อครู่”

 

เฟเรสรับขวดยากับกระเป๋าถือที่เธอส่งให้ไปถือไว้อยู่เฉยๆ

 

“ยานั่นจะช่วยแก้พิษ และทำให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง”

 

“ยานี่?”

 

เจ้าชายลำดับที่สองส่องดูของเหลวสีทองที่กระฉอกไปมาอยู่ในขวด แล้วเอ่ยถามเธอ

 

“ข้ามีชีวิตอยู่ได้เหรอ”

 

น้ำเสียงนั้นฟังดูไม่มั่นใจ เหมือนกับไม่รู้จริงๆ ว่าเขาสามารถทำแบบนั้นได้หรือเปล่า

 

“แม่บอกให้ข้ามีชีวิตอยู่ บอกว่าข้าต้องรอด แต่มันยากมากเลย”

 

เฟเรสดูเหนื่อยล้ามากเหลือเกิน

 

ร่างกายที่ผอมแห้งเกินเด็ก เพียงแค่ต้องสายลมที่พัดผ่านเข้ามาก็สั่นเทาไปหมด

 

ภาพนั้นทำให้เธอรู้สึกว่าควรจะปลอบโยนเขา แต่เธอกลับเลือกที่จะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ

 

“จะมีอะไรให้ต้องคิดอีก แน่นอนว่าเจ้าต้องเอาชนะให้ได้ แล้วมีชีวิตอยู่ต่อไปสิ ท่านแม่เองก็บอกแบบนั้น เพราะฉะนั้นแค่ทำแบบนั้นก็พอแล้ว”

 

“…จริงเหรอ”

 

“อื้อ จริงสิ”

 

เจ้าชายลำดับที่สองเงียบไปครู่หนึ่ง

 

หลังจากนั้นจู่ๆ เจ้าชายเฟเรสก็เปิดปากถามเธอ

 

“เจ้าล่ะ เจ้าอยากให้ข้ามีชีวิตอยู่มั้ย คิดว่าข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปก็ได้เหรอ”

 

“อื้อ อยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ไม่สิ ข้าคิดว่าเจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป”

 

เพราะนายจะกลายเป็นคนที่พิเศษยิ่งกว่าใครถึงแม้ตอนนี้อาจจะอ่อนแอเหมือนหนอนผีเสื้อที่ต้องซ่อนกายอยู่ในผืนดินชุ่มชื่นก็ตามแต่เมื่อถึงเวลา นายจะโบยบินขึ้นสูงยิ่งกว่าใคร กลายเป็นองค์รัชทายาทของอาณาจักร และสุดท้ายก็จะสามารถลงมือแก้แค้นได้อย่างเหมาะสม

 

“ตอนนี้ข้าต้องไปแล้วละ มีอีกไม่กี่เรื่องที่เจ้าต้องรักษาสัญญาจนกว่าจะถึงวันที่เราได้พบกันครั้งหน้า”

 

เธอลุกขึ้นจากพื้น ปัดเศษหญ้าที่เลอะเปรอะบั้นท้าย พลางเอ่ยพูด

 

“ก่อนอื่น ต่อให้กินยาก็ไม่ควรจะกินอาหารที่มียาพิษก็จริง แต่ถ้าทำแบบนั้นฝ่ายนั้นอาจจะสังเกตเห็น เพราะฉะนั้นกินมันลงไปก่อน”

 

หงุดหงิดจริงๆ

 

ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่ามียาพิษใส่อยู่ แต่ก็ยังต้องสั่งให้เด็กตัวเล็กๆ กินอาหารพวกนั้นแต่จะต้องทำให้จักรพรรดินีเชื่อว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนการของนาง จะได้ไม่ทำเรื่องเลวร้ายอย่างอื่นที่เธอไม่อาจขวางได้เพื่อจำกัดเฟเรส

 

“และก็มีนางกำนัลเอาข้าวมาให้ใช่มั้ย”

 

เจ้าชายลำดับที่สองพยักหน้า

 

“เวลาที่นางมา เจ้าจะต้องนอนซม แสร้งทำเป็นป่วยตลอด ไม่จำเป็นต้องแสดงละครก็ได้ แค่ให้นางเห็นเจ้านอนไร้เรี่ยวแรงก็พอ”

 

“เข้าใจแล้ว”

 

“และก็…เจ้ามีดาบไม้มั้ย”