เมื่อได้ยินคำถามของเธอ เฟเรสจึงหยิบดาบไม้ที่วางอยู่ไม่ไกลมาให้เธอดู
“แม่นมให้ข้าเป็นของขวัญวันเกิดครั้งก่อน”
ดูเหมือนว่ามันจะมีค่ามาก นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นถึงได้มีประกายความคิดถึงพาดผ่าน
“อืม ถึงแม้จะไม่มีอาจารย์ที่ดีพอ แต่เจ้าจะต้องพกดาบคอยฝึกซ้อมทุกวัน”
เจ้าชายลำดับที่สองคนนี้ ถึงจะเข้าเรียนวิชาฟันดาบที่อะคาเดมีช้ากว่าคนอื่น แต่เขาก็สามารถจบการศึกษามาได้ด้วยคะแนนระดับท็อป จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่ว
เพราะฉะนั้นถ้าหากฝึกฝนเป็นประจำตั้งแต่ตอนนี้ละก็
วืด วืด
“แบบนี้เหรอ”
คำพูดของเธอทำให้เฟเรสถือดาบไม้กวัดแกว่งไปมาหลายครั้ง
แต่เสียงมันไม่ธรรมดาเลย
เธอไม่ได้มีความรู้เรื่องดาบ แต่ปกติดาบที่เด็กอายุสิบเอ็ดกวัดแกว่งอย่างไร้ทิศทางนั่นมันส่งเสียงแบบนั้นได้เหรอ
แถมยังเป็นเด็กที่กำลังป่วย? ใช้แค่ดาบไม้ด้วยนะ?
ต่างจากเธอที่กำลังตื่นตระหนก เฟเรสยังคงแกว่งดาบต่อไปอีกหลายครั้งด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
วืด เฟี้ยว
เขาไม่ได้ใส่แรงลงไป แค่กวัดแกว่งมันเหมือนของเล่น
ทว่าทุกครั้งที่ดาบไม้ทู่ฟาดฟันตัดผ่าอากาศ มันกลับส่งเสียงค่อนข้างหนักหน่วง ทำให้เด็กผู้หญิงที่ไม่เคยได้แตะดาบอย่างเธอยังรับรู้ได้ว่าดาบที่เด็กคนนี้กวัดแกว่งโดยไม่ได้คิดอะไร มันกำลังขยับไปพร้อมกับอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งกว่าแรงมนุษย์
“นี่มันตัวโกงสุดๆ เลยไม่ใช่เหรอ…”
เด็กอายุสิบเอ็ดที่ไม่เคยได้เรียนวิชาดาบอย่างจริงจัง ทั้งยังกินยาพิษลงไป กลับมีความสามารถระดับนี้เนี่ยนะ
ถึงแม้เธอจะรู้อยู่แล้วว่า นับตั้งแต่ที่เจ้าชายลำดับที่สองเข้าไปอยู่ในอะคาเดมีของอาณาจักรที่มือของจักรพรรดินีเอื้อมไปไม่ถึง เขาจะเติบโตเหมือนกับปลาที่ได้พบน้ำก็ตาม แต่เธอไม่รู้เลยว่าเขามีความสามารถเหมือนปีศาจตั้งแต่เด็กแบบนี้
ก็รู้อยู่หรอกว่าเป็นคนฝีมือดี แต่ที่จริงแล้วเป็นคนเก่งกาจขนาดนี้เลยเหรอ!
“เคยเรียนฟันดาบจากที่ไหนมาก่อนเหรอ”
ถามเพื่อให้แน่ใจ
“เปล่า”
“ถ้างั้นก่อนที่จะได้รับดาบไม้นี่ เคยมีดาบไม้เล่มอื่น”
“เปล่า”
จริงด้วย ตัวโกงชัดๆ
คงจะแปลกที่เธอเอาแต่ถามคำถามไม่หยุด เฟเรสถึงได้เอียงคอมองด้วยความงุนงง
“ข้าทำผิดเหรอ ไม่ได้ทำแบบนี้หรอกเหรอ”
ดูเหมือนจะไม่ได้รู้แม้กระทั่งว่าความสามารถของตัวเองเป็นยังไง เพราะไม่มีคนให้เปรียบเทียบ
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ
“ไม่หรอก ไม่เลวเลย ถ้าฝึกต่อไปเรื่อยๆ จะต้องทำได้ดีแน่!”
อยากจะพูดออกไปตามความจริงอยู่เหมือนกัน
ว่าดูเหมือนนายมีความสามารถที่เก่งกาจมากเลย
แต่หากทำเช่นนั้น บางทีเฟเรสอาจจะเลือกทางเลือกอื่นที่ต่างจากชีวิตก่อนก็ได้
ถ้าหากพูดออกไปแบบนั้น มันอาจจะไปกระตุ้นความรู้สึกอยากแก้แค้นอันใหญ่หลวงที่ตอนนี้คงจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในร่างของเด็กคนนี้เข้าก็ได้
เด็กหนุ่มตอบรับคำพูดของเธอว่าเข้าใจแล้วอย่างนอบน้อม
“เทีย! อยู่ที่ไหน!”
ในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงของท่านพ่อเรียกหาเธอ
อา ใช่แล้ว เธอต้องรีบกลับไป
“ถ้างั้นข้าไปก่อนนะ ไว้เจอกันครั้งหน้า”
“…อื้อ”
ไหล่ของเฟเรสลู่ลง เขาไม่อยากถูกทิ้งไว้คนเดียวอีกครั้ง
“…จะ…จะพยายามทำให้พวกเราได้พบกันอีกครั้งให้ได้เร็วที่สุดนะ เพราะงั้นระหว่างนั้นเจ้าก็กินยาให้ดี ทำตามที่ข้าบอกด้วยล่ะ”
นัยน์ตาสีแดงเข้มเอาแต่จ้องเธอไม่ละสายตา
เธอตั้งใจจะมาเพื่อมอบสิ่งที่เจ้าชายลำดับที่สองผู้จะกลายเป็นองค์รัชทายาทในอนาคตต้องการ และสร้างความไว้วางใจให้กับเขาแท้ๆ แต่ความรู้สึกตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนเธอเป็นผู้ปกครองของเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งเสียแล้ว
แต่ได้เห็นสภาพย่ำแย่ของเจ้าชายลำดับที่สองแล้ว จะให้โยนยาให้เฉยๆ แล้วทิ้งเขาไป เธอก็ทำไม่ลง
“ข้าไปนะ บาย”
“…บาย”
ก็นะ ยังไงต่อให้ทิ้งไว้เฉยๆ เขาก็จะหาทางกลายเป็นองค์รัชทายาทได้เองอยู่แล้ว
แค่ช่วยอะไรเล็กๆ น้อยๆ กับร่างกายเจ็บป่วยในตอนเด็ก มันจะไปมีอะไรได้?
ตอนที่ทิ้งเฟเรสเอาไว้ในป่าคนเดียว เธอคิดแบบนั้นจริงๆ
ไม่ได้รู้เลยว่าความใจดีแบบนี้ของเธอที่เริ่มต้นจากความสงสาร ซึ่งหากเป็นมนุษย์ไม่ว่าใครก็คงจะมีเหมือนกันแน่นอน จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบไหน
ไม่ได้รู้เลยว่า ทุกคำพูดของเธอ มันจะสลักอยู่ในหัวของเด็กคนนั้น
ไม่ได้รู้เลยว่า มือที่เธอยื่นออกไป มันมีความหมายอะไรต่อเฟเรส
ไม่อาจคาดเดาได้แม้แต่นิดเดียวจริงๆ
เธอวิ่งฝ่าทุ่งหญ้าออกไปพลางตะโกนเรียกท่านพ่อ
“พ่อ!”
“เทีย! ”
ท่านพ่อวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยใบหน้าตื่นตกใจ
“ไปไหนมาน่ะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
โล่งอกที่เธอหายตัวไปแค่ระยะเวลาสั้นๆ ท่านพ่อจึงดูแล้วไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก แต่ถึงยังไงนัยน์ตาที่สำรวจตัวเธอก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วง
“เจอแล้วหรือครับ”
อัศวินสองนายที่กำลังตามหาเธออยู่อีกฝั่งรีบวิ่งเข้ามาทางนี้อย่างเร่งรีบ
“ถึงแม้จะเป็นข้างในวังก็เถอะ แต่จะหายตัวไปแบบนี้ไม่ได้นะ มันน่าเป็นห่วงไม่ใช่เหรอ”
“ขอโทษค่ะ”
“ทำไมจู่ๆ ถึงได้ลงจากรถม้าล่ะ”
“ก็คุณลุงพวกนั้นสั่งให้ลงก็เลย…ข้านึกว่าต้องลง…”
คำพูดของเธอทำเอาไหล่ของเหล่าอัศวินผวาเฮือก
“เพราะฉะนั้นลงมาแล้วก็เลยเห็นกระรอกน่ารักโผล่มาทางด้านนั้น เลยวิ่งตามไปน่ะค่ะ…”
เพียงพริบตา เจ้าชายลำดับที่สองก็กลายเป็น ‘กระรอกน่ารัก’ ไปเสียแล้ว
ท่านพ่อมองเธอก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย แล้วจึงหัวเราะอ่อนแรงคล้ายกับว่าช่วยไม่ได้
“ขออภัยครับ”
“พวกข้าแค่ทำตามคำสั่ง…”
แต่แล้วในตอนที่อัศวินสองนายเกาศีรษะแกรกๆ ด้วยความกระอักกระอ่วนพลางเอ่ยพูด
“ขอโทษเรื่องอันใด”
ก็มีหญิงงามนางหนึ่งหัวเราะพลางมองพวกเรา นางมาพร้อมกับนางกำนัลหลายคนคล้ายกับออกมาเดินเล่นผ่อนคลาย
จักรพรรดินีแห่งอาณาจักรแลมบลู ราวีนี่ อังเกนัส ดิวเรลลี่