บทที่ 54 ลำดับสามของตระกูลไป๋[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 54 ลำดับสามของตระกูลไป๋[รีไรท์]

เหนื่อย…นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่ชวิ๋นรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน เขาเป็นภาระของพ่อแม่จริงหรือ?

ทำให้พวกเขาจึงไร้ที่อยู่ ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย ทำไม? เมื่อ 3 ปีก่อน เขาเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาคนหนึ่ง ไม่น่าจะทำเรื่องอะไรให้ใครโกรธแค้นได้

“นายท่าน อย่าเอาคำพูดของไอ้เลวนั่นมาใส่ใจเลย มันรู้ตัวว่าตัวเองไม่รอดแล้ว ดังนั้นเลยแว้งกัดเหมือนหมาบ้าใกล้ตาย” เฉินฮั่นหลงพูดปลอบใจ

“เป็นแบบนั้นเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นรู้สึกสับสนและพูดขึ้นมาอีกว่า “แต่สิ่งที่เขาพูดก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผลทั้งหมด”

“ต้องใช่แน่นอนครับ ไอ้หน้าบากนั้น มันหน้าตาน่าเกลียดขนาดนั้น แถมยังฆ่าตัวตายอีก แสดงว่ามันกลัวตาย! ครั้งนี้มันรู้ตัวว่าไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้ว ดังนั้นก่อนจะสิ้นใจตายมันเลยใส่ร้ายนายท่าน” เฉินฮั่นหลงที่ปลอบใจไม่เป็น จึงทำได้เพียงโยนขี้ให้ชายหน้าบากที่ตายไป

ฉู่ชวิ๋นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ไม่น่าเชื่อว่าแค่คำพูดปลอบธรรมดาของเฉินฮั่นหลง ก็ทำให้เขาผ่อนคลายได้ไม่น้อย

“น้องชาย ครั้งนี้ฉันเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ชายคนนี้นะ” นักพนันหนุ่มเดินมามือเท้าเอวมองไปทางฉู่ชวิ๋นแล้วพูดขึ้น

“ไอ้หมอนี้หน้าตาน่าเกลียดนะตาย แค่มองก็รู้ว่าเป็นแค่ลูกกะจ๊อก คำพูดของเขาเชื่อถือได้สักเท่าไหร่กัน? ถ้าให้ฉันพูดคนที่อยู่เบื้องหลังของหมอนี่ต้องอิจฉาใบหน้าของนายแน่ ๆ ถึงได้สั่งให้คนมาทำร้ายนาย” ฉู่ชวิ๋นพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เจ้านี่เชื่อถือไม่ได้ยิ่งกว่าเฉินฮั่นหลงเสียอีก

เมื่อสังเกตถึงอารมณ์ของฉู่ชวิ๋นแล้ว นักพนันหนุ่มก็ร้องตะโกนออกมา

“นี่นาย ฉันไม่รู้ว่านายจะขมวดคิ้วหน้านิ่วทำไม เก๊กเหรอ? ฉันว่านะ ไม่มีอะไรมาขัดขวางนายได้หรอก เมื่อกี้ไอ้น่าเกลียดมันบอกว่าพ่อแม่ของนายไม่รู้เป็นยังไงบ้าง ง่ายนิดเดียวก็สั่งให้คนไปตามหาพวกเขาสิ! ตอนนี้นายน่ะรวยเละ ใช้เงินฟาดทีเดียว ซื้อคนได้ทั้งเมืองในหมู่คนมากมายต้องมีคนกล้าหาญแน่ ๆ ที่กล้าขายนายของมัน บอกไปเลยใครที่หาพ่อแม่นายเจอก็ให้ไป 100 ล้าน หรือจะเป็น 1000 ล้านก็ยังได้ ฉันไม่เชื่อว่าจะหาพ่อแม่นายไม่เจอ หลังจากที่เจอแล้ว นายก็ฆ่าพวกเลวนั้นให้หมด เจอผู้ชายก็ฆ่า เจอผู้หญิงก็จับไปขาย…”

“ปัง….” เสียงของนักพนันหนุ่มขาดหายไปอย่างฉับพลัน ก่อนจะเงียบไป ทุกคนถึงกับถอยออกมาอย่างไม่รู้ตัว เสียงกรีดร้องโวยวายดังขึ้นเมื่อนักพนันหญิงจับนักพนันชายทุ่มลงกับพื้น

เฉินฮั่นหลงก้าวถอยหลังเบา ๆ สองก้าว ผู้หญิงคนนี้ไม่อ่อนโยนเลยสักนิด หลังจากนี้คงต้องไปบอกไอ้น้องชายคนนี้หน่อยแล้วล่ะ ว่าผู้หญิงแบบนี้ห้ามเอาทำเมียเด็ดขาด

นักพนันหนุ่มคว่ำอยู่กับพื้นสักพัก จากนั้นจึงค่อยลุกขึ้นมานั่ง พยายามจับลูบคลำหน้าตนเอง ก่อนจะจ้องเขม็งหญิงสาวด้วยความโกรธ และปากก็พลางกระซิบกระซาบ

“โชคดีที่ไม่โดนหน้า ไม่งั้นตำแหน่งหล่ออันดับสองของฉันคงไม่อยู่แล้วเป็นแน่”

“นายบอกว่าตัวเองหล่อที่สุดในโลกไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลายเป็นอันดับสองได้ล่ะ?” นักพนันหญิงกล่าวอย่างแดกดัน

นักพนันหนุ่มตะลึงไปพักหนึ่ง แล้วเดินไปส่องกระจกที่แขวนบนผนังส่องแล้วก็ส่องอีก อยู่นาน

“ก็นะ ฉันยังหล่อเหมือนเดิม” พูดจบก็หันไปมองนักพนันหญิง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความกลุ้มใจ

“แต่นั้นมันก่อนหน้าที่จะเจอน้องชายคนนี้ ตอนนี้พอเจอแล้วฉันก็เป็นได้แค่อันดับสอง” ทุกคนพลันพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง

ฉู่ชวิ๋นอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม

นักพนันหนุ่มวิ่งมาบอกฉู่ชวิ๋น “ต่อไปนี้นายคือลูกพี่ของฉัน นายคือคนที่หล่อที่สุดในโลก ส่วนฉันหล่ออันดับสอง หลังจากนี้ ฉันจะไปหาอันดับสามและอันดับสี่ จากนั้นก่อตั้งกลุ่มขึ้นในวงการบันเทิง มาทำให้คนทั้งโลกบ้าคลั่งดันเถอะ พวกสาว ๆ ทั้งหลายต้องหลงใหลพวกเขาจนร้องขอชีวิต…”

“ถึงเวลานั้นไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็หล่อกว่านายงั้นเหรอ” นักพนันหญิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา

“เป็นไปไม่ได้ บนโลกนี้นอกจากลูกพี่ ใครกล้าหล่อกว่าฉันอีก?” นักพนันหนุ่มตะโกน

พอพูดจบก็มองไปที่ฉู่ชวิ๋น “ลูกพี่ ลืมแนะนำตัวไป ฉันชื่อซูฟาน ชื่อของคุณผมรู้แล้ว ไม่ต้องแนะนำตัวหรอก”

“ซูฟาน ชื่อดีนะ” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะ เขาฝึกวิชาจากคัมภีร์ความลับฟ้า ด้านในก็มีวิธีการมองคน ดูจากที่ซูฟานพูดแล้ว คนคนนี้คุ้มค่าที่จะคบค้าสมาคมด้วย

“ลูกพี่ ชื่อฉู่ชวิ๋นก็เป็นชื่อที่ดีเหมือนกัน เพียงแต่ดีน้อยกว่าของฉันไปนิดหน่อย” พอได้ยินฉู่ชวิ๋นพูดชมว่าชื่อดี ซูฟานก็ยิ้มออกมาก่อนหันหน้ามามองเฉินฮั่นหลง “พี่ใหญ่ คุณชื่ออะไรนะ”

เฉินฮั่นหลงหยุดชะงัก ซูฟานเรียกนายท่านว่าลูกพี่ฉู่ชวิ๋น แถมยังเรียกเขาว่าพี่ใหญ่อีก นี่จะไม่เรียกว่าเขากับฉู่ชวิ๋นฐานะพอ ๆ กันหรอกหรือ ให้เขาไปกินดีหมีหัวใจเสือมา 100 ตัวเขาก็ไม่กล้าอยู่ดี!!

“ชื่อของพี่ใหญ่คงไม่น่าเกลียดหรอกมั้ง? ไม่เป็นไร ๆ ฉันรับรองว่าจะไม่หัวเราะชื่อของพี่ใหญ่” ซูฟานเอ่ย

เฉินฮั่นหลงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนมองซูฟานที่เอ่ยขึ้นมาและพูดว่า

“ฉันว่านายเรียกเขาว่า นายท่าน เหมือนฉันดีกว่า!”

ถึงแม้ว่าซูฟานจะน่าสนใจ แต่ในใจของเฉินฮั่นหลง ฉู่ชวิ๋นมีตัวตนเสมือนกับเทพเจ้า คนธรรมดาที่ไหนกันจะสามารถเรียกเขาเป็นพี่น้องได้ บางทีฉู่ชวิ๋นอาจจะไม่ได้พูดออกมา แต่เขาจำเป็นก็ต้องเตือน

ซูฟานตกใจ จนแทบพูดไม่ออก

“เรียกนายท่านมันออกจะแปลกๆ ไปหน่อยรึเปล่า? ลูกพี่ไม่ใช่อาจารย์หรือผู้อาวุโสนะ พี่ใหญ่นี่ช่างหัวโบราณจริง ๆ เมื่อเคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันแล้วก็คือพี่น้อง เรียกว่าลูกพี่มันไม่ดีตรงไหน?”

เมื่อเห็นท่าทางการพูดที่ไม่ค่อยให้ความเคารพนัก สีหน้าของเฉินฮั่นหลงก็คร่ำเครียด เจ้านี่มันจะกำเริบเกินไปแล้วนะ

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าให้ซูฟาน แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร! แค่การเรียกเอง ทุกคนเรียกแบบที่ตัวเองชอบเถอะ”

ซูฟานพอใจ ก่อนหันไปทางเฉินฮั่นหลงที่ขมวดคิ้วอยู่ “ดูสิลูกพี่อนุญาตแล้ว ตอนนี้รีบบอกมาสิว่าพี่ใหญ่ชื่ออะไร?”

เมื่อมันเป็นคำพูดของฉู่ชวิ๋น เฉินฮั่นหลงก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อจึงได้แต่บอกชื่อของตัวเองออกไป

“ฉันชื่อ เฉินฮั่นหลง”

“เฉินฮั่นหลง ชื่อนี้แปลกนิดหน่อย มิน่าล่ะถึงไม่กล้าพูด แต่ว่าไม่เป็นไร ฉันจะช่วยเปลี่ยนให้ ต่อจากนี้เป็นต้นไป นายชื่อเฉินหลงหู่เป็นไง? ดูแสดงยิ่งใหญ่ไปเลยละสิ?”

หน้าของเฉินฮั่นหลงดำมืดจิตใจเต็มไปด้วยความโกรธ

“ฮ่าฮ่า…แค่แซวเล่นเฉย ๆ คิดมากไปได้” ซูฟานหัวเราะอย่างหยอกเล่นและเรียกพี่ใหญ่เฉินอย่างเคารพ สีหน้าของ  เฉินฮั่นหลงจึงดีขึ้นมา

“หงหลิน ยินดีที่ได้เจอท่านฉู่อีกครั้ง” เมื่อเห็นว่า พวกเขาคุยกัน หงหลินก็รีบเร่งเดินเข้ามาทักทาย

ฉู่ชวิ๋นทักตอบ และหันไปมองไป๋เหรินฉง “แกคือไป๋เหรินฉง?”

ไป๋เหรินฉงตกตะลึงหลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ฉันเอง”

เขาคือลำดับสามของตระกูลไป๋ ตระกูลไป๋มีอำนาจมากมายในเมืองกู่เจียงและเขาไม่มีความแค้นอะไรกับฉู่ชวิ๋น ดังนั้นเขาเลยไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรฉู่ชวิ๋น

“ไป๋เหรินเจี๋ย พี่แกเป็นลูกน้องฉันเอง” ฉู่ชวิ๋นพูด

“อะไรนะ?” ไป๋เหรินฉงตกใจมาก

“เขาคิดจะครองตระกูลไป๋ ดังนั้นจึงเลือกมาเป็นสุนัข รับใช้ของฉัน” น้ำเสียงของฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนไป สายตาเย็นชาจ้องมองไปที่ไป๋เหรินฉง “แกคิดว่าฉันจะทำให้เขาครองตำแหน่งได้ไหมล่ะ?”

“ฉัน…..”

พอเห็นสายตาอันเย็นชาของฉู่ชวิ๋นแล้วไป๋เหรินฉงก็ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายถึงเอาแต่สั่นกลัว ต้องใช้เวลานานพอสมควรจึงสามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้

เฉินฮั่นหลงมากระซิบอยู่ข้างหูของฉู่ชวิ๋นก็มาได้ถูกเวลาพอดี ฉู่ชวิ๋นเลยยิ้มเบา ๆ ก่อนมองไป๋เหรินฉง “แกเองก็อยากเป็นหัวหน้าตระกูลไป๋สินะ? ดูเหมือนว่าพี่ชายของแกคนนั้น ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”

“เหลวไหล พวกเราเป็นพี่น้องที่รักกันดี แกอย่ามาทำให้พวกเราแตกแยก”

“พวกแกแตกแยกกันอยู่แล้ว? นอกจากบ่อนนี้ แกมีอะไรเป็นของตัวเองบ้างละ?” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะออกมา

ฉู่ชวิ๋นตรวจสอบท่าทางลักษณะด้วยวิชาในคําภีร์ความลับฟ้าแล้ว แม้ไป๋เหรินฉงจะรูปร่างหน้าตาที่ไม่ดีและภายนอกดูมีแต่กล้ามคิดอะไรไม่เป็นแต่จริง ๆ แล้วกลับเจ้าเล่ห์มาก ไป๋เหรินฉงมากไปด้วยแผนการและมีความทะเยอทะยานสูง ชายร่างยักษ์แบบเขาใครเห็นก็คิดว่าโง่ แต่จริง ๆ แล้วฉลาดมาก รูปร่างหน้าตาเลยกลายเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของไป๋เหรินฉง

หากไป๋เหรินฉงเข้าร่วมการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าตระกูลไป๋ ไป๋เหริยเจี๋ยดูท่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ และคงจะถูกไป๋เหรินฉงคนนี้หลอกใช้เป็นแน่แท้

ในเมื่อรับปากจะช่วยไป๋เหรินเจี๋ย ตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่จะแก้ปัญหาอย่างง่าย ๆ “พี่รองของแกมีความสามารถและความทะเยอทะยาน อย่างแกเทียบไม่ติดหรอก ตระกูลไป๋ฉันเป็นคนเลือกแล้วว่าจะให้พี่รองของแกได้ครองตระกูล!”

ไป๋เหรินฉงพอได้ยินแบบนี้ก็ตะลึงก่อนจะพูดด้วยใบหน้าที่เหยียดหยาม “ไม่ว่าสิ่งที่แกพูดจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ช่าง พี่รองของฉันยอมจำนนต่อแกแล้วยังไง ฉันจะบอกอะไรแกให้ว่าตระกูลไป๋ ก็คือตระกูลไป๋ ไม่อาจถูกควบคุมโดยคนแปลกหน้าได้ ฉันจะทำให้แกหยุดเพ้อฝันเอง!”

“เพ้อฝันเหรอ? ตระกูลไป๋ของพวกแกทำผิดมามาก ดังนั้นตระกูลไป๋ของพวกแกก็ควรจะอยู่เงียบ ๆ ในเมืองกู่เจียง เพราะพี่รองของแกจำนนต่อฉัน ฉันถึงได้ไว้ชีวิตมัน วันนี้แกมีเพียงแค่ 2 ทางให้เลือกคือตายหรือยอมแพ้” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างเผด็จการ

“แกคิดจะฆ่าฉันเหรอ?” ไป๋เหรินฉงเริ่มตกใจกลัว

“ทำไมฉันจะไม่กล้า แค่ชี้นิ้วฉันก็ฆ่าได้ทั้งตระกูลไป๋แล้ว แกเลือกมาว่าจะเอายังไง” ฉู่ชวิ๋นเย็นชามาก

ดวงตาของไป๋เหรินฉงสั่นไหว เขาเป็นคนของตระกูลไป๋ มีฐานะสูงศักดิ์ อีกไม่นานเขาอาจจะได้เป็นเจ้าตระกูลไป๋ ถึงตอนนั้นจะนับเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ทำไมเขาต้องไปเป็นสุนัขรับใช้มันด้วย?

“ไป๋เหรินฉง ฉันจะแนะนำให้นายยอมรับความจริง ในสายตานายท่าน ตระกูลไป๋ไม่มีความหมายอะไร การฆ่านายมันง่ายยิ่งกว่าขยี้มด อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย คิดดี ๆ ถ้าแกตายไปตระกูลไป๋ก็จะมีแค่พี่รองของแกเท่านั้นที่จะขึ้นเป็นผู้นำ” เฉินฮั่นหลงหัวเราะอย่างเย็นชา

ไป๋เหรินฉงไม่ยินยอม เขาไม่อาจยอมแพ้ง่าย ๆ ได้ เขาพยายามอยู่หลายปีจนได้เข้าร่วมแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลจะมายอมแพ้ง่าย ๆ ได้ยังไง? แต่ว่าตอนนี้เขาต้องแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าก่อน

“ได้ ฉันยอมสวามิภักดิ์” ไป๋เหรินฉงกล่าวพร้อมกับก้มหัวเพื่อซ่อนเร้นแววตาเจ้าเล่ห์ของเขา ตราบใดที่เขาแสร้งทำเป็นว่าสัญญา หลังจากออกจากที่นี่แล้วใครจะทำอะไรกับเขาได้?