ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูมาเจอเสี่ยวเชี่ยนตอนหันมาพอดี เสี่ยวเชี่ยนพอเห็นเขาก็มุมปากกระตุก ส่วนผู้ชายคนนั้นพอเห็นเสี่ยวเชี่ยนก็อึ้งไปเล็กน้อย
สะ เป็นผู้หญิงที่สะอาดจัง
นี่คือความสะอาดที่ออกมาจากบุคลิกภาพ บวกกับหน้าตาที่น่ารักทำให้คนต่างเพศอยากจะมองต่อนานๆ ผู้ชายคนนั้นรู้สึกตัวว่าตัวเองเก็บอาการไม่อยู่ไปหน่อยจึงรีบปรับอารมณ์แล้วพูดกับเสี่ยวเชี่ยนด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“ต้องการให้ช่วยไหมครับ?”
“ไม่ต้องค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“อ่อ” ผู้ชายคนนั้นปิดประตูอีกครั้ง ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เปิดออกอีกแล้วส่งเก้าอี้ให้เสี่ยวเชี่ยน
“คุณมานั่งรอตรงนี้สิครับ อันที่จริงผมอยากเชิญคุณมานั่งในบ้าน แต่พอคิดว่าผมอยู่ตัวคนเดียว บุรุษต้องพึงระวังตัวไม่ให้เป็นที่ครหา ที่ใดมิโจ่งแจ้ง ให้พึงระวังไว้ ดังนั้น…”
“ดังนั้นตอนคุณอายุสี่สิบกว่าถึงยังหาเมียไม่ได้ไง เหอๆ” เสี่ยวเชี่ยนพึมพำเบาๆ
“คุณว่าอะไรนะครับ?”
“เปล่าค่ะ ฉันพูดว่าขอบคุณค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนยิ้มเกร็งๆกลับไป
“ไม่เป็นไรครับ ผมชื่อเลี่ยวหยุนฉาง อาศัยอยู่ห้องนี้ ไม่เคยเจอคุณมาก่อน คุณเป็นอะไรกับน้าเจี่ยเหรอครับ?” เป็นเพื่อนบ้านกัน ปกติเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจี่ยซิ่วฟาง เจี่ยซิ่วฟางเป็นคนที่อัธยาศัยดี ไปที่ไหนก็ชอบที่จะสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้าน
“ฉันเป็นลูกสาวเขาค่ะ”
“ได้ยินชื่อเสียงมานาน วันนี้ได้เจอโฉมงามสมกับคำบอกเล่าเลยครับ ดูฉลาดมีความรู้” เขาได้ยินเจี่ยซิ่วฟางชมลูกสาวให้ได้ยินบ่อยๆแต่ไม่เคยเจอตัวจริง ครั้งนี้เห็นแล้วก็รู้สึกไม่ธรรมดาจริงๆด้วย ใช้คำว่าสวยมาบรรยายไม่ได้ ดูก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงคงแก่เรียน ดังนั้นเขาจึงให้คะแนนรูปลักษณ์บุคลิกของเสี่ยวเชี่ยนสูงที่สุด…เขาคิดเอาเองว่าสูงที่สุด
“ขอบคุณค่ะ…”
เหอๆ เหมือนชาติที่แล้วเขาจะไม่ได้ประเมินเธอแบบนี้นะ เมื่อชาติก่อนตานี่พูดว่าอะไรนะ?
เสี่ยวเชี่ยนพยายามนึก กดราคาตลาด เรียกราคาเกินจริง ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ดีเลวทำหมด ไร้ซึ่งเหตุผล ชอบเอาแต่ใจ…เยอะมาก เอาเป็นว่านึกไม่ออกแล้ว
“งั้นคุณนั่งรอไปนะครับ ผมจะไปทำกับข้าว ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็ตะโกนเรียกได้”
“ค่ะ ฟู่กุ้ย”
เขาหันไปมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยท่าทางเกร็งๆ “คุณว่าอะไรนะครับ?”
“เปล่าค่ะ ฉันขอบคุณคุณ พี่หยุนฉาง”
อ่อ งั้นเขาหูแว่วไปเหรอ? เขาพยักหน้าให้เสี่ยวเชี่ยนอย่างเขินๆแล้วเดินเข้าบ้าน
เสี่ยวเชี่ยนเอามือกุมท้อง ฮ่าๆๆๆๆ สีหน้าเขาเมื่อกี้โคตรฮาเลย
คนๆนี้จริงๆมีชื่อว่าเลี่ยวฟู่กุ้ย เกิดในตระกูลคนมีการศึกษา มีความรู้มากมายทั้งตำราโบราณและปัจจุบัน ทั้งในและต่างประเทศ กิจกรรมยามว่างคือเอางานวิจัยปรัชญาการเมืองมานั่งเปรียบเทียบ อีกทั้งยังชอบท่องหลักการของผู้นำ เป็นผู้ชายหัวแข็งไม่ยอมคน
แต่คนๆนี้เก่งมาก เขาเป็นสมาชิกของสำนักนิติจิตเวชที่มีชื่อเสียงในประเทศ ดอกเตอร์ทางด้านนิติจิตเวช อีกหน่อยเขาจะเป็นอาจารย์ไม่ประจำทางด้านนิติจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เนื่องจากอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาเอกของเขาเป็นศิษย์พี่ของศาสตราจารย์หลิวอาจารย์ที่ปรึกษาของเสี่ยวเชี่ยน ถ้าว่ากันตามธรรมเนียมแล้วเมื่อชาติก่อนตอนเสี่ยวเชี่ยนเจอเขาควรจะเรียกเขาว่ารุ่นพี่ด้วยความเคารพ แต่เธอกลับไม่ทำ
ชาติที่แล้วเสี่ยวเชี่ยนเปิดคลินิกทำเองตามลำพัง เธอเก็บค่ารักษาแพงๆจากคนรวย เลี่ยวฟู่กุ้ยทำงานวินิจฉัยนิติจิตเวชจนเสียยิ่งกว่าจน ถึงจะเป็นอาจารย์ไม่ประจำเพิ่มด้วยก็ยังมีเงินเพิ่มมาไม่เท่าไร รู้สึกไม่ค่อยพอใจเสี่ยวเชี่ยนบอสสาวมาดเท่ห์ที่เป็นถึงประธานขับมาเซราติ เขาคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนทำราคาตลาดรวน จ้องแต่จะเอาเงิน เพียงแต่ด้วยเนื้องานของพวกเขาทำให้ต้องมีได้ติดต่อกันบ้าง จะไม่คุยกันเลยก็ไม่ได้
เลี่ยวฟู่กุ้ยถูกเสี่ยวเชี่ยนพูดจาไร้เหตุผลใส่บ่อยๆ เสี่ยวเชี่ยนเองเพื่อที่จะต่อปากต่อคำกับเขาถึงกับบ้าท่องหลักการผู้นำอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เพื่อที่จะเอาไปสู้กับเขาซึ่งๆหน้า
อาชีพของเลี่ยวฟู่กุ้ยคือมีหน้าที่รับงานจากฝ่ายกฎหมายแล้วทำการวินิจฉัยตรวจสอบคดีอาญาและคดีแพ่งที่เกี่ยวข้องกับคนที่มีปัญหาทางด้านจิตเวชและประสาท พูดง่ายๆก็คือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวินิจฉัยปัญหาจิตเวชและประสาท
คนๆนี้แซ่เลี่ยวชื่อฟู่กุ้ย แต่ด้วยความที่เป็นคนมีการศึกษาสูง คิดว่าชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้นั้นเชยสะบัด จึงตั้งชื่อให้ตัวเองใหม่ว่าหยุนฉาง คนข้างนอกต่างเรียกเขาว่าหัวหน้าเลี่ยว เพื่อนๆเรียกเขาว่าหยุนฉาง มีแค่เสี่ยวเชี่ยนเท่านั้นที่ทำตัวหาเรื่อง มาถึงก็เรียกชื่อเขาเลยเต็มๆว่าเลี่ยวฟู่กุ้ย
จากนั้นชะตาของทั้งสองคนก็เหมือนถูกผูกกันไว้ จริงๆแล้วคนๆนี้กับเสี่ยวเชี่ยนเดินกันคนละเส้นทาง เสี่ยวเชี่ยนเปิดคลินิกส่วนตัวทำของตัวเอง แต่บางครั้งก็จะถูกเชิญไปวินิจฉัยในคดีแพ่งที่เกี่ยวกับปัญหาจิตเวช เมื่อชาติก่อนทั้งสองคนจึงได้เจอกันบ่อย ชาตินี้เสี่ยวเชี่ยนเลยอยากหลบคนปัญญาสูงหัวโบราณคนนี้ แต่นึกไม่ถึงว่าไม่ได้เจอในมหาวิทยาลัยกลับมาเจอกันในสถานการณ์ที่พูดไม่ออกแบบนี้
ถ้าไม่ติดว่ามีความทรงจำจากเมื่อชาติก่อน ตอนนี้มาเจอตานี่เธอก็คงจะมองว่าเป็นแค่เพื่อนบ้านที่ดูประหลาด แต่เพราะมีความทรงจำของชาติที่แล้วเธอจึงรู้สึกว่าโลกนี้มันเล็กจริงๆ
ผ่านไปอีกสักพักเจี่ยซิ่วฟางถึงกลับมา เห็นเสี่ยวเชี่ยนนั่งเล่นเกมงูในโทรศัพท์อยู่จึงเดินเข้าไปลูบมือ รู้สึกว่ามือเย็นมากจึงดุเสี่ยวเชี่ยน
“เด็กโง่ นั่งนี่ไม่หนาวหรือไง? ทำไมไม่ไปหาที่นั่งรอเล่า?”
“…แม่กลับมาช้ายังจะกล้าว่าอีก?” เสี่ยวเชี่ยนเซ็ง
“ก็ไปหาเงินให้พวกแกสองพี่น้องไง รีบเข้าบ้านเถอะ แล้วใครให้เก้าอี้มา?”
“เลี่ยวฟู่กุ้ย”
“ใครนะ?”
“เลี่ยวหยุนฉาง”
เสี่ยวเชี่ยนพูดอีกชื่อเจี่ยซิ่วฟางถึงเข้าใจ
“อ๋า หลานเลี่ยวนี่เป็นเด็กดีจริงๆ แกขอบคุณเขาหรือเปล่า? เดี๋ยวตอนเย็นแม่เรียกเขามากินข้าวด้วยกันแล้วกัน ช่วงนี้มีเรื่องวานเขาบ่อยๆ บ้านเราหลอดไฟเสียก็ได้เขาช่วยมาเปลี่ยนให้”
เจี่ยซิ่วฟางพอใจในตัวเด็กหนุ่มเพื่อนบ้านที่มีมารยาทคนนี้มาก รู้ว่าเขายังไม่มีครอบครัวก็เลยเที่ยวทำตัวเป็นแม่สื่อช่วยหาให้ แนะนำผู้หญิงมาให้เลี่ยวฟู่กุ้ยรู้จักหลายคน ถึงแม้จะไม่สำเร็จ แต่สองบ้านก็ได้พูดคุยกันบ่อยๆ โดยเฉพาะพอได้รู้ว่าหลานเลี่ยวสูญเสียแม่ไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่พ่อคนเดียว เจี่ยซิ่วฟางก็เกิดความรู้สึกสงสารอย่างหนัก
“เขาทำกับข้าวแล้ว แม่อย่าไปรบกวนเขาเลย” เสี่ยวเชี่ยนคิดในใจว่า ให้เธอนั่งกินข้าวกับเลี่ยวฟู่กุ้ยเดี๋ยวได้เป็นแผลในกระเพาะอาหารพอดี
“งั้นเดี๋ยวฉันเอาเก้าอี้ไปคืนเขาก่อน เสี่ยวเชี่ยน แกก็มาด้วยสิ ทำความรู้จักกับอาเลี่ยวกับพี่เลี่ยวไว้”
“……” นี่มันอะไรกัน เลี่ยวฟู่กุ้ยกลายเป็นพี่เธอไปแล้วเหรอ? เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที นี่เธอกลับชาติมาเกิดทำไมมีโรคติดตัวมาเยอะขนาดนี้นะ?
หนึ่งในห้าร้อยเศรษฐีใหญ่ทังต้าเย่กลายเป็นพ่อบุญธรรมของเธอ ทังสุ่ยเซียนว่าที่บอสสาวในอนาคตกลายมาเป็นพี่น้องบุญธรรมกับเธอ ลูกสาวเศรษฐีจอมติงต๊องเป็นเพื่อนสนิทเธอ เด็กผู้หญิงที่เหมือนวิญญาณกระโดดตึกเป็นว่าที่พี่สะใภ้รองของเธอ ตอนนี้หนึ่งในศัตรูกลายมาเป็นพี่ชาย?
เอาน่า อย่างน้อยพ่อของลูกก็ยังเป็นคนเดิม
เสี่ยวเชี่ยนกำลังสับสนทางความคิด เธอมองเจี่ยซิ่วฟางเคาะประตูบ้านคนอื่น
เลี่ยวฟู่กุ้ยที่อยู่ในสภาพสวมผ้ากันเปื้อนเดินมาเคาะประตู เสี่ยวเชี่ยนเลิ่กคิ้ว โอ้โห ตานี่มีมุมเป็นพ่อบ้านด้วย?
ไม่ใช่แค่สวมผ้ากันเปื้อนนะ บนแว่นยังมีไอน้ำที่ลอยจากหม้ออาหารมาเกาะด้วย ดูๆแล้วนี่มันพ่อบ้านชัดๆ
“หยุนฉาง นี่เสี่ยวเชี่ยนลูกน้า เจอกันแล้วใช่ไหม? ช่วยดูแลเขาด้วยนะ ดูสิ รบกวนแย่เลย”
“ไม่เป็นไรครับน้าเจี่ย เข้ามานั่งก่อนสิครับ”
อย่ารับปากนะ เสี่ยวเชี่ยนตะโกนเสียงดังในใจ
แต่ทว่ามาดามเจี่ยซิ่วฟางดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงตะโกนในใจของลูกสาว
“งั้นก็ขอรบกวนหน่อยนะ เกรงใจจัง โอ๊ะ ทำอะไรน่ะหอมจัง?” เจี่ยซิ่วฟางเดินเข้าบ้านพลางพูด