ตอนที่ซือหม่าโยวเย่ว์กลับมาถึงจวนแม่ทัพ เมื่อยามรักษาการณ์มองเห็นเข้าแล้วอุทานอย่างยินดีขึ้นมาทันที
“คุณชายห้า ท่านกลับมาแล้ว!”
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าไปทางพวกเขาอย่างเรียบๆ “อืม ข้ากลับมาแล้ว ท่านปู่ล่ะ”
“ท่านแม่ทัพเพิ่งกลับมาเมื่อครู่นี้เองขอรับ” ยามรักษาการณ์พูด “ข้าจะไปรายงานพวกเขาเดี๋ยวนี้ขอรับ”
พูดจบคนผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้าไป เขาวิ่งไปพลางตะโกนไปพลาง “คุณชายห้ากลับมาแล้ว คุณชายห้ากลับมาแล้วขอรับ!”
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นท่าทีตื่นเต้นยินดีของคนผู้นั้นแล้วส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ พลางเดินเข้าไป
“โยวเย่ว์กลับมาแล้วหรือ อยู่ที่ไหนเล่า”
“น้องห้ากลับมาแล้วหรือ ในที่สุดเจ้าเด็กนี่ก็กลับมาเสียที!”
“คุณชายห้ากลับมาแล้ว!”
“…”
ขณะที่ซือหม่าโยวเย่ว์ผ่านเข้ามาในลานหน้าบ้านนั้นเอง เธอรู้สึกเพียงว่าด้านหน้ามืดลงแล้วถูกดึงเข้าหาอ้อมกอดอันอบอุ่น
“ท่านปู่” เมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคย ซือหม่าโยวเย่ว์ซุกตัวเข้าไปในอ้อมอกของซือหม่าเลี่ย
“เจ้ากลับมาได้เสียที!” ซือหม่าเลี่ยกอดซือหม่าโยวเย่ว์แนบแน่น น้ำเสียงสั่นเครืออยู่บ้าง
“ท่านปู่ ข้ายังอยู่ดีขอรับ” ซือหม่าโยวเย่ว์ตบหลังซือหม่าเลี่ยเบาๆ พลางเอ่ยปลอบ
“น้องห้า ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว ถ้าหากเจ้ายังไม่กลับมาอีก พวกเราทุกคนต่างวางแผนจะไปตามหาเจ้าอยู่แล้วเชียว!” พวกซือหม่าโยวหรานพากันวิ่งเข้ามาในลานบ้าน เห็นซือหม่าโยวเย่ว์ออกมาจากอ้อมกอดของซือหม่าเลี่ย
“ท่านปู่ช่างลำเอียงนัก แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เห็นเคยกอดพวกเราบ้างเลย!” ซือหม่าโยวเล่อเอ่ยพึมพำ
“ถ้าหากเจ้าหายสาบสูญไปหลายเดือน ข้าก็จะกอดเจ้าหลายๆ ทีเหมือนกันนั่นแหละ” ซือหม่าเลี่ยตะคอกใส่ซือหม่าโยวเล่อ
“น้องห้า หลายเดือนนี้เจ้าไปไหนมาหรือ แทบจะทำให้พวกเราร้อนใจตายกันอยู่แล้วนะ!” ซือหม่าโยวฉีเดินเข้ามา เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ปลอดภัยไร้กังวล หัวใจที่ลอยคว้างอยู่จึงค่อยผ่อนคลายลง
“ใช่แล้ว เจ้าไปที่ค่ายกลนำส่งอันที่สี่ได้อย่างไรกัน แล้วถูกส่งตัวไปแห่งหนใดมาหรือ” ซือหม่าโยวหมิงถาม
“เรื่องนี้พูดแล้วคงจะยาวนัก พวกเราเข้าไปแล้วค่อยว่ากันเถิดนะขอรับ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“ได้สิ!”
พวกเขาเข้าไปในห้องโถงใหญ่ หลังจากที่ซือหม่าโยวเย่ว์นั่งลงแล้วเริ่มเล่าสิ่งที่ตนประสบพบเจอมาให้ฟัง
“พลั่ก…” เมื่อฟังคำพูดก่อนหน้าของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วซือหม่าเลี่ยก็ตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะเอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “ถึงกับมีคนบังอาจทำร้ายเจ้าได้!”
“ข้าก็ว่าแล้วว่าอยู่ๆ เจ้าจะเข้าไปในค่ายกลนำส่งอันที่สี่ได้อย่างไร ที่แท้ถูกคนผลักเข้าไปนี่เอง!” ซือหม่าโยวเล่อพูด “พรุ่งนี้ข้าจะไปที่วิทยาลัยแล้วลากตัวคนผู้นั้นออกมา ให้มันได้เข้าใจว่ามีคนบางคนที่มิอาจลองดีได้!”
“เอ่อ… พวกท่านไม่ต้องตื่นเต้นกันถึงเพียงนี้ก็ได้” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นท่าทางพร้อมรบของพวกเขาแต่ละคนแล้วกลอกตาอย่างจนใจ “พวกท่านยังจะฟังสิ่งที่ข้าพูดกันอยู่หรือไม่”
“น้องห้า เจ้าบอกมาสิว่าเจ้าถูกส่งตัวไปที่ใดมาหรือ”
“เทือกเขาผู่สั่ว” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยตอบ
“อะไรนะ!”
“เจ้าถูกส่งตัวไปถึงเทือกเขาผู่สั่วเชียวหรือ! เช่นนั้นเจ้าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือไม่”
“พวกท่านวางใจเถิด ข้าสบายมาก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดด้วยรอยยิ้ม
แล้วเธอยังลุกขึ้นขยับตัวไปมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เป็นไรเลยอีกด้วย
“เทือกเขาผู่สั่วมีสัตว์อสูรวิเศษมากมาย ต่อให้เป็นปรมาจารย์วิญญาณธรรมดาทั่วไปก็ยังไม่กล้าไปที่นั่นตามลำพังเลย แล้วเจ้าไม่ได้เผชิญอันตรายใดๆ เลยหรือ” ซือหม่าโยวเล่อถามอย่างเป็นกังวล
“น้องห้า ถ้าหากเจ้าได้รับบาดเจ็บตรงไหนจงบอกพวกเรามาเถิด” ซือหม่าโยวหรานมองซือหม่าโยวเย่ว์อย่างเป็นกังวลว่าเธอจะปิดบังอะไรพวกเขาเอาไว้
ต่อให้เป็นพวกเขาเองก็ยังไม่กล้าไปยังเทือกเขาผู่สั่วสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่ต้องพูดถึงซือหม่าโยวเย่ว์ที่เป็นเพียงแค่คนที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกยุทธ์เลย
“ข้าไม่เป็นไรจริงๆ นะ” ซือหม่าโยวเย่ว์เน้นย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นพวกเขายังไม่เชื่อ ได้แต่เรียกตัวย่ากวงออกมา
พอย่ากวงออกมา พลังกดดันของสัตว์อสูรทิพย์แผ่ไปทั่วทั้งห้องโถง
“เจ้านาย” ย่ากวงหมอบลงบริเวณเท้าของซือหม่าโยวเย่ว์
“นี่คือสัตว์อสูรวิเศษย่ากวงที่ข้าทำพันธสัญญาด้วยที่เทือกเขาผู่สั่ว เป็นสัตว์อสูรทิพย์ตนหนึ่ง เมื่อเผชิญอันตรายก็เป็นมันนี่แหละที่คอยช่วยข้า” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นพวกเขาไม่เชื่อ จึงยกความดีความชอบให้กับย่ากวง
ย่ากวงมองซือหม่าโยวเย่ว์พลางพูดในใจว่าเจ้านายให้มันเป็นเพียงแค่ผู้ชมทุกครั้ง มันแทบไม่ได้อะไรเลยด้วยซ้ำ เมื่อเห็นสายตาข่มขู่ของซือหม่าโยวเย่ว์ มันได้แต่ก้มหัวไม่พูดไม่จา
“สัตว์อสูรทิพย์ตนนี้ไม่เคยได้รับการฝึกให้เชื่องมาก่อนเลย แล้วเจ้าทำพันธสัญญาได้อย่างไร” ซือหม่าเลี่ยมองย่ากวงด้วยสายตาเจือแววสงสัยอยู่บ้าง
“ตอนที่ข้าพบมัน มันกำลังถูกสัตว์อสูรวิเศษตนหนึ่งทำร้ายแล้วหนีออกมาพอดี แล้วนอนอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ หลังจากนั้นข้าก็ช่วยเหลือมัน มันเลยยอมรับข้าเป็นเจ้านาย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดปดได้อย่างไร้พิรุธ
นี่มันเป็นการช่วยย่ากวงที่ไหนกัน เป็นตอนที่ช่วยอูหลิงอวี่ต่างหากเล่า!
แต่เธอพูดเช่นนี้ พวกเขาได้แต่ฟังไป ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุด
“ใช่แล้ว ข้ายังได้ช่วยคนผู้หนึ่งที่เทือกเขาผู่สั่วด้วย หลังจากนั้นเขาก็ได้มอบยาวิเศษสองเม็ดเป็นของกำนัลแก่ข้า ตอนนั้นข้าก็นึกถึงท่านปู่ขึ้นมาเลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางหยิบขวดหยกออกมาสองใบซึ่งด้านในบรรจุยาเลื่อนระดับสองเม็ดเอาไว้
เธอวางยาวิเศษลงบนโต๊ะของซือหม่าเลี่ยแล้วกลับมายังที่เดิมของตน
“นี่คือยาวิเศษอันใดกันหรือ” หลังจากที่ซือหม่าโยวเล่อมองซือหม่าเลี่ยมองดูยาวิเศษในขวดหยกแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมาทันทีพลางถามอย่างใคร่รู้
“นี่คือยาวิเศษเลื่อนระดับ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ท่านปู่ติดอยู่ที่จุดคอขวดนี้มาเนิ่นนานแล้ว ถ้าหากมียาวิเศษนี้ท่านปู่คงจะเลื่อนระดับได้แล้วขอรับ”
“จริงหรือ!” พี่น้องอีกสี่คนต่างพากันตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนี้
“ท่านปู่ นี่คือยาวิเศษเลื่อนระดับจริงๆ ใช่หรือไม่ขอรับ” ซือหม่าโยวหรานถาม
ซือหม่าเลี่ยพยักหน้า
ยาวิเศษเลื่อนระดับนี้หายสาบสูญไปนานมากแล้ว ไม่รู้ว่าคนที่ซือหม่าโยวเย่ว์ช่วยที่เทือกเขาผู่สั่วนั้นเป็นใครกันแน่ จึงได้มียาวิเศษชนิดนี้ได้!
“ดีเหลือเกิน!” ซือหม่าโยวหรานโบกพัดในมือ “ถ้าหากท่านปู่เลื่อนระดับได้แล้วละก็ พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าตระกูลน่าหลานจะมาหาเรื่องแล้ว!”
“ตระกูลน่าหลานทำไมหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม “สี่เดือนนี้ที่ข้าไม่อยู่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือไม่”
“อันที่จริงก็ไม่มีเรื่องอันใดหรอก” ซือหม่าโยวหรานพูด “เพียงแต่ว่าเมื่อเร็วๆ นี้บรรพชนของตระกูลน่าหลานนั่นเลื่อนไปถึงระดับจ้าววิญญาณ เป็นระดับขั้นเดียวกันกับท่านปู่แล้ว”
“ยามปกติตระกูลน่าหลานก็เป็นอริกับพวกเรา แต่เพราะว่าพลังยุทธ์มิได้แข็งแกร่งเหมือนท่านปู่ ดังนั้นปกติจึงยังเจียมตัวอยู่บ้าง ทว่าหลังจากที่บรรพชนของพวกเขาเลื่อนระดับเป็นต้นมา ตอนนี้พวกเขาจึงเหิมเกริมกันอย่างยิ่ง จนบั้นท้ายแทบจะทะลุฟ้าอยู่แล้ว!”
“ตอนนี้ขอเพียงแค่ท่านปู่สามารถเลื่อนระดับได้ ก็จะกดพวกเขาลงไปได้อีกครั้ง คอยดูว่าพวกเขาจะยังเหิมเกริมกันเช่นนั้นได้อีกหรือไม่!” ซือหม่าโยวเล่อพูด
“ตระกูลน่าหลานน่ะหรือ…” ซือหม่าโยวเย่ว์ยกมือลูบคาง นัยน์ตาเปล่งประกายแตกต่างออกไป
“ในเมื่อมียาวิเศษชนิดนี้แล้วท่านปู่คงจะเลื่อนระดับเร็วขึ้นหน่อยกระมัง” ซือหม่าโยวฉีพูด
“อืม พรุ่งนี้ข้าเข้าวังไปทูลลาฝ่าบาทก่อน หลังจากนั้นจะกลับมาเริ่มต้นปลีกวิเวกแล้ว” ซือหม่าเลี่ยพูด “ระยะนี้พวกเจ้าต้องคอยระวังและจับตาดูการเคลื่อนไหวของตระกูลน่าหลานไว้”
“พวกเราจะจัดการให้เอง ท่านปู่ปลีกวิเวกอย่างสบายใจเถิด” ซือหม่าโยวหรานพูด
“น้องห้า ตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว เช่นนั้นเจ้าจะยังไปที่วิทยาลัยอยู่หรือไม่” ซือหม่าโยวเล่อถาม
“เฟิงจือสิง อาจารย์ท่านนั้นของเจ้า เป็นห่วงเจ้าอยู่ตลอด คอยมาถามถึงสถานการณ์ของเจ้าทุกสองสามวันเลยทีเดียว”
“ท่านอาจารย์เฟิงหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นห่วงตนถึงเพียงนี้ เธอคิดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดว่า
“ข้ารอหลังจากที่ท่านปู่ปลีกวิเวกเสร็จแล้วค่อยไปที่วิทยาลัยแล้วกัน ข้ายังมีบางเรื่องที่อยากจะทำที่บ้านก่อนน่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามาสิว่าคนที่ทำร้ายเจ้าเป็นใคร ข้าจะไปล้างแค้นให้เจ้าเอง!” ซือหม่าโยวเล่อพูด
“ไม่ต้องหรอก ศัตรูของข้า ข้าต้องลงมือเองสิจึงจะสะใจ พวกท่านอย่าได้ยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้อีกเลยนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “รอตอนที่ข้ากลับไปยังวิทยาลัยแล้วจะค่อยๆ เล่นงานนางเอง…”
……………………………