บทที่ 49

ได้ยินแบบนี้พวกคนรอบ ๆ ก็พากันหัวเราะออกมา

หลีเหว่ยไม่อาจสะกดความโกรธได้ เขาตะโกนออกมาด้วยความเหลืออด “เหลียงหยวนไอ้ชาติชั่ว นี่มันจะเกินไปแล้วนะ!”

“ไอ้หนู เจ้าไม่รู้เหรอว่ากำลังพูดอยู่กับใคร? เจ้ากล้าขึ้นเสียงกับหัวหน้าของเรา ระวังให้ดี ก่อนที่บิดาของเจ้าคนนี้จะจัดการเจ้า!” สิ้นเสียง ชายร่างใหญ่ก็พลันลุกจากเก้าอี้เข้ามาหาหลีเหว่ยด้วยท่าทีดุเดือด

เขาเดินผ่านถังหยิน ซึ่งชายหนุ่มก็พยายามที่จะหยุดเขา “สหาย พวกเราอยู่ฝั่งเดียวกัน หาใช่ศัตรูไม่ ไม่ต้องใช้กำลังกันหรอก มีเรื่องใจผิดนิดหน่อยเอง ข้าหวังว่าทุกคนจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างสงบสุข”

หลีเหว่ยและทุกคนถอนหายใจ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่พวกกองพันที่ 8 และ 9 ชอบก่อปัญหาแบบนี้ ดังนั้นถังหยินที่เป็นหัวหน้าของทหารพวกนี้จึงได้แต่พยายามใจเย็น ๆ

“ใครมันจะไปอยู่ข้างเดียวกับเจ้ากัน?!” ชายร่างใหญ่คว้ามือถังหยินที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นก็มองเขาด้วยหางตา “อย่าพูดมากไปหน่อยเลย คนที่ต้องพึ่งพาผู้หญิงเพื่อขึ้นตำแหน่งมาน่ะ เจ้าไม่คู่ควรที่จะเรียกหาพวกเราว่าสหายหรอก เพราะงั้นจงหุบปากไปเถอะ!”

ถังหยินหัวเราะออกมา “เจ้าคือ…”

“ข้าคือหัวหน้ากองที่ 2 ของกองพันที่ 8 เจาเม่ง!”

“หัวหน้ากอง ? คนที่มีตำแหน่งแค่เพียงหัวหน้ากองอย่างเจ้ากลับพูดจาเช่นนี้กับแม่ทัพกองพันอย่างข้า?” ถังหยินเอามือไพล่หลังแล้วยิ้มออกมา

“เจ้ามันก็แค่ไอ้แม่ทัพไร้ค่า…” ชายร่างใหญ่พูดออกมา พร้อมกับยื่นมือออกไปเพื่อจะจับเข้าที่คอของถังหยิน

ชายหนุ่มไม่อาจเทียบกับชายตรงหน้าได้ พวกเขามีร่างกายที่ใหญ่กว่ามาก ฝ่ามือของอีกฝ่ายนั้นใหญ่เสียจนน่าจะหักคอของชายหนุ่มได้เสียง่าย ๆ

เมื่อเห็นสิ่งที่คนพวกนั้นกำลังทำ หลีเหว่ยและทุกคนที่ตามมาก็พากันตั้งท่าในทันที พวกเขาพร้อมที่จะพุ่งเข้าไปช่วยเหลือถังหยินในทุกเมื่อ!

ชายหนุ่มเอียงตัวหลบไปด้านข้างก่อนที่มือของอีกฝ่ายจะเข้าถึง ก่อนจะจับเข้าที่มืออีกฝ่าย เขาไม่ได้ใช้กำลังอะไรมากมายนัก แต่ทว่ามันก็ทำให้ข้อมือของชายร่างใหญ่หักอย่างง่ายดาย

กระดูกหักจนทิ่มทะลุเนื้อออกมา ดูน่ากลัวมากทีเดียว ก่อนที่ทุกคนจะทันทำอะไร ถังหยินก็ใช้โอกาสนี้ถีบเข้าไปที่หน้าอกชายร่างใหญ่

อีกฝ่ายกระเด็นลอยออกไปไกลหลายร้อยจั้ง

ชายร่างใหญ่ลอยไปลงบนโต๊ะ จนมันแตกกระจาย ทั้งจอกเหล้าและตะเกียบต่างก็กระเด็นไปทั่วพื้น ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดูหอบหายใจ จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา และดวงตาขาวโพลนสลบไปทันที

ด้วยการเตะเพียงครั้งเดียวถึงกับทำให้ชายคนนี้สลบได้ เมื่อเห็นแบบนี้ทุกคนก็เริ่มหน้าซีดแล้วมองถังหยินด้วยความหวาดกลัวราวกับกำลังจ้องมองปีศาจ

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพลังที่แท้จริงของถังหยิน

ตั้งแต่ต้นจนจบ ถังหยินก็ยังยิ้มอยู่

เขามองชายที่อยู่ข้างอัยเจียและหัวเราะ “ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเป็นแม่ทัพเหลียงหยวน ลูกน้องเจ้าช่างหยาบคายยิ่งนัก ให้ข้าช่วยสั่งสอนเสียหน่อยคงจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”

“ถังหยิน! ไอ้สารเลวกักขฬะ!” ก่อนที่เหลียงหยวนจะได้พูดอะไร หัวหน้ากองอีกคนของเหลียงหยวนก็ได้พุ่งเข้าหาเขา คนที่เร็วที่สุดคว้าเก้าอี้ไว้แล้วหวดใส่หัวของถังหยิน

ชายหนุ่มไม่ได้สนใจ เขายกขาขวาถีบกลับไปเต็มแรง

ผัวะ!

เก้าอี้แตกกระจาย ก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วและคว้าเศษไม้แทงเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่าย เศษไม้ธรรมดากลายเป็นอาวุธสังหาร มันแทงลึกเข้าไปในลำคอของชายคนนั้นจนทะลุออกมาอีกด้าน

ชายผู้นั้นตัวแข็งทื่อ ดวงตาจ้องมองถังหยินที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ร่างของเขาส่ายไปมา ก่อนจะคุกเข่าลง เขากุมคอด้วยตัวที่เลือดกำลังไหลออกมา พร้อมกันนั้นปากของเขาก็มีแต่เลือดที่กำลังเอ่อล้น

“อ๊า…” หัวหน้ากองในกองพันที่ 8 คนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น พวกเขาไม่คิดว่าถังหยินจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ และยิ่งคิดไม่ถึงว่าเขาจะโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้ !

“หึหึ…”

เมื่อเห็นสีหน้าพวกเขา รอยยิ้มบนหน้าถังหยินก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ ชายหนุ่มหัวเราะเสียงแสบแก้วหูออกมาพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนพวกนั้นอย่างช้า ๆ “ถ้าอยากจะมีเรื่องก็เข้ามา ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว จะเข้ามาทีละคน หรือจะเข้ามาพร้อมกันทั้งหมดดีล่ะ? เอาเถอะ ต่อให้มาแบบไหนมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ”

กองพันที่ 8 ถือเป็นกองทหารที่มีฝีมือมากในระดับหนึ่ง มิหนำซ้ำเหลียงหยวนก็ยังถือได้ว่าเป็นคนในตระกูลเหลียง เขามีอำนาจมากพอตัว ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักได้รับความเคารพยำเกรงเสมอ เช่นนี้แล้วพวกเขาไหนเลยจะยอมโดนดูถูกแบบนี้ได้กัน?

หัวหน้ากองบางคนกดความกลัวเอาไว้ในใจและตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็พากันชักดาบ และวิ่งเข้าใส่ถังหยิน

6 คน กับดาบ 6 เล่มทิ่มแทงเข้าใส่ถังหยิน

ทั้งหมดโจมตีเข้าพร้อมกัน ด้วยหวังที่จะไม่ให้ถังหยินหลบได้ แต่ทว่าชายหนุ่มกลับรวดเร็วเสียจนหลบช่องว่างระหว่างดาบได้ทั้งหมดในแบบที่ไม่มีใครมองได้ทัน เขาอ้อมไปด้านหลังและเตะไปที่อีกฝ่าย 3 ครั้ง “ออกไป!”

ผัวะ! พลั่ก! กึ่ก!

รอยเตะประทับลงบนหัวใจของทั้งคนทั้งสาม

หัวใจคือจุดตายของทุกคน ประกอบกับความจริงที่ว่าถังหยินมีกำลังขาที่มาก จึงทำให้คนที่ถูกถีบกรีดร้องออกมาพร้อมร่างที่กระเด็นไปด้านหน้า ก่อนที่พวกเขาจะพากันพากันกระอักเลือดออกมาและสลบไปโดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

อีก 3คนที่เหลือเริ่มหน้าเสีย พวกเขามองถังหยินอย่างตื่นตระหนก พวกเขาจับจ้องไปที่ถังหยินไม่วางตา แต่ถึงอย่างงั้นอีกฝ่ายกลับเข้ามาหาตัวพวกเขาอย่างรวดเร็วจนยากที่จะตั้งรับ

หนึ่งในนั้นป้องกันใบหน้าด้วยฝ่ามือ ก่อนที่จะคุกเข่าลงเพื่อกรีดร้องขอชีวิต ส่วนอีก 2 คนที่เหลือนั้นสามารถยืนทนความเจ็บปวดไว้ได้อยู่ พวกเขากระโดดเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดดูน่าหวาดกลัวไม่ต่างอะไรจากภูตผีในขุมนรกเลยแม้แต่น้อย ตอนที่ทั้งสองยังมีสติดีอยู่ พวกเขาไม่สามารถรับมือถังหยินได้เลย แล้วจะนับภาษาอะไรกับที่ตอนนี้พวกเขาขาดสติแบบนี้ ต่อให้ไม่พูดอะไร ผลลัพธ์ก็คงพอเดากันได้

ถังหยินย่อตัวลง ทำการเตะตัดขาทั้งสองให้ล้ม และตามด้วยลูกเตะที่เล็งเข้ากลางลำตัวอย่างแม่นยำ ทั้งสองกระเด็นไปจนทำลายโต๊ะเก้าอี้ระหว่างทางเสียแหลกลาญ กระทั่งไปหยุดอยู่ที่กำแพง

หัวหน้ากองทั้ง 6 นาย รวมกับอีก 2 คนที่อยู่ตรงหน้าก็เป็น 8 นาย ไม่มีใครสามารถต้านทานถังหยินได้เลย ทุกคนมองภาพนี้ตาไม่กะพริบจนแทบจะลืมหายใจ ไม่มีใครพูดอะไรเลยแม้แต่คนเดียว บรรยากาศที่เคยชุลมุนวุ่นวายกลับเงียบสงบเสียจนผิดปกติ ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่ถังหยิน

ชายหนุ่มไม่ใช่คนใจดีอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจิตใจเมตตาสงสารเลย สายตาของเขามองไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดที่หัวหน้ากองผู้ซึ่งคุกเข่าอยู่ข้างเขา อีกฝ่ายยังคงเอามือกุมจมูก และกรีดร้องไม่หยุด

น่ารำคาญชะมัด!

เขาฉีกรอยยิ้มอันแสนน่ากลัวจนเห็นฟันสีขาว 2 ซี่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะยกดาบขึ้น มองไปที่มือของตน และจ่อปลายดาบไปที่หัวของหัวหน้าหน่วยผู้นั้น เขาก้มตัวลงไปกระซิบ “สหาย ถ้าเจ้าจะโทษใครสักคนละก็ ถ้างั้นจงโทษหัวหน้ากองพันของเจ้าเถอะที่สอนมาไม่ดีพอ อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยมล่ะ!” จากนั้นเขาก็แทงดาบลงไป

ความเร็วของดาบนั้นช้ามากจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกก่อนที่ความตายจะมาเยือน รู้ตัวอีกทีคมดาบก็ได้แทงทะลุหัวใจของคนผู้นั้นเข้าไปแล้ว

ฉึก !

ดาบเล็กแทงทะลุลำคอของหัวหน้ากองคนนั้นเข้าไปจนถึงหัวใจ ทำให้อีกฝ่ายพูดไม่ได้และพ่นฟองเลือดออกมา

คนพวกนี้เคยฆ่าคนมาก็มาก จิตใจของพวกเขาจึงด้านชากับความตาย แต่เมื่อได้เห็นถังหยินใช้วิธีการสังหารคนอย่างโหดเหี้ยม มันก็ทำให้ทุกคนเริ่มหวาดกลัวและไม่กล้าจะเข้าไปหยุดเขา แม้แต่จะส่งเสียงก็ไม่กล้า

พลุ่บ

ร่างนั่นล้มลงไปกองบนพื้นพร้อมกับดาบที่เสียบคาอยู่ ทำให้ทุกคนตื่นตัวกลับมาอีกครั้ง

พรึ่บ!

ทันใดนั้นทั้งโรงเตี๊ยมก็ลุกฮือขึ้นมา

เหลียงหยวน อู่หลีเซียงและลูกน้องต่างก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตัวสั่น เพราะถังหยินได้ฝังความกลัวลึกลงไปในจิตใจพวกเขาจนทำให้อยากจะอาเจียนออกมา ชายหนุ่มนั่งลงบนพื้น เขาเช็ดเลือดออกจากมือด้วยเสื้อของศพบนพื้นอย่างใจเย็น ก่อนจะลุกขึ้นมามองเหลียงหยวนด้วยรอยยิ้ม

“แม่ทัพเหลียง ปล่อยคนของข้าได้หรือยัง?” เขาพูดพร้อมกับหันไปมองอัยเจียแล้วหัวเราะออกมา “หรือไม่งั้นท่านแม่ทัพอู่สนใจอยากจะประลองกับข้าสักหน่อยไหม?”