บทที่ 69 ช่วยดูแลตำลึงเงินให้เจ้า
ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะกินกับข้าวตระกูลจาง เอาให้แม่เฒ่าจางปวดไปทั้งใจได้ยิ่งดี แต่ตำลึงเงินที่แม่เฒ่าจางหมายตา เธอจะไม่ให้แม่เฒ่าจางสักแดงเดียว
เมื่อเห็นว่ากับข้าวจะหมดแล้ว แม่เฒ่าจางจึงมองจางซิ่วเอ๋อด้วยสีหน้าเป็นห่วง “ซิ่วเอ๋อ ข้าได้ยินว่าวันนี้เจ้าซื้อของกลับมาไม่น้อยเลยนี่”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด “ใช่”
เรื่องนี้มีคนในหมู่บ้านเห็นไม่น้อย เธอปิดไม่อยู่หรอก และตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องปิดด้วย เธออยากให้ทุกคนรู้จะตายว่าเธอใช้ตำลึงเงินไปจนหมดแล้ว
“ไอ้หยา เจ้าใช้เงินแบบนั้นได้อย่างไรกัน? ข้ารู้ว่าเจ้ามีตำลึงในมืออยู่นิดหน่อย แต่ถ้าใช้แบบนี้ช้าเร็วเจ้าต้องใช้หมดแน่ ถึงตอนนั้นเจ้ากับชุนเถาจะกินอะไร? ใช้อะไร?” แม่เฒ่าจางพูดด้วยสีหน้ากังวล
นางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “เจ้าน่ะอายุยังน้อย เอาอย่างนี้สิ เจ้าเอาตำลึงเงินให้ข้า ข้าจะเก็บไว้ให้ คราวนี้เวลาเจ้าจะซื้ออะไรจะได้รู้ด้วยว่าใช้ไปเท่าไหร่ ไม่ใช้ตำลึงพวกนี้ไปอย่างสิ้นเปลือง”
จางซิ่วเอ๋อมองแม่เฒ่าจางด้วยดวงตาเบิกกว้าง แม่เฒ่าจางยังหน้าด้านกว่านี้ได้อีกไหมเนี่ย?
เธอน่ะเหรอใช้ตำลึงเงินพวกนี้ไปอย่างสิ้นเปลือง? ถ้าเอาตำลึงพวกนี้ให้แม่เฒ่าจาง ก็เหมือนเอาซาลาเปาให้หมา เสียไปไม่อาจได้คืน อนาคตตัวเองอย่าหวังจะได้คืนเลยแม้แต่แดงเดียว!
จางซิ่วเอ๋อจะโดนแม่เฒ่าจางหลอกด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคแบบนี้ได้อย่างไรกัน เธอปฏิเสธทันควัน “แบบนั้นคงไม่ได้”
แม่เฒ่าจางมีท่าทางร้อนรนขึ้นมาในทันที เสียงก็แหลมขึ้น “ทำไมล่ะ? หรือเจ้ากลัวข้าใช้ตำลึงเจ้าเหรอ? เจ้านี่ไม่เชื่อใจย่าอย่างข้าเหรอ? ระแวงย่าเหรอ?”
“ต้าหู เจ้าดูลูกสาวเจ้าสิ เสียคนหมดแล้ว ออกไปอยู่ได้กี่วันเอง ก็เหินห่างกับคนบ้านเราเสียแล้ว” แม่เฒ่าจางแค่นเสียง
จางต้าหูมองจางซิ่วเอ๋ออย่างตำหนิ “เจ้าคนโต เชื่อที่ย่าเจ้าบอกเถอะ ย่าเจ้าก็หวังดีกับเจ้า ถ้าเจ้าใช้ตำลึงจนหมดแล้ว ชีวิตหลังจากนี้จะอยู่อย่างไรเล่า?”
จางซิ่วเอ๋อมองจางต้าหูด้วยสายตาเย็นเยียบ เวลาแบบนี้พ่อคนนี้รู้จักเป็นห่วงตัวเองแล้ว เธอขอไม่พูดเรื่องแสนเศร้าต่าง ๆ เมื่อก่อนหน้านี้ของเจ้าของร่างที่เธอไม่ได้ประสบเองแล้วกัน
เพียงเธอมาอยู่ตระกูลจางได้ไม่กี่วัน ก็ได้ลิ้มรสของโลกใบนี้จนครบ
ตอนนั้นที่เธอและชุนเถาเพิ่งออกจากบ้านตระกูลจาง ไม่มีที่พักพิง ไม่มีข้าวกิน พ่อคนนี้ไปอยู่ที่ไหน? เวลานั้นทำไมไม่รู้จักเป็นห่วงเธอ?
ถึงจางซิ่วเอ๋อไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาเธอกลับจ้องจางต้าหูเขม็ง
จางต้าหูรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาในใจอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่รู้ทำไม จู่ ๆ เขาก็พบว่าตัวเองเริ่มกลัวสายตาคมกริบดั่งธนูของจางซิ่วเอ๋อ สายตานั้นดูราวกับสามารถทิ่มแทงไปที่ใจเขาได้
จางซิ่วเอ๋อคลี่ยิ้ม “พวกท่านไม่ต้องห่วงว่าข้าจะซี้ซั้วใช้ตำลึงเงินหรอก เพราะตำลึงเงินน่ะถูกใช้หมดเกลี้ยงแล้ว”
จางอวี่หมินเริ่มนิ่งเฉยไม่ไหวแล้ว นางลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง สายตาจ้องจางซิ่วเอ๋อราวกับพ่นไฟได้ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ตำลึงหมดได้อย่างไรกัน? เจ้าพูดมาให้ชัดเลยนะ!”
เหตุที่จางอวี่หมินต้องร้อนใจก็เพราะแม่เฒ่าจางสัญญากับนางไว้ว่าถ้าเอาตำลึงนี่มาได้ มันจะถูกใช้เป็นสินเดิมให้จางอวี่หมินในอนาคต พอได้สินเดิมนี่มา ต่อให้จางอวี่หมินอยากจะแต่งเข้าเมืองก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
อย่างไรเสียในหมู่บ้านเล็ก ๆ ตามเขาแบบนี้ ไม่มีบุตรสาวบ้านไหนที่ให้สินเดิมมากกว่า 10 ตำลึงหรอก
จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วมองจางอวี่หมิน “อาเล็ก ข้าใช้ตำลึงหมดแล้วเจ้าจะอารมณ์เสียขนาดนั้นทำไมกัน? คนไม่รู้มาได้ยินเข้าจะนึกว่าข้าใช้ตำลึงของเจ้าเอานะ!”
จางอวี่หมินกัดฟัน “จางซิ่วเอ๋อ เจ้ามัน…..”
จางซิ่วเอ๋อแคะหูทำท่าล้างหูพร้อมรับฟัง คำด่าของจางอวี่หมินล้วนเรียนรู้มาจากแม่เฒ่าจาง เธอฟังจนชินจนปลอดเชื้อแล้ว
แม่เฒ่าจางตัดบทจางอวี่หมิน กลัวว่าจางอวี่หมินจะพูดอะไรออกมาผิดเวล่ำเวลา นางมองจางซิ่วเอ๋อด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “ซิ่วเอ๋อ อาเล็กเจ้าเป็นห่วงน่ะถึงได้เป็นแบบนี้ ถ้านางไม่เป็นห่วงเจ้า กลัวว่าชีวิตหลังจากนี้ของเจ้าจะลำบาก จะสนใจทำไมว่าเจ้าเอาตำลึงไปใช้กับอะไร?”
“วันนี้เจ้าต้องบอกข้ามาให้ชัดนะ เจ้าได้ตำลึงมามากขนาดนั้น เจ้าเอาไปใช้กับอะไรหมด?” แม่เฒ่าจางถามอย่างคาดคั้น
จางอวี่หมินยกมือเท้าสะเอว มือข้างหนึ่งยกขึ้นชี้นิ้วใส่จางซิ่วเอ๋ออย่างเกรี้ยวกราด “เจ้ารีบพูดมานะว่าเจ้าเอาตำลึงไปใช้กับอะไรจนหมด?”
จางต้าหูอีกด้านก็มองจางซิ่วเอ๋ออย่างตั้งคำถาม
จางซิ่วเอ๋อมองไปรอบ ๆ และหัวเราะ “นี่พวกท่านตั้งศาลสอบสวนหรืออย่างไร? หรือลูกสาวที่แต่งงานออกไปตั้งตัวเองแล้วอย่างข้า ต้องรายงานพวกท่านแม้กระทั่งใช้ตำลึงอย่างไรด้วยเหรอ?”
จางต้าหูเอ่ยเสียงเข้ม “เจ้าคนโต! พวกเราหวังดีกับเจ้านะ!”
ขณะนั้นแม่โจวพูดเสียงเบา “ซิ่วเอ๋อโตแล้ว ตำลึงนั่นใช้ไปอย่างไรนางรู้อยู่แก่ใจ พวกเราที่เป็นผู้ใหญ่อย่าไปยุ่งเลย”
แม่โจวพูดอย่างเป็นธรรม จางซิ่วเอ๋อได้ยินแล้วซาบซึ้งมาก ในบ้านนี้มีแค่แม่โจวกับซานหยาที่จะปกป้องเธอ แต่อย่างไรเสียคำพูดแม่โจวก็ไม่มีน้ำหนัก เวลานี้ไม่กล้าแม้แต่จะพูดเสียงดัง
จางซิ่วเอ๋อจึงไม่ได้คาดหวังว่าแม่โจวจะช่วยอะไรได้
นี่ไงล่ะ แม่โจวเพิ่งเอ่ยปาก แม่เถาก็พูดด้วยน้ำเสียงแปร่ง ๆ “น้องสะใภ้ ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะว่าเจ้านะ เจ้ามีลูกสาวถึง 3 คนมันก็แย่พอแล้ว ตอนนี้เจ้ากลับไร้น้ำยาจนคุมลูกคนนี้ไม่อยู่!”
จางซิ่วเอ๋อมองแม่เถาด้วยสายตาเย็นเยียบ “ท่านเก่งนี่ที่มีลูกชาย แต่ลูกชายท่านก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่เลอค่าที่สุดในบ้านนี้เสียหน่อย!”
พูดมาถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็มองจางอวี่หมินอย่างมีความหมาย
แม่เถาโดนแทงใจดำ สีหน้ามืดครึ้มลงทันที นางอับอายจนรู้สึกโมโหขึ้นมา กระแทกตะเกียบกับโต๊ะดังปัง ไม่เขี่ยหาเนื้อในกะละมังแล้ว
แม่เฒ่าจางเห็นแล้วก็เอ่ยเสียงเย็น “เจ้าพูดจาอะไรของเจ้า? พวกเราก็แค่หวังดีเป็นห่วง เจ้าทำอย่างกับพวกเราอยากได้ตำลึงพวกนั้นอย่างนั้นแหละ!”
จางซิ่วเอ๋อมองแม่เฒ่าจางด้วยรอยยิ้มจาง ๆ หรือนางไม่อยากได้ตำลึงของตัวเองกัน?
“ข้ารู้ว่าพวกท่านเป็นห่วงข้า แต่เรื่องนี้ขอให้จบเพียงเท่านี้เถอะ ข้าบอกแล้วว่าตำลึงเงินพวกนี้ข้าใช้หมดแล้ว ไม่ว่าพวกท่านจะเป็นห่วงข้าก็ดี หรือมีแผนอะไรกันก็ดี ตำลึงนี่หมดแล้ว ข้าจะทำอะไรได้?” จางซิ่วเอ๋อยืนกรานว่าใช้ตำลึงเงินหมดแล้ว
พูดไปจางซิ่วเอ๋อก็มองกะละมังกับข้าวบนโต๊ะที่มีสภาพเละเทะยับเยินแล้วลุกขึ้น เมื่อครู่นี้จางอวี่หมินกับแม่เถาสองคนใช้ตะเกียบค้นกะละมังจนกับข้าวเละเทะหมด
ไหนจะสือโถวอีก บนตะเกียบของเขาเปื้อนน้ำลายอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ยื่นเข้าไปในกะละมังกับข้าว มันทำให้เธอหมดความอยากอาหารนานแล้ว
……………………………………………………