ตอนที่ 63 : ท้าทาย
ผู้เข้าแข่งขันต่างก็มั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง พวกเขาอยากจะเพิ่มอันดับให้ตัวเองติด 1 ใน 500 อันดับแรก ให้ได้เพื่อที่จะได้เข้าร่วมมหาวิทยาลัยที่ตนเองตั้งเป้าเอาไว้
หากพวกเขาขึ้นไป 100 อันดับแรกได้ งั้นพวกเขาก็จะมีสิทธิ์เข้าร่วมมหาวิทยาลัยหัวเซี่ย
ในวันที่สาม หวังเย่าก็ยังคงชนะ
วันที่สี่ก็เช่นกัน
วันที่ห้าเขาชนะรวด
วันที่หกเขาก็ยังไม่พบกับความพ่ายแพ้
วันที่เจ็ดเขาก็ยังดูแข็งแกร่งดังเดิม
ความสามารถในการแข่งขันของหวังเย่านั้นน่าทึ่ง เสียงโห่ร้องเรียกชื่อเขาดังขึ้นมาเรื่อย ๆ ตอนนี้เขาได้กลายเป็นหนึ่งในนักเรียนชั้นนำที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในการแข่งขันให้กับผู้ใดมาก่อน
หวังเย่าได้แสดงความแข็งแกร่งและได้รับการยอมรับมากขึ้น แม้แต่โรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์ก็ยังโด่งดังไปด้วยเพราะความแข็งแกร่งของเขา
ดังนั้นข้อมูลของหวังเย่าจึงถูกหยิบยกขึ้นมาพูด แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขามีผู้ตรวจสอบระดับ 4 ดาวเป็นผู้ปกครอง ดังนั้นหลายกองกำลังจึงเริ่มหวังว่าจะเชิญชวนหวังเย่าเข้ากลุ่มให้ได้ และยอมใช้ทรัพยากรทุกอย่างเพื่อฝึกฝนเขา
แต่หวังเย่ากลับปฏิเสธ เขาไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินแต่อย่างใด แม้ว่าจะให้ค่าจ้างเป็นล้านแต่ในสายตาของเขามันก็ไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก เพราะเขามีวิธีมากมายในการหาเงิน
ชื่อเสียงของหวังเย่าโด่งดังขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่จ้าวเมิ่งซีก็ยังแพ้ไป 2 ครั้งแต่เขากลับไม่แพ้เลย มันทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นจนไม่มีใครกล้าดูถูกเขาอีก
เหลิ่งจื่อมู่ถึงกับหมดหนทาง
จ้าวซื่อและจ้าวซวนได้แต่มองหน้ากัน สุดท้ายก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับความจริง
และตอนนี้ ทั้งเหลิ่งจื่อมู่และจ้าวซื่อก็ได้โอนเงินให้กับหวังเย่าคนละ 1 ล้านเครดิตแล้ว
“ไม่คิดเลยว่านายจะซ่อนคมได้ลึกขนาดนี้” จ้าวเมิ่งซีพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มจนทำให้โลกนี้ดูหม่นหมองไป เมื่อเทียบกับรอยยิ้มของเธอ
“ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่” หวังเย่ายิ้มออกมา “สองสามวันนี้ฉันเหนื่อยมาตลอด กลางวันแข่ง บ่ายไปคลับเพื่อฝึกซ้อม ตกเย็นมาก็ต้องไปซื้อของกับเธออีก”
“นายหมายความว่าไม่อยากไปกับฉันงั้นซิ ? ” จ้าวเมิ่งซีมองไปที่หวังเย่าด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ? ” หวังเย่าใช้นิ้วจิ้มไปที่มือของเธอแล้วพูดขึ้น “เข้ามหาวิทยาลัยหัวเซี่ยด้วยกันเถอะ”
“ก็ได้” จ้าวเมิ่งซีหน้าแดงก่ำและมองไปที่หวังเย่าด้วยความเขินอายเล็กน้อย
หลังจากได้ 500 รายชื่อแรกแล้ว พวกเขาก็จะจัดอันดับจากคะแนนที่ชนะ จากนั้นก็จัดการแข่งขันที่ท้าทายอีก 2 วัน ซึ่งพวกที่อันดับรั้งท้ายสามารถท้าสู้กับพวกที่อันดับสูงกว่าได้ หากเอาชนะได้ก็จะขึ้นไปแทนที่อีกฝ่าย
แต่ละคนมีสิทธิ์ท้าทาย 3 ครั้งและมีโอกาสสามครั้งในการรับคำท้า เมื่อถูกท้าแล้วก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ มีผลลัพธ์แค่สองอย่างที่รออยู่ซึ่งก็คือแพ้หรือชนะเท่านั้น
หวังเย่าชนะทุกรอบ แต่ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ชนะแบบนี้ ผู้เข้าแข่งขันอีก 20 คนต่างก็ชนะทุกรอบเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนวณตามเวลาที่ใช้และความสามารถที่แสดงออกมา รวมไปถึงรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ หวังเย่าจึงได้ที่ 6 ไปครอง ส่วนจ้าวเมิ่งซีได้ที่ 66
หลังจากที่พัก 1 วัน การแข่งขันจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซียังนั่งอยู่ด้วยกันและรอการท้าทายจากคนอื่น ๆ
ผลก็คือพวกเขาได้แต่รอแทบทั้งวัน
“ฉันสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีใครมาท้าฉันเลย” หวังเย่าถามขึ้นมา
“ก็นายแข็งแกร่งจนแม้แต่ 4 อันดับแรกของเมืองอย่างตงฟางจิ้งก็ยังสู้ไม่ได้” จ้าวเมิ่งซีกรอกตาใส่ “ ในทางกลับกันเป็นฉันต่างหาก อันดับของฉันยังต่ำอยู่ แต่ทำไมถึงไม่มีใครมาท้าแข่งกับฉันล่ะ”
หวังเย่ามองไปที่จ้าวเมิ่งซีด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “จะมีคนมาท้าแข่งกับเธอได้ยังไง ? นอกซะจากว่าสมองของเขาจะมีปัญหา”
“ทำไมนายถึงพูดแบบนั้น ? ” จ้าวเมิ่งซีถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เฮ้อ…ถ้าไม่นับรวมกับการที่เธอสวยซะจนไม่มีใครอยากจะทำร้ายเธอ พ่อของเธอก็ยังดูการแข่งนี้ด้วย ใครกันจะกล้าลงมือกับเธอ ? ” หวังเย่าพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“เอ่อ…ถึงจะพูดแบบนั้น งั้นทำไมฉันถึงได้แพ้ 2 เกม ทำไมถึงไม่ให้ฉันชนะตลอด ? ”
“การแข่งขันแบบท้าสู้ครั้งนี้มีหลายเป้าหมายให้เลือก หากแพ้ก็แค่อยู่อันดับเดิม ที่ผ่านมาระบบเป็นคนหาคู่ต่อสู้ให้ ในรอบที่แล้วคู่ต่อสู้ของเธอมีความต้องการที่จะชนะอย่างแรงกล้า แต่ก็หลีกเลี่ยงที่จะทำร้ายเธอโดยตรง เพราะพ่อเธอนั้นมีตำแหน่งที่ใหญ่โต เขาสามารถจัดการคนที่ทำร้ายเธอได้ง่าย ๆ ตราบใดที่ไม่มีใครทำร้ายเธอ เขาก็ไม่เคลื่อนไหว ครั้งนี้เมื่อทุกคนเลือกคู่ต่อสู้ได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะเลือกต่อสู้กับเธอยังไงล่ะ” หวังเย่าพูดขึ้นด้วยท่าทีอิจฉานิด ๆ
ในตอนที่ทั้งสองพูดคุยกันนั้นพวกเขาก็ยังดูการต่อสู้ที่ลานไปด้วย
แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้น่าสนใจเหมือนที่คาดเอาไว้
“พรุ่งนี้พวกเขาจะต้องมาเริ่มท้าทายมากยิ่งขึ้นแน่ หากพวกเขาใช้สิทธิ์ทั้งหมดไปในวันนี้ งั้นมันก็เท่ากับเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เตรียมตัวขึ้นแซงหน้าพวกเขา” หวังเย่ามองความคิดของคนพวกนี้ออก เพราะเขาเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
“สำหรับฉัน 10 อันดับแรกรึที่สองคงไม่พอ ต้องที่ 1 เท่านั้น “
เป้าหมายของหวังเย่าคือที่ 1 ของการแข่งขันนี้ แต่เขาไม่ได้รีบร้อนไปท้าทาย เขาจะรอดูว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปยังไง เพราะเขาไม่มั่นใจว่าจะรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้หรือไม่ หลังจากที่ได้ที่ 1 มาครอง
ทางที่ดีที่สุดคือให้คนอื่นมาท้าทายเขาเพื่อลดโอกาสรับคำท้า 3 ครั้ง สุดท้ายเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกท้าเพื่อแย่งตำแหน่งที่ 1 ไปอีก
แน่นอนว่าสำหรับที่ 1 นี้เขาไม่อาจจะปล่อยให้คนอื่นได้ เขาไม่อาจจะละสายตาจากคนที่ครองตำแหน่งนี้ได้
หากมีคนท้าทายคนที่ได้อันดับ 1 และอันดับ 1 ใช้สิทธิ์รับคำท้าไปแล้ว 3 ครั้ง งั้นเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะแย่งอันดับนั้นมาครอง
ดังนั้นหากมีคนท้าทายคนที่ได้อันดับ 1 ครบ 2 ครั้ง หวังเย่าก็จะใช้โอกาสนี้ท้าสู้กับอีกฝ่าย ถึงจะมีโอกาสโดนท้าสู้ในภายหลัง แต่เขาก็ต้องรับความเสี่ยงนี้เอาไว้
ในวันที่สองของการแข่งขันซึ่งก็คือวันสุดท้าย หวังเย่าก็เหมือนถูกบังคับให้ท้าสู้กับคนที่ได้อันดับ 1
เพราะอีกฝ่ายรับคำท้ามาแล้ว 2 ครั้งและครองอันดับหนึ่งไว้ได้ มันคือโอกาสสุดท้ายที่จะรับคำท้านี้
“ฉันจะไปท้าทายเขา” หวังเย่าส่งสัญญาขอท้าสู้เป็นครั้งแรก มันทำให้คนอื่น ๆ ต่างก็พากันลังเลและคาดหวัง
เพราะความแข็งแกร่งของหวังเย่านั้นสูงจริง ๆ เขาอาจจะได้อันดับ 1 รึ 2 มาครองอย่างแน่นอน
หากหวังเย่าได้ที่ 1 งั้นพวกเขาก็สามารถท้าสู้กับหวังเย่าเพื่อชิงตำแหน่งนี้มาได้ ยังไงซะ หวังเย่าก็ยังไม่โดนท้าสู้ มันยังมีโอกาสอีก 2 ครั้งในการท้าสู้กับเขา
กรรมการรับคำท้าของหวังเย่าก่อนจะมองไปที่ตารางแล้วพูดขึ้น “หลี่จื้อเฉิงเพิ่งถูกท้า ตามกฎแล้วจะมีเวลาพัก 1 ชั่วโมงจากนั้นจะเริ่มทำการแข่งขัน เตรียมตัวให้พร้อม”
หวังเย่าพยักหน้าก่อนจะกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง คู่ต่อสู้เองก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้ามั่นใจเช่นกัน
“หวังเย่า ระวังตัวด้วย หลี่จื้อเฉิงน่ะแข็งแกร่งไม่อาจจะมองข้ามได้ เขาคือคนที่แกร่งที่สุดของโรงเรียนดาวม่วงตลอด 3 ปี แม้ว่าตระกูลของเขาจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่ก็มีกลุ่มยักษ์ใหญ่คอยฝึกฝนให้กับเขาอยู่”
“ว่ากันว่าเขามีความแข็งแกร่งติดระดับท็อปเท็นของเด็กใหม่ในมหาวิทยาลัยหัวเซี่ย” จ้าวเมิ่งซีกังวล