ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 33 ตบหน้าตัวเอง!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ภายใต้การควบคุมของเซียวเซิง ฝ่ามือทั้งสองของตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์พลันลอยขึ้น และลอยผ่านไปราวกับภาพลวงตา

ดุจพระอาทิตย์กำลังคล้อยตกดิน แสงสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่แปรเปลี่ยนเป็นภาพต่างๆ ทั้งสวยงาม ขมขื่น และลึกลับ

หัตถ์เงาสนธยา

วรยุทธ์วิชาสายหลักของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นวิชาเจ็ดสุริยะเช่นเดียวกันกับหัตถ์เทพกลางเวหา

นับเป็นชื่อวรยุทธ์วิชาที่มีชื่อเรียกตามการเปลี่ยนแปลงกระบวนท่า ในบรรดาวรยุทธ์วิชาที่มีจำนวนไม่มากของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

เซียวเซิงได้ฝึกฝนและค้นคว้าวรยุทธ์วิชานี้มานานหลายปี จนรู้ลึกถึงแก่นแท้ของวิชาแล้ว

แม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ร่วมสำนักที่มีวรยุทธ์แก่กล้ามากกว่าเขา ก็ยังมีความรู้ความเข้าใจในวรยุทธ์วิชานี้ไม่เท่าเขาด้วยซ้ำ

ภายใต้การกระตุ้นปราณจิตราของเซียวเซิง ตุ๊กตาหุ่นกระบอกนั้นราวกับจอมยุทธ์ที่มีชีวิต มันแสดงวรยุทธ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนมากมายนี้ออกมาได้ทุกรายละเอียด

“ขนาดควบคุมตุ๊กตาหุ่นกระบอกยังทำได้ถึงเพียงนี้ แล้วถ้าเจ้าตัวเซียวเซิงใช้เอง จะมีอานุภาพเพียงใดกัน”

ลูกศิษย์ของเขากว่างเฉิงที่ดูการปะทะอยู่ข้างๆ ต่างก็รู้สึกขมในคอ ฝ่ามือค่อยๆ มีเหงื่อซึมออกมา

สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มองตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับมองมือที่กำลังควบคุมตุ๊กตาหุ่นกระบอกของเซียวเซิง

เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่โจมตีมาด้วยพลังอันร้ายกาจ ตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านตงก็ฟาดฟันดาบออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง!

ในสายตาของทุกคน ตุ๊กตาหุ่นกระบอกที่แต่เดิมห้อยระโยงรยางค์ บัดนี้ราวกับเปลี่ยนเป็นเซียนมังกรผู้ทรงพลัง มันเหินทะยานขึ้นฟ้า ทำลายบรรดาภาพลวงตาที่เกิดจากแสงสนธยายามพลบค่ำออกทั้งหมด

แสงสีเขียวกระจายตัวออก ราวกับมังกรสะบัดเกล็ด บินเหินลัดฟ้า

ภาพลวงตาถูกทำลายทีละชั้น ประดุจฟองอากาศในความฝัน

แม้ว่าอาวุธที่อยู่ในมือของท่านตงจะเป็นดาบที่ทำจากไม้ แต่เยี่ยนจ้าวเกอก็ใช้ดาบแทนกระบี่โดยไม่สนใจรูปลักษณ์ของมัน กระบวนท่าเพลงกระบี่มังกรเขียวในชายเสื้อยังคงวิเศษสุดยอด และสลายวิชาอรหันต์เงาสนธยาของเซียวเซิง

ลูกศิษย์ของเขากว่างเฉิงส่งเสียงร้องยินดีพร้อมกันทันที

มุมปากของเซียวเซิงกลับเผยให้เห็นรอยยิ้มเยือกเย็น

“คิดว่าข้าเหมือนเฉาหยวนหลง ที่เป็นควายป่าเก่งแต่ใช้กำลังหรืออย่างไร”

พูดแล้ว เซียวเซิงก็บังคับตุ๊กตาหุ่นกระบอกให้เปลี่ยนกระบวนท่าดูซับซ้อนมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่มหัศจรรย์มากมายของวิชาหัตถ์เงาสนธยาพลันปรากฏขึ้น

ภายใต้การกระตุ้นของปราณจิตรา ตุ๊กตาหุ่นกระบอกของท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์เริ่มมีแสงอ่อนๆ ไหลเวียน ราวกับแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์เข้าปกคลุมท่านตงอีกครั้ง

ครั้งนี้ ภาพลวงตานอกจากสวยงาม ขมขื่น ลึกลับ และมีการแปรเปลี่ยนสารพัดแล้ว ยังมีความรู้สึกสิ้นหวังเพิ่มเข้ามาด้วย

พระอาทิตย์ตกลับภูเขา ผืนแผ่นดินกำลังเข้าสู่ความมืดมิดยามค่ำคืน ขอบฟ้าเหลือเพียงแสงสนธยาสุดท้าย

ไม่ว่าจะพยายามยื้อดึงอย่างไร ไม่ยอมเพียงไร ก็เป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์

สิ่งที่จะเกิด ไม่ว่าอยางไรก็ต้องเกิด!

วินาทีนี้เซียวเซิงแสดงความหมายเบื้องลึกที่แท้จริงของวิชาหัตถ์เงาสนธยาออกมาจนหมดสิ้น

แสงสลัวยามสนธยาราวกับกรงขังแห่งความสิ้นหวัง ปกคลุมตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านตงไว้

กระนั้นกระบวนท่าเพลงกระบี่มังกรเขียวในชายเสื้อของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ยังคงราวกับมังกรฟ้าพุ่งทะยานขึ้นในอากาศ ล้ำเลิศเหนือชั้น

แต่วินาทีนี้ก็ทำได้แค่เพียงเบิกตากว้าง มองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับไป โดยที่ไม่สามารถรั้งดึงการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาตินี้ได้

แสงกระบี่สีเขียวมืดลงในพริบตา ด้วยเพราะแสงอาทิตย์มัวหม่น ความมืดมิดมาเยือนตรงหน้าทุกคนที่กำลังดูการประลองอย่างฉับพลัน และกลืนกินตุ๊กตาหุ่นกระบอกทั้งสองเข้าไป

เซียวเซิงยิ้มพลางกล่าว “สิ่งที่ต้องล่วงลับ สุดท้ายก็ต้องล่วงลับไป”

“การระลึกคิดถึงก็เป็นแค่การกระทำที่เปล่าประโยชน์เท่านั้น!”

ปราณจิตราของเขาพลันสั่นสะเทือน ฝ่ามือทั้งสองของตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์ฟาดลงบนจุดสำคัญบริเวณหน้าอกของท่านตงแล้ว!

“เหอะๆ…” เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพตรงหน้า ในดวงตาฉายแววเยือกเย็น

ในขณะเดียวกัน ร่างกายของตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านตงก็บิดตัวด้วยความเร็ว และสะบัดข้อมือครั้งหนึ่ง!

ปลายดาบไม้เก็บเข้าหาตัว และรวมเป็นหนึ่งกับร่างกายของตุ๊กตาหุ่นกระบอก

พลังความสามารถที่เดิมทีถูกปลดปล่อยออกมาอย่างโดดเด่น จู่ๆ ก็กลับเป็นธรรมดา

ราวกับเก็บกระบี่เข้าฝัก ดุจมังกรแท้บินเหินอยู่กลางฟ้า หลบลอดซ่อนตัวไปในกลีบเมฆ

มังกรเขียวในชายเสื้อ เพลงกระบี่มังกรเมฆาซ่อนกระบี่!

รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเซิงหุบลง ในใจเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น

เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่รู้สึกยินดี ราวกับมีหนามแหลมทิ่มบนแผ่นหลัง!

เยี่ยนจ้าวเกอบังคับท่านตงให้ใช้กระบวนเพลงกระบี่กระบวนหนึ่ง เสี้ยววินาทีนี้เซียวเซิงรู้สึกเพียงว่าฝ่ายตรงข้ามหายไปจากตรงหน้าของตนเองอย่างไร้ร่องรอยเท่านั้น

ทั้งๆ ที่เยี่ยนจ้าวเกอยังอยู่ที่ที่เดิม เซียวเซิงฟาดฝ่ามือลงไปคิดว่าต้องโดนอีกฝ่ายเข้าอย่างจังแน่ แต่สุดท้ายกลับเจอแต่อากาศ!

“กลลวงหลอกเด็ก กลปาหี่!” เซียวเซิงตะคอกด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เสียงทุ้มใหญ่เล็กแหลมขึ้นมาเล็กน้อย

เขาบังคับตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ฝืนเก็บพลังบนฝ่ามือของตนเองไม่ให้ปล่อยออก และพยายามพินิจสัมผัสถึงฝ่ายตรงข้าม

เมื่อเริ่มจับร่องรอยของเยี่ยนจ้าวเกอได้บ้างแล้ว ร่างกายของท่านตงก็ขยายใหญ่ขึ้น!

ราวกับเมฆที่ถูกฟ้าผ่าออก คมกระบี่เยือกเย็นระเบิดออก โดยมีเป้าหมายที่ท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์

คล้ายกับมังกรลอดเข้าไปในหมู่เมฆ แล้วจู่ๆ ก็โผล่เอาหัวออกมา!

สถานการณ์ในตอนนี้เหมือนกลยุทธ์โจมตีกลับอย่างฉับพลันของสงครามมนุษย์ ที่เล่นงานโดยที่ไม่ให้ศัตรูได้ตั้งตัว

เซียวเซิงแสยะยิ้ม ฝ่ามือที่เก็บซ่อนพลังไว้ระเบิดออกมาเช่นเดียวกัน และปะทะกับการโจมตีของเยี่ยนจ้าวเกอเข้าอย่างจัง

“ครั้งนี้จับเจ้าได้แล้ว!”

ขณะที่กำลังคิดอยู่ เซียวเซิงก็ต้องตกตะลึง เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เดิมทีพลังกระบี่แผ่ซ่านถูกเก็บซ่อนไปในพริบตาอีกครั้ง และหายไปอย่างไร้ร่องรอย!

วิชาซ่อนกระบี่อีกแล้ว!

วิชามังกรเมฆาซ่อนกระบี่ ก่อให้เกิดภาพสมจริง สอดประสานกับการเคลื่อนไหว ราวกับมังกรซ่อนตัวในกลีบเมฆ ไร้ซึ่งร่องรอย และไม่อาจาดการณ์ได้!

วิชาหัตถ์เงาสนธยาของเซียวเซิงล้มเหลวโดยสิ้นเชิง!

และในวินาทีถัดมา แสงกระบี่สีเขียวก็สว่างเจิดจ้าขึ้น ค่อยๆ ฉีกฉากความมืดมิดออก และให้แสงสว่างกลับคืนสู่ผืนแผ่นดินอีกครั้ง!

“พระอาทิตย์ตกดินไป ก็มีรุ่งอรุณเสมอ อาจมีเมฆบดบังไว้บ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องมีเวลาที่เมฆคลายหมอกสลายไป และทำให้แสงสว่างกลับคืนสู่ผืนปฐพีอีกครั้ง”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดช้าๆ พร้อมรอยยิ้ม เขาใช้ดาบแทนกระบี่ ชี้ปลายดาบของท่านตงตรงไปยังหน้าอกของท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์!

นัยน์ตาของเซียวเซิงพลันหดตัว แต่ก็ไม่อาจบังคับตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์ให้หลบพ้นได้ทัน

แสงสีทองไร้รูปร่างหลายสายไหลเวียนไปมาในร่างของตุ๊กตาหุ่นกระบอกของท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์

การป้องกันด้วยปราณจิตราเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด ฝืนกัดฟันทนต้านการโจมตีครั้งนี้ของท่านตง

แต่แสงสีเขียวที่ปลายดาบอันแหลมคมของท่านตงก็มีแสงสีทองกะพริบอยู่เช่นกัน

ดาบไม้ในขณะนี้ราวกับเป็นกระบี่เหล็กยาวของจริง พยายามทำลายเกราะป้องกันปราณจิตราของฝ่ายตรงข้าม และแทงเข้าไปที่หน้าอกของตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์!

“เหอะ!”

เซียวเซิงแค่นหัวเราะ ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงครั้งหนึ่ง ทำให้ปราณจิตราที่อยู่บนตัวของตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ระเบิดออก!

ตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านสุริยันศักดิ์สิทธิ์แตกละเอียดเป็นอันดับแรก ดาบไม้ที่เสียบเข้าไปในร่างกายก็แตกออกเช่นกัน

พลังนี้ก็ยังแผ่กระจายไปตามไม้ดาบจนถึงตัวของตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านตง ร่างกายของตุ๊กตาหุ่นกระบอกท่านตงก็แตกเป็นเศษเสี้ยวทันทีเช่นเดียวกัน!

เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่โมโห เขาเก็บมือกลับไปไพล่หลัง และมองเซียวเซิงอย่างสบายอกสบายใจ

เซียวเซิงจ้องเขม็งไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ ดวงตาหรี่เล็กเป็นเส้นตรง แววตาแห่งความดุร้ายทอประกายอยู่ในนั้น

หนวดเคราบนใบหน้าของเขาขยับไม่หยุด ตามลมหายใจหอบหนักของเขา

แม้ว่าจะไม่ได้แพ้จนหมดหน้าหมดตา หมดเปลือกหมดรูปเหมือนอย่างเฉาหยวนหลง แต่เซียวเซิงในตอนนี้ก็รู้สึกอับอายและโมโหมากเช่นกัน รู้สึกได้ถึงความแสบร้อนบนใบหน้าเลยทีเดียว

เขาเป็นคนเลือกวิธีการประลองเอง สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายทำผิดกฎกติกาก่อน เหมือนกับการตบหน้าตัวเอง

ฉากจบเสมอกันที่ดูเหมือนตายพร้อมกัน แต่ความจริงแล้วเขาแพ้ไปแล้วตั้งแต่ก่อนหน้านั้น

เยี่ยนจ้าวเกอเหล่ตามองเซียวเซิง แล้วยักไหล่ “ที่จริงแล้วข้าเห็นด้วยกับคำพูดของเจ้า คนไม่ควรมีชีวิตที่ยึดติดอยู่กับอดีต”

“อยู่กับปัจจุบัน มองไปยังอนาคตถึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”

ความหมายที่อยู่ภายในคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ มีหรือเซียวเซิงจะฟังไม่ออก?

เซียวเซิงจ้องเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง แล้วพยักหน้าช้าๆ “เยี่ยนจ้าวเกอ เจ้าเก่งมาก”

“ข้ายอมรับว่าแต่ก่อนข้าดูถูกเจ้า แต่ไม่เป็นไร พวกเรา ยัง มี เวลา อีก เยอะ!”

พูดจบ เซียวเซิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังกลับแล้วเดินจากไป

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเบาๆ ครั้งหนึ่ง “เวลาเดินไปข้างหน้าเสมอ เจ้าคิดเช่นนั้นไม่ได้หรอก”

………….