บทที่ 68 รุมล้อม

“โฮกกกก”

เสียงคำรามชนิดหูดับได้นั้นได้ดังไล่หลังแพะเขาเดียวฝูงนี้มา และนี่เองทำให้ท่าทีของทั้งเจ็ดคนเปลี่ยนไปในทันที

“ไอ้ลิงแก่เหรอ”

กัวเหลียงและคนอื่นๆในตอนนี้ไม่มีใครสนใจเนื้อแพะเขาเดียวย่างอีกต่อไป พวกเขามองไปที่ทิศทางของเสียงด้วยท่าทางที่ดุดัน

ไม่นานหลังจากแพะเขาเดียววิ่งผ่านพวกเขาไป เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นก็ได้ดังขึ้นไล่เข้ามา

มันคือวานรตัวใหญ่ยักษ์ที่มีความสูงกว่าสามเมตรที่กำลังใช้แขนของตนช่วยในการวิ่งไล่ฝูงแพะเขาเดียว

“ศิษย์น้อง ถอยมา”

กัวเหลียงได้ตะโกนลั่นก่อนที่จะนำดาบออกมาเล่มหนึ่งจากกระเป๋าและพุ่งเข้าใส่ลิงยักษ์

“ศิษย์น้องไป่ โจมตีด้วยกัน”

หลิวซวนเอ๋อพูดออกมาในขณะที่ตามกัวเหลียงไปไม่ห่างนัก

เพียงแค่นึกถึงเรื่องที่ว่าระดับการบ่มเพาะของเฉินเฉียงที่ต่ำต้อย เขาไม่มีทางที่จะสู้กับวานรยักษ์ตนนี้ได้อยู่แล้ว

และด้วยการที่เขานั้นยังไม่เคยเห็นฉากการต่อสู้ของนักรบสายเลือดระดับนายพลอย่างจริงๆจังๆ นี่จึงทำให้เขานั้นอดไม่ได้ที่จะคอยดูอยู่ไม่ห่าง

และเมื่อเฉินเฉียงและพวกพบเจอวานรยักษ์ตัวนี้ มันเองก็สังเกตเห็นพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน

เมื่อเห็นว่ากัวเหลียงพุ่งตรงเข้ามา วานรยักษ์ตัวนี้ก็ได้คำรามออกมาอย่างดุดันตามสัญชาตญาณ ก่อนที่จะใช้กำปั้นขนาดเท่าอ่างล้างหน้าของมันนั้นทุบไปยังกัวเหลียงอย่างรวดเร็วประดุจดั่งสายลมปนสายฟ้าฟาด

“ฮ่าฮ่า ทำได้ดี”

ด้วยการที่อยู่ในสำนักมากว่าสองปีแล้ว นี่จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่กัวเหลียงออกมาทำภารกิจ เขาเคยต่อสู้กับสัตว์ประหลาดมามากมายและมีประสบการณ์การต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่สูงล้ำ

ต่อให้วานรเขี้ยววายุจะแตกต่างจากสัตว์ประหลาดที่เขานั้นเคยเผชิญหน้ามา แต่ยังไงซะ การได้เป็นศิษย์แผนกวิชายุทธพิเศษนี้เองก็ทำให้เขานั้นเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่ผู้คนในสำนักยอมรับนับถือ

กัวเหลียงที่ในตอนนี้บรรลุเคล็ดวิชาเทคนิคฝึกฝนร่างกายพื้นฐานขั้นต้นแล้ว ความแข็งแกร่งของเขานั้นยังสูงล้ำกว่าเจ้าลิงตรงหน้าต่อให้ตัวเล็กกว่ามากก็ตาม แต่ด้วยการที่มีโอกาสออกแรงแบบนี้แล้วเขาจะพลาดโอกาสได้อย่างไร

กับหมัดของวานรยักษ์ตรงหน้านี้ กัวเหลียงได้ใช้หัวของตนกระแทกเข้าไป หลังจากนั้นก็ได้วาดดาบของตนจากบนลงล่างในทันที

เฉินเฉียงผู้ซึ่งในตอนนี้กำลังเฝ้ามองอยู่ห่างๆ เมื่อเห็นฉากการต่อสู้ที่กล้าเผชิญหน้าเข้ากับวานรยักษ์ตรงๆแบบนี้ก็ถึงกับเหงื่อผุดขึ้นมาในทันทีที่เห็น

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าสัตว์ประหลาดที่อยู่ระดับเดียวกับมนุษย์นั้นจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ที่มีระดับการบ่มเพาะระดับเดียวกันอย่างเทียบไม่ได้ ยังไม่ต้องพูดถึงรูปร่างและความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์วานรยักษ์ที่แข็งแกร่งโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่กับการที่ได้เห็นมนุษย์เพียงคนเดียวสามารถรับมือกับสัตว์ยักษ์แบบนี้ เขาก็ไม่รู้จริงๆว่าศิษย์พี่ของเขาคิดอะไรอยู่จึงได้กล้าทำแบบนี้

ในตอนนั้นเอง

กัวเหลียงและวานรยักษ์ได้มองหน้ากันอย่างไม่ละสายตาและเริ่มวิ่งเข้าใส่กันและโจมตีแลกกันไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งสองปะทะกันจนการกระทบกันระหว่างดาบและหมัดได้บังเกิดแสงประกายไปทั่วบริเวณ

หลังจากปะทะกันไปได้พักหนึ่ง ในที่สุด กัวเหลียงก็ต้องถูกกดดันให้ถอยร่นออกมาหกถึงเจ็ดก้าว ส่วนวานรยักษ์ตัวนี้ยังคงยืนอยู่เฉยและมองตามอย่างตาไม่กะพริบ

“แม่..เอ๊ย พลังอะไรกันวะเนี่ย” กัวเหลียงในตอนนี้กำลังสะกดพลังสายเลือดที่กำลังพลุ่งพล่าน เขาสบถออกมาหนึ่งที่ก่อนที่จะกำดาบในมือแน่นและพุ่งเข้าใส่วานรยักษ์อีกครั้ง

ในขณะเดียวกัน หลิวซวนเอ๋อและผู้ติดตามเองก็ไม่ได้อยู่เฉย หากเทียบกับกัวเหลียงที่เลือกจะปะทะกันซึ่งๆหน้าแล้ว ทั้งห้าคนอาศัยความเร็วคอยวนเวียนอยู่รอบๆและลอบโจมตีวานรยักษ์ไปเรื่อยๆ เพียงแค่ดูก็รุ้ว่าการโจมตีของพวกเขานั้นไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับวานรยักษ์สักเท่าไหร่ เอาจริงๆพวกเขาทำได้เพียงก่อกวนวานรยักษ์ตัวนี้ให้โจมตีได้ช้าลงเท่านั้น

“โฮกกกกกกกกกกก”
เมื่อหลิวซวนเอ๋อและผู้ติดตามได้ยินเสียงคำรามอันคลุ้มคลั่งของวานรยักษ์ตัวนี้ก็ได้รับผลกระทบไปไม่น้อย ในตอนนี้มันเริ่มใช้มือข้างหนึ่งมาคอยปัดหลังประดุจปัดยุง และใช้มืออีกข้างหนึ่ง คอยรับมือกัวเหลียงเอาไว้

ด้วยการที่ผิวหนังของวานรเขี้ยววายุตัวนี้ทั้งหนาและแข็งอย่างมาก แม้แต่การโจมตีของกัวเหลียงเองก็ยังทำอะไรมันได้ไม่มากนัก

หลังจากดูจนพอใจแล้ว เฉินเฉียงเองก็ได้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย เขาได้หยุดอยู่ข้างกัวเหลียงในตอนนี้

“ศิษย์น้อง นี่เจ้าคิดจะทิ้งชีวิตรึไงกัน”

“ศิษย์พี่อย่ากังวล มันโจมตีข้าไม่โดนหรอก ด้วยท่าเท้าของข้า ลิงแก่ๆตัวนี้ทำอะไรข้าไม่ได้อย่างแน่นอน”

เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้ใช้ก้าวย่างสวรรค์ด้วยย่างก้าวแรกและได้ไปปรากฏอยู่บนหัวของวานรยักษ์ เพียงชั่วความคิดโดยไม่ติดขัด เขาได้ใช้เคล็ดวิชาสะกดข่มมารสวรรค์ในทันที

วานรเขี้ยววายุที่ในตอนนี้ขับไล่หลิวซวนเอ๋อและผู้ติดตามไปได้ทำให้มือของมันว่างและมีสมาธิกับกัวเหลียงมากขึ้น แต่ด้วยการที่มันโดนการโจมตีทางวิญญาณของเฉินเฉียงทำให้มันนั้นรู้สึกเหมือนกับโดนตีหัวจนมึนและสะบัดหัวไปมา

“ศิษย์พี่กัว จะยืนเฉยๆทำมะเขืออะไรเนี่ย”

เมื่อกัวเหลียงได้เห็น ก็รู้ได้ในทันทีว่าเฉินเฉียงใช้การโจมตีทางวิญญาณ แถมได้ผลดีเสียด้วย

“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้อง ดูนี่ให้ดีนะ”

เฉินเฉียงที่หันไปมองก็เห็นมีดเล่มหนึ่ง

ความยาวของมันแม้จะสั้นกว่าดาบของกัวเหลียงก่อนหน้า แต่มันกลับมีแสงที่ยื่นออกมาจากมีดนั่น และในตอนนี้มันได้พุ่งตรงเข้าไปยังไหล่ของวานรยักษ์

ดาบพลังงาน…งั้นเหรอ

หลังจากที่ลิงยักษ์ ถูกโจมตีด้วยเคล็ดวิชาสะกดข่มมารสวรรค์เข้าไปแล้วทำให้มันนั้นแทบจะไม่มีความคิดที่จะป้องกันตัวเองแต่อย่างใด

และนี่เองจึงเป็นโอกาสให้กัวเหลียงที่ในตอนนี้ทิ่มแทงดาบพลังงานไปที่ไหล่ของวานรยักษ์ ได้ตวัดดาบอีกครั้ง และนี่ทำให้แขนข้างหนึ่งของมันต้องหลุดออกมา

“โฮกกกกก”

ด้วยความเจ็บปวดที่ยากจะทานทนนี้ทำให้วานรเขี้ยววายุได้สติกลับคืนมา มันกรีดร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่งและทำการสะบัดหัวเพื่อเหวี่ยงเฉินเฉียงไปมา นี่ทำให้ทุกคนต้องใช้มือปิดหูของตัวเอง

เมื่อวานรเขี้ยววายุที่เห็นว่าคนทั้งเจ็ดไม่ได้โจมตีมา วานรเขี้ยววายุที่สูญเสียแขนตนเองไปแล้วมันได้หันหลังกลับและวิ่งหนีไป

“รีบตามไป อย่าให้มันหนีไปได้”

เมื่อเห็นวานรเขี้ยววายุในตอนนี้ที่สูญเสียแขนไปแล้ว นี่ทำให้พละกำลังของมันลดลงไปอย่างมาก ตราบใดที่พวกเขายังตามโจมตีมันไปอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จของภารกิจของพวกเขาจะสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่ของวานรยักษ์ตัวนี้ ต่อให้มันคลุ้มคลั่งยังไงก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้ลดความเร็วในการวิ่งของมันลงเลยแม้แต่น้อย

ด้วยความเร็วนี้ทำให้พวกเขาไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทำไมวานรเขี้ยววายุถึงตามแพะเขาเดียวที่มีชื่อด้านความเร็วอย่างไม่ลดละ

และยิ่งในตอนนี้ ลิงยักษ์ตัวนี้ต้องวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดไปได้ มันได้สับเท้าของมันที่มีความยาวกว่าสองเมตรได้อย่างฉับไวแบบสุดๆ และเพียงชั่วพริบตา มันก็หายลับไปจากมุมมองของทีมภารกิจ

“ศิษย์พี่ ข้าตามมันไปก่อนนะ”

เฉินเฉียงได้ใช้ย่างก้าวแรกแห่งก้าวย่างสวรรค์ฝ่าฝูงชนกลุ่มคนผู้ร่วมภารกิจไป เป้าหมายของเขาคือการไปถึงลิงยักษ์นี่เป็นคนแรก

“ศิษย์น้อง ระวังตัวด้วย อย่าได้ฝืนสู้ล่ะ”

เมื่อเฉินเฉียงที่กำลังพุ่งทะยานตามวานรเขี้ยววายุไปเพียงลำพังก็อดที่จะทำให้กัวเหลียงร้อนรนเสียไม่ได้เหมือนกัน เขานั้นกลัวว่าเฉินเฉียงจะทำอะไรอย่างไม่คิดอีก ยังไงซะ วานรยักษ์ตัวนี้ก็ไม่ได้จัดการได้ง่ายๆเหมือนกับแพะเขาเดียวแบบก่อนหน้านี้ มันเป็นสัตว์ประหลาดที่เฉินเฉียงไม่สามารถจัดการได้เพียงลำพัง

เพียงชั่วพริบตา เฉินเฉียงก็ได้ไล่ตามวานรยักษ์ได้ทัน

วานรยักษ์ในตอนนี้ได้ใช้มือกดแผลที่ไหล่ตัวเองและวิ่งตรงไปอย่างบางคลั่ง พลางเหลียวหลังมองมาเป็นระยะ

เมื่อมันเห็นเฉินเฉียงที่ไล่ตามมาจนจะถึงตัวมัน มันตกใจอย่างหนักจนลืมดูให้ชัดว่าเฉินเฉียงนั้นมีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำต้อยขนาดไหน มันได้คำรามลั่นออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะสับเท้าหนีอย่างไม่คิดชีวิต

และนี่เองทำให้ความเร็วของมันนั้นเร็วกว่าเดิมถึงสองเท่า

-ไอ้ฉิบหาย จะเร็วเกินไปแล้ว-

เฉินเฉียงที่อึ้งจนเกือบจะหยุดเท้าลงไปแล้ว แต่เขาก็ได้เริ่มไล่ตามต่ออีกครั้ง

ต่อให้ความเร็วของมันนั้นจะมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า แต่สำหรับเฉินเฉียงแล้วมันไม่ได้เร็วอะไรมากมาย

แต่ที่เฉินเฉียงน่าจะไม่มีวันรู้ก็คือวานรยักษ์ตัวนี้ที่สามารถวิ่งได้เร็วขนาดนี้ได้นั้นเป็นเพราะมันยอมจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยน

สิ่งแลกเปลี่ยนที่ว่านั่นก็คือการเผาผลาญสายเลือดต้นกำเนิดของมันเพื่อให้ได้รับพละกำลังและความเร็วที่สูงขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ

และที่บอกว่ามันใช้ได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆนั่นก็เพราะวิธีนี้จะสร้างความเสียหายให้กับสายเลือดต้นกำเนิดของมัน และนี่อาจจะทำให้มันไม่อาจพัฒนาระดับการบ่มเพาะของมันให้สูงขึ้นอีกต่อไป

หากว่าวานรเขี้ยววายุตัวนี้รู้ว่าคนที่ตามมันมานั้นมีระดับเพียงแค่ทหารขั้นสูงละก็ มันคงโกรธจนอาเจียนออกมาเป็นเลือดตกตายเสียตรงนี้

แต่ด้วยการที่มันเสียแขนไปแล้ว ในตอนนี้ความคิดของมันมีเพียงเอาชีวิตรอดเท่านั้น แล้วมันจะมีเวลาไปสนเรื่องอย่างระดับการบ่มเพาะของต่อสู้ได้ยังไง

ยิ่งไปกว่านั้นคือ มันไม่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตที่มีเพียงระดับการบ่มเพาะระดับทหารขั้นสูงแบบนี้จะพุ่งตามมันมาเพียงเพราะไม่ต้องการให้มันหนีเป็นแน่

หลังจากที่วานรยักษ์ได้เพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง หลังจากวิ่งผ่านไปครึ่งชั่วโมง ความเร็วของมันก็ได้ค่อยๆลดลง

เมื่อมันหันกลับไปดูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกได้ราวกับว่าวิญญาณของมันได้หลุดจากร่างไปแล้ว

นั่นก็เพราะมันสลัดแมลงน่ารังเกียจตัวนี้ไม่หลุดนั่นเอง