บทที่ 29 ให้ตายเถอะ! แบบนี้มันใจร้ายเกินไปแล้ว!

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 29 ให้ตายเถอะ! แบบนี้มันใจร้ายเกินไปแล้ว!

เห็นได้ชัดเลยว่า เขาตั้งใจจะใช้วิธีสกปรกแบบนี้ เพื่อทำให้ศิษย์ห้อง 9 เกลียดขี้หน้าหลินเป่ยเฉิน

ถึงแม้ศิษย์พวกนี้ส่วนใหญ่จะไม่ได้โง่เขลาขนาดนั้น

แต่ก็มีบ้างที่ยังฉลาดไม่พอจะคิดได้ว่า ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีสาเหตุจากหลินเป่ยเฉินแม้แต่น้อย

โชคดีที่ในสายตาของศิษย์ร่วมห้องคนอื่น ๆ นั้น พวกเขามองว่าสิ่งที่หลินเป่ยเฉินทำในการประลองทั้ง 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ล้วนแล้วแต่ทำลงไปเพื่อแก้แค้นให้แก่เฉิงขู่และเซวียเยว่ ตาต่อตา…ฟันต่อฟัน เขาจัดการเหลิงเย่และศิษย์ไม่ทราบชื่ออีกคนเสียอยู่หมัด

น่าสงสารคนพวกนั้นจริง ๆ

“หลินเป่ยเฉิน เจ้าต้องแก้แค้นให้สหายของเราทั้งสองคนนั้นนะ”

“พวกเราศิษย์ห้อง 9 ทุกคนต้องร่วมมือกัน”

“หลินเป่ยเฉิน ตราบใดที่เจ้าสัญญาว่าเจ้าจะเอาชนะอู๋เสี่ยวฟางให้อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ข้าเองก็จะขอโทษเจ้าสำหรับทั้งหมดที่ข้าเคยพูดไป”

บรรดาศิษย์ห้อง 9 ต่างเข้ามารายล้อมและขอร้องต่อหลินเป่ยเฉิน

หลินเป่ยเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง

“น่าเบื่อชะมัดยาด”

เขาแหวกตัวฝ่าฝูงชนและเดินจากไป

ศิษย์ห้อง 9 ต่างก็ตกตะลึงกับการกระทำของเจ้าแกะดำ

และเมื่อเวลาผ่านไป การประลองในรอบที่ 2 ก็สิ้นสุดลง

แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ เจ้าหญิงแห่งปวงชนมู่ซินเยว่ นั้นได้พบกับสาวกผู้จงรักภักดีของนางอีกรอบ คนผู้นี้ยอมแพ้และก้าวออกจากเวทีประลองด้วยตนเอง ทำให้ในที่สุด นางก็ได้ชัยชนะมาโดยไม่ต้องลงแรงทำอะไรเลยอีกครั้ง เช่นเดียวกับการประลองในรอบแรกกับเจิ้งทั่ว

นี่ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน

และเป็นอีกครั้งที่ผู้ชมและผู้คุมสอบต่างก็ต้องอึ้ง

เห็นได้ชัดเลยว่ามู่ซินเยว่นั้นโด่งดังแค่ไหนในสถานศึกษาที่สามแห่งนี้

ท่ามกลางบรรดาอัจฉริยะคนอื่น ๆ ทั้งอู่สี่ ซือซินหลิน เยว่หงเซียง และเกาหมิน ต่างก็เอาชนะคู่ต่อสู้และได้เข้าสู่รอบ 25 คนทั้งหมด

การประลองเริ่มสนุกขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

และในที่สุด การประลองรอบที่ 3 ก็มาถึง

ทั้ง 25 คนต้องทำการจับสลากอีกครั้ง และจะมีศิษย์ผู้โชคดี 1 คนได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้ารอบต่อไปได้โดยไม่ต้องประลอง

และไม่น่าเชื่อว่าผู้โชคดีคนนั้นจะเป็นมู่ซินเยว่อีกแล้ว

“สวยไม่พอ ทั้งเก่ง มีความสามารถ แล้วยังโชคดีอีกหรือเนี่ย ข้าล่ะอิจฉานัก”

“อย่างกับเป็นธิดาของเทพเจ้าแห่งโชคไม่มีผิด” ศิษย์บางคนกล่าวขึ้น

มู่ซินเยว่ยิ้มจาง ๆ ไร้วี่แววของความโอหังหรือร้อนรนใด ๆ

หลินเป่ยเฉินได้หมายเลข 17

หรือนี่จะเป็นโชคชะตาของเขากันนะ

คู่ต่อสู้ของเขาคือหนึ่งในศิษย์อัจฉริยะนามว่าเกาหมิน

นี่เป็นคู่ต่อสู้คนแรกที่แข็งแกร่งและมีความสามารถมากพอ

“ข้ารอจะได้ประลองกับเจ้ามาตั้งนานแล้ว !”

เกาหมินนั้นเป็นเด็กหนุ่มรูปงามที่มีเอกลักษณ์เป็นผมหยักศกธรรมชาติ เขาแสนจะภาคภูมิใจที่ตนได้เป็นหนึ่งในศิษย์อัจฉริยะของชั้นปีที่ 2 ความภูมิใจและความหยิ่งยโสนั้นสะท้อนออกมาผ่านแววตาอย่างชัดเจน เขากระชับกระบี่ในมือแน่น ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเอง ว่าอัจฉริยะน่ะเป็นยังไง”

“อ้อ งั้นหรือ” หลินเป่ยเฉินตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ก่อนจะชักกระบี่ออกมาจากฝัก

“แกร๊ง!”

“ควับ”

วิถีโค้งของกระบี่ปรากฏขึ้น

“แกร๊ง!”

เสียงฟาดฟันของกระบี่ดังตามมา

ก่อนที่อาวุธด้ามยาวในมือของเกาหมินนั้นจะหลุดออกและร่วงลงบนพื้น ปักคมลงบนเวทีประลอง

ในขณะที่คมกระบี่ของหลินเป่ยเฉินจ่ออยู่กับคอหอยของเขา

“นี่…มันอะไรกัน”

เกาหมินไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแพ้ได้ยังไง

หลินเป่ยเฉินชักกระบี่ออกและกล่าวตอบว่า “ก็กระบวนท่ากระบี่สามพิฆาตไงล่ะ”

“เป็นไปไม่ได้” เกาหมินเบิกตาด้วยความสับสน “ข้าเองก็เคยฝึกกระบวนท่านี้กับอาจารย์ติงซานฉือมาก่อน กระบวนท่านี้มันมีสองแบบงั้นรึ?”

หลินเป่ยเฉินนึกอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “ก็ไม่นี่ บางทีเจ้าอาจจะแค่โง่เกินกว่าจะเข้าใจในกระบวนท่านี้ก็ได้”

เกาหมินก้มหน้าลงและกล่าวตอบว่า “เจ้าชนะแล้ว”

เขาชักกระบี่ขึ้นจากพื้นลานประลอง ก่อนจะเดินลงจากเวทีไปด้วยความผิดหวัง

“ผู้ชนะคือ…หลินเป่ยเฉิน!”

ผู้คุมสอบประกาศผลออกมาเสียงดัง

และที่ด้านหน้าเวทีนั่นเอง ผู้คนต่างก็พูดคุยถกเถียงกันเสียงดัง

“เจ้าทันเห็นไหม”

“ไม่เห็นเลย”

“เขาเร็วเกินไป”

“ใช่…ไวมาก”

“แค่พริบตาเดียวเท่านั้นเอง”

“ต่อไปนี้ข้าจะเรียกเขาว่า หลินอีเจี้ยน ”

“หลินอีเจี้ยน เหรอ เข้าท่านะ”

“นั่นใช่วิชาไร้ประโยชน์ที่ตาแก่ติงซานฉือสอนจริง ๆ งั้นรึ”

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่วิชากระบี่สามพิฆาต มันไม่น่าใช่แบบนี้แน่ ๆ ”

“เขาเอาชนะเกาหมินได้ในกระบวนท่าเดียวเนี่ยนะ”

“แต่อย่างน้อยรอบนี้เขาก็ไม่ได้แทงเกาหมินล่ะนะ”

“บ้าบอ หลินเป่ยเฉินน่ะเป็นคนชั่วก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนโหดร้ายทารุณแบบนั้นสักหน่อย เขาน่ะเล็งแค่พวกห้อง 1 ต่างหาก”

“ก็อู๋เสี่ยวฟางน่ะเป็นคนเริ่มก่อ สงคราม ขึ้นมาเองนี่ เขาน่ะทำเกินไป…ดันเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับการประลองซะอย่างนั้น”

บรรดาศิษย์ที่เป็นผู้ชมในการประลองต่างก็ออกความเห็นและสนทนากันอย่างออกรส

การยกย่องผู้แข็งแกร่งน่ะเป็นเรื่องธรรมดาของคนบนโลกนี้

และเมื่อรู้ตัวอีกที ผู้คนส่วนใหญ่ก็หันมาเข้าข้างหลินเป่ยเฉินเสียแล้ว

“โอ๊ย เขาหล่อมากเลยนะ”

“ข้าจะต้องเป็นเจ้าสาวของเขาให้ได้”

บรรดาศิษย์หญิงที่ผันตัวไปคลั่งไคล้หลินเป่ยเฉินก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

เช่นเดียวกับสาวกฝ่ายชายของหลินเป่ยเฉินที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

หลินเป่ยเฉินนิ่วหน้าขณะก้าวลงจากเวทีประลอง

“นี่…พวกเจ้าที่ชอบหน้าตาของข้าน่ะ รอบหน้าช่วยกระตือรือร้นและกรี๊ดให้ดัง ๆ กว่านี้หน่อยได้ไหม”

“ฮะฮ่า ๆ ๆ เจ้านี่ช่างเป็นเซียนกระบี่ของแท้ ร่างกายของเจ้าคงเกิดมาเพื่อฝึกวิชากระบี่เป็นแน่”

อาจารย์ติงที่เฝ้ามองอยู่ไกลลิบ ๆ หัวเราะออกมา

และบนแท่นสังเกตการณ์การประลองนั้น

“ฮะฮ่า ท่านหลี่ หลินเป่ยเฉินได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาแล้วเห็นไหมล่ะ”

อาจารย์ฉู่ยิ้มกว้าง

ในขณะที่ผู้สังเกตการณ์หลี่ตอบกลับมาว่า “ยังต้องรอดูไปก่อน”

แต่ในคำพูดเย็นชานั้น ไม่สามารถบดบังแววตาประหลาดใจของเขาได้สักนิดเดียว

ผู้สังเกตการณ์หลี่คิดกับตนเองว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือสถานศึกษากระบี่ที่สามกำลังจะถึงคราวรุ่งเรืองแล้วหรืออย่างไร หลินเป่ยเฉินทำไมถึงได้มีฝีมือพิสดารอย่างนี้”

และในที่สุดการประลองรอบที่ 3 ก็สิ้นสุดลง

บรรดาศิษย์ห้อง 9 นั้นหามร่างไม่ได้สติของอินอี้ออกไปจากลานประลอง

เพราะถึงแม้เขาจะได้รับคัดเลือกเข้ามาสู่รอบ 25 คน แต่สุดท้ายก็ถูกอู๋เสี่ยวฟางเอาชนะอย่างหมดสภาพ

ในการประลองนี้ อู๋เสี่ยวฟางใช้สิทธิพิเศษจากการเป็นที่ 1 ในปีที่แล้ว เพื่อเลือกคู่ต่อสู้เจาะจงไปที่อินอี้ผู้มาจากห้อง 9 โดยเฉพาะ และบนเวทีประลองนั่น เขาได้กระทำการอันโหดร้ายกับอินอี้ ทั้งตัดหู แทงแขนซ้าย รวมถึงทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกหลายประการ

“ข้าบอกแล้ว ว่าข้าจะจัดการเด็กห้อง 9 ทุกคนที่เจอในการประลอง” อู๋เสี่ยวฟางกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

หลินเป่ยเฉินนั้นยังไม่ได้ตอบโต้ใด ๆ กับคำท้าทายของคู่อริ

แล้วในที่สุด ผู้ผ่านการคัดเลือก 13 คนก็ได้เข้าสู่การประลองรอบต่อไป

ในการสุ่มคู่ต่อสู้รอบนี้ มู่ซินเยว่ก็จับได้หมายเลขพิเศษ เข้ารอบโดยไม่ต้องประลองอีกครั้ง

“นางนี่เป็นเทพีแห่งโชคจริง ๆ ”

“สุดยอดมาก”

“คงเห็น ๆ กันล่ะว่าเทพกระบี่คงเมตตาหญิงงามจิตใจดีสินะ”

บรรดาผู้คุมสอบได้แต่ถอนหายใจกับความโชคดีของนาง

เรื่องของโชคลาภนั้น นับได้ว่าเป็นหนึ่งในความแข็งแกร่งที่ยากจะแข่งขันกันได้…

คู่ต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินในรอบนี้คือ เฉียนเจินฉิน จากห้อง 10 นางเป็นเด็กสาวใบหน้ารูปไข่ที่อิ่มเอิบไปด้วยพวงแก้มระเรื่อทั้งสองข้าง ลักษณะดูใสซื่อ มีรอยยิ้มอันปราศจากเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ อีกทั้งนางยังเป็นเด็กสาวที่งดงามที่สุดในห้อง 10 อีกด้วย

แต่ถึงอย่างงั้น หลินเป่ยเฉินก็จะไม่ออมมือให้เด็ดขาด แม้อีกฝ่ายจะหน้าตาดีก็ตาม

เขาใช้กระบวนท่ากระบี่สามพิฆาตอีกครั้ง

“แกร๊ง!”

เพียงขยับตัวครั้งเดียว เขาก็สามารถเอาชนะเด็กสาวได้ในทันที

“ให้ตายเถอะ! แบบนี้มันใจร้ายเกินไปแล้ว!” บรรดาผู้ชื่นชอบเฉียนเจินฉินที่กำลังชมการประลองอยู่ต่างรำพึงรำพันออกมาพร้อมถอนหายใจยาวเหยียด