บทที่ 74 ไล่เขาไป

ชายหนุ่มผ่อนแรงที่กำรอบข้อมือลง ปล่อยจางซิ่วเอ๋อให้กลับมาเป็นอิสระ

แต่ถึงอย่างนั้นบนข้อมือของนางก็ปรากฏรอยแดง

จางซิ่วเอ๋อถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะหยิบปังตอที่เหน็บอยู่บนแคร่มาโบกไปมา “ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร ต้องการอะไร ตอนนี้หายไปจากหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าจะสงบขึ้น โดยเฉพาะนัยน์ตาคู่นั้น นิ่งสงัดดั่งบ่อน้ำเก่าแก่

จางซิ่วเอ๋อเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาแล้วสองครั้ง และเขาหลับตาทุกครั้ง นางเพิ่งเคยเห็นดวงตาของเขาเป็นครั้งแรก

นางนึกว่านัยน์ตาของคนผู้นี้จะเป็นประกายดั่งดวงดารา และเคยคิดว่าคนผู้นี้จะต้องมีสายตาคมกริบ แต่ตอนนี้ดูแล้ว สายตาเขากลับเรียบนิ่งได้ถึงเพียงนี้

เรียบนิ่งจนดูประหนึ่งบ่อน้ำโบราณไร้ความวูบไหวใด ๆ ดั่งผิวน้ำในทะเลสาบที่ไร้คลื่นลม ราวกับไม่มีอารมณ์ใด ๆ อยู่ในนั้น

นัยน์ตาแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงเหมือนคนที่สายตาไร้จุดมุ่งหมาย แต่พอเป็นผู้ชายคนนี้ กลับมีเสน่ห์ไปอีกแบบ ราวกับเขาอยู่ในโลกของตัวเองเพียงลำพัง ไม่ว่าโลกใบนี้จะเปลี่ยนผันไปเพียงใดก็ไม่เกี่ยวกับเขา

เขามองจางซิ่วเอ๋อแล้วเอ่ยเรียบ ๆ “แม่นาง เมื่อวานนี้เจ้าเป็นคน…..”

จางซิ่วเอ๋อครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยเสียงดัง “ใช่แล้ว เป็นข้าเอง ถ้าไม่ได้ข้าลากเจ้ากลับบ้านมาจากฝนที่เทลงมา แล้วยังทำแผลให้เจ้า ป่านนี้เจ้าคงตัวแข็งไปแล้ว!”

จางซิ่วเอ๋อพูดอย่างตรงไปตรงมา ตอนนี้นางต้องการบอกให้ชายผู้นี้รู้ไว้ว่าชีวิตของเขานั้นได้นางผู้มีเมตตาช่วยเอาไว้ อย่ามาไม่สำนึกบุญคุณแล้วแว้งกัดในภายหลังเชียว

ชายหนุ่มได้ยินจางซิ่วเอ๋อเตือนก็ก้มดูไหล่ตัวเอง บัดนี้ผ้าฝ้ายได้ไหลลงมา เผยให้เห็นลาดไหล่ของเขาจนถนัดชัดเจน

จางซิ่วเอ๋อเคยเห็นเรื่องราวใหญ่โตมาแล้ว เวลาแบบนี้จะมีปฏิกิริยาเพียงเพราะผู้ชายที่เผยเนื้อหนังนิดหน่อยได้อย่างไรกัน? นางเลิกคิ้วขึ้นพลางกล่าว “เห็นรึยังล่ะ?”

ชายหนุ่มหน้าตาแข็งทื่อไปเล็กน้อย อาจเป็นเพราะพบว่าเสื้อผ้าตัวเองโดนถอด เขากระตุกมุมปากนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยขึ้น “ขอบคุณนะ”

จางซิ่วเอ๋อไม่พลาดความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าเขา นางแค่นเสียงในใจ นึกว่าเป็นพวกหน้าตาย ตอนนี้ดูท่าตัวเองคงจะคิดผิด ที่เขาไม่แสดงสีหน้าใด ๆ คงเป็นเพราะไม่เจอเรื่องที่ทำให้เขาเปลี่ยนสีหน้า

นี่ไง พอรู้ว่าเสื้อผ้าตัวเองโดนถอดก็ทำหน้าเรียบเฉยต่อไปไม่ไหวเสียแล้ว

นึกว่าจะเป็นคนยิ่งใหญ่จากไหน! คิดไม่ถึงว่าแรงต้านทานในใจจะแย่ขนาดนี้ อย่างไรเสียก็เป็นผู้ชายอกสามศอก เวลาแบบนี้กลับกลัวว่าจะมีใครมาเห็นเรือนร่างของตัวเอง!

จางซิ่วเอ๋อดูแคลนผู้ชายคนนี้ในใจไปเสร็จสรรพ พลางเอ่ยปากขึ้น “นี่ เจ้าดีขึ้นรึยัง? ถ้าดีขึ้นแล้วก็รีบไสหัวออกไปจากบ้านข้าซะ…..เอ่อ เชิญออกไปจากบ้านข้า ถ้าทำให้ดอกไม้ดอกหญ้าบ้านข้าตกใจเจ้าชดใช้ไม่ไหวหรอกนะ” จางซิ่วเอ๋อพูดไปได้ครึ่งทางก็คิดได้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่น่ามีเรื่องด้วย จึงพูดจาให้ดีขึ้น ถ้าไปยั่วโมโหคน ๆ นี้เขา นางเองก็อาจจะซวยได้

ตอนนี้นางหวังแค่ให้คน ๆ นี้ไปจากบ้านตัวเองโดยด่วน อย่างไรเสียคน ๆ นี้ก็ไม่ได้ตายหน้าบ้านตัวเอง วันหลังตัวเองก็แค่ทำเป็นไม่เคยเจอคน ๆ นี้มาก่อนก็ได้

ดอกไม้ดอกหญ้าที่นางกล่าวถึงก็คือน้องสาวสองคนของตัวเองนั่นแหละ แต่เวลาแบบนี้นางไม่ไปพูดกับคนแปลกหน้าว่าที่บ้านตัวเองมีใครอยู่บ้างหรอก การปล่อยให้คนแปลกหน้ารู้ตื้นลึกหนาบางของที่บ้านไม่ใช่เรื่องฉลาดเท่าไรนัก

ชายหนุ่มได้ยินจางซิ่วเอ๋อพูดราวกับตั้งใจจะสลัดภาระอย่างตัวเขาออก จึงมองจางซิ่วเอ๋อแล้วถามขึ้น “แม่นาง เสื้อผ้าของข้าอยู่ที่ไหน?” จะให้เขาห่อผ้าฝ้ายนี่ออกไปไม่ได้หรอกนะ

ในเมื่อนางให้เขาไป เขาจะตื๊ออยู่ที่นี่ต่อคงไม่ไหว ถึงแม้ว่าที่แห่งนี้….เคยเป็น…..

ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ ห้องเก็บฟืนอย่างพินิจพิเคราะห์ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร

จางซิ่วเอ๋อชี้นิ้วแล้วพูด “เมื่อวานข้าซักเสื้อผ้าของเจ้าไป ตอนนี้น่าจะไม่มีเลือดแล้ว ยังแห้งไม่สนิทออกจะชื้นหน่อย แต่ใส่แล้วคงไม่เป็นไรนักหรอก”

เสื้อผ้านี่ทำจากผ้าหยาบ มีรอยปะสองรอยบนนั้นด้วย จางซิ่วเอ๋อคิดมาถึงตรงนี้ก็ชำเลืองมองชายหนุ่มและคิดต่อ ตอนที่เจอผู้ชายคนนี้ครั้งก่อน ถึงแม้เขาจะยับเยินกว่าตอนนี้ แต่ดูจะยังไม่ตกอับถึงขั้นนี้นะ ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ใช้ชีวิตยังไง

จางซิ่วเอ๋อชี้ตรงที่นางวางเสื้อผ้าแล้วออกไปจากห้องเก็บฟืน

ตอนนั้นจางชุนเถาตื่นแล้ว และกำลังเดินมาทางนี้ “พี่ ข้าช่วยทำอาหารเช้านะ”

จางซิ่วเอ๋อจะกล้าให้นางเข้ามาได้ที่ไหนกัน? ถ้านางเห็นผู้ชายเปลือยท่อนบนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ตัวนางน่ะไม่คิดมากหรอก แต่จางชุนเถาเป็นดอกไม้ธรรมชาติไร้มลพิษจากยุคโบราณ

ตามตรรกะของคนยุคโบราณแล้ว ถ้าเห็นภาพแบบนี้ก็เหมือนฟ้าถล่มลงมาอย่างไรอย่างนั้นเลย

นางมองชุนเถาแล้วเอ่ย “ชุนเถา เจ้าไปปล่อยน้ำที่ขังในแปลงผักหลังบ้านที ข้าจะไปทำกับข้าว”

สองพี่น้องทำแปลงผักแปลงหนึ่งไว้หลังบ้าน พอฝนตกต้องมีน้ำขังไม่น้อย ต้องขุดร่องน้ำเล็ก ๆ เพื่อปล่อยน้ำ ถ้าเป็นปกติจางซิ่วเอ๋อต้องไม่ยอมให้จางชุนเถาทำงานแน่

แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาคับขัน เพื่อไม่ให้จางชุนเถาเจอผู้ชายคนนี้ จางซิ่วเอ๋อจึงได้แต่ทำแบบนี้

จางชุนเถาไม่ได้สงสัยอะไร นางมีสีหน้าดีใจ “ได้เลย ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” พี่ใหญ่ไม่ยอมให้นางทำงานเลย นางรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บของนางมีโอกาสหายก็จริง แต่อาจจะเบื่อตายซะก่อน

ทุกครั้งที่เห็นพี่ใหญ่ทำงานเหนื่อยอยู่คนเดียว นางก็รู้สึกปวดใจตลอด ตอนนี้อุตส่าห์มีโอกาสช่วยพี่ใหญ่แบ่งเบา นางร่าเริงสุด ๆ

เมื่อวานจางซิ่วเอ๋อซื้อจอบกลับมาและเก็บไว้ในห้องที่สองพี่น้องใช้นอน ตอนแรกจะเก็บไว้ในห้องเก็บฟืน แต่จางชุนเถาบอกว่าจอบราคาไม่เบา กลัวหาย จึงเก็บไว้ในห้อง

นางวิ่งไปเอาจอบอย่างตื่นเต้นแล้วไปทางหลังบ้าน

จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจเฮือกใหญ่ โชคดีที่จอบไม่ได้อยู่ในห้องเก็บฟืน

รออยู่พักนึง จางซิ่วเอ๋อเคาะประตู กดเสียงให้ต่ำ “เสร็จแล้วใช่ไหม?”

ทันใดนั้นคนด้านในก็ผลักประตูออก จางซิ่วเอ๋อรีบหลบ และก็เห็นว่าชายหนุ่มเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วกำลังเดินออกมา

ตอนนี้ใบหน้าเขายังซีดเซียวเหมือนคนป่วย แต่คนทั้งคนยืนตัวตรงอย่างกับต้นสน ส่วนสภาพร่างกายก็ดีมาก ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น

แต่พอเขาเดินก็เผยออกมาหมด เขาเซเล็กน้อย

จางซิ่วเอ๋อยื่นมือไปหมายจะพยุง ปรากฏว่าเขาทรงตัวได้แล้ว

จางซิ่วเอ๋อรู้สึกแพ้ให้กับผู้ชายคนนี้ที่ด้านนอกแกร่งด้านในกรอบ แค่ลมพัดก็ล้มแล้ว สุดท้ายก็เห็นใจ ขมวดคิ้วพูด “เจ้ากลับเข้าไปในห้องเก็บฟืนก่อน”

……………………………………