อาคารฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นที่รวมห้องประชุมและห้องทำงานของผู้คนซึ่งทำงานภายใต้ลอมบาร์เดีย

ณ ที่แห่งนี้ มีใครคนหนึ่งซึ่งไม่อาจพบหน้าได้บ่อยนัก กำลังเดินวนไปวนมาอยู่ที่บริเวณชั้นหนึ่งของอาคารฝั่งตะวันตก

“นั่นไม่ใช่ท่านแคลอฮันหรอกเหรอ”

“แต่ทำไมถึงได้ดูกระวนกระวายขนาดนั้นอยู่ตรงนั้นกันล่ะ”

ผู้คนที่แวะเวียนมารายงานหัวหน้าของตนต่างก็เหลียวหลังหันกลับไปมองแคลอฮันด้วยความงุนงง

“ฮู่ว…”

แคลอฮันสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพ่นมันออกมา ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าห้องทำงานของเครย์ลีบัน ไม่ใช่แค่โถงทางเดินธรรมดาทั่วไป

ประตูห้องแกะสลักชื่อ ‘เครย์ลีบัน เพลเลส’ ด้วยตัวอักษรสีทอง ช่างดูใหญ่โตมากเหลือเกิน

เขาได้ฟังคำพูดของบุตรสาวแล้ว เขาเองก็คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีจึงมาหาถึงที่นี่ แต่แคลอฮันก็ยังคงลังเลอยู่ดี

เพราะเครย์ลีบันน่ากลัว

“กลับดีมั้ยนะ…”

มันเป็นความจริงที่เขาได้รับความช่วยเหลือมากมายจากเครย์ลีบันในระหว่างที่ดำเนินกิจการผ้าฝ้ายโคโรอี แต่เรื่องนั้นกับเรื่องที่จะไม่รู้สึกกลัวสายตาคมดุของเครย์ลีบันนั่น มันเป็นปัญหาคนละอย่าง

ไหล่ของแคลอฮันตกลู่ลง

เขารู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน

ก่อนที่ฟีเรนเทียจะบอก เขาเองก็เคยคิดที่จะมาขอความช่วยเหลือจากเครย์ลีบันอยู่เหมือนกันแต่ว่าแล้วเชียว การพูดคุยกับเครย์ลีบันน่ะมันน่ากระอักกระอ่วนเกินไป เขาจึงพับความคิดที่ว่านั่นเก็บไป

ทว่าคำพูดของบุตรสาวถูกต้องแล้ว

แน่นอนว่าหากมีเรื่องที่ไม่รู้ ก็ต้องลองถามโดยเฉพาะคนอย่างเขาที่ยังไม่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ การขอความช่วยเหลือถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

แคลอฮันสูดลมหายใจเข้าลึก ตั้งใจแน่วแน่ ก่อนจะเคาะประตูห้องทำงาน

ก๊อก ก๊อก

ตอนแรกเสียงมันฟังดูประหลาดชอบกล แต่มันค่อนข้างดังพอสมควร

แต่กลับไม่มีคำตอบหรือเสียงตอบรับดังกลับมาจากข้างใน

เขาลองเคาะอีกครั้งหนึ่ง

ก๊อก ก๊อก

แคลอฮันเคาะประตูเป็นรอบที่สอง แต่ก็ยังคงไม่มีคำตอบใดๆ ดังมาจากข้างในเหมือนเคย

“อา คงไม่อยู่ข้างในสินะ!”

ใบหน้าของแคลอฮันสดใสขึ้นพิกล

ในเมื่อข้างในไม่มีคนอยู่ ก็ช่วยไม่ได้ไม่ใช่เหรอไง

แต่แล้วในจังหวะที่แคลอฮันหมุนตัวกลับด้วยฝีเท้าที่เบาสบายมากขึ้นกว่าเมื่อตอนขามา พลางคิดว่าเขาขอไม่สัญญากับตัวเองก็แล้วกันว่าไว้เขาจะแวะมาใหม่จริงๆ

“เฮือก!”

ตรงบริเวณที่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ เครย์ลีบันกำลังยืนอยู่ตรงนั้น

อีกฝ่ายกำลังกอดอกยืนเอนตัวพิงหน้าต่าง และมองแคลอฮันอยู่

“คะ…คุณเครย์ลีบัน!”

“กำลังคิดอยู่เชียวครับว่าจะเคาะเมื่อไหร่”

เครย์ลีบันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ท่าทางจะเห็นทุกอย่างหมดแล้วสินะ

ใบหน้าของแคลอฮันแดงเรื่องเล็กน้อยด้วยความขวยเขิน

“แต่ก็ไม่ได้นานเหมือนอย่างที่คิดไว้นะครับ”

แคลอฮันหัวเราะเขินอายแทนคำตอบ เกาศีรษะแกรกๆ

“คงจะมาหาเพราะมีเรื่องอะไรจะพูดใช่มั้ยครับ”

เครย์ลีบันเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้

แคลอฮันเหม่อมองภาพนั้น ในขณะที่คิดไปด้วย

ฟีเรนเทียบอกเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ‘อาจารย์เครย์ลีบันใจดีเสมอ’ แต่เขาเริ่มเป็นกังวลแล้วว่าจู่ๆ อาจจะมีท่าทีเย็นชาแบบนี้กับบุตรสาวของเขาเหมือนกันก็ได้

“เข้ามาสิครับ”

เครย์ลีบันเดินนำหน้า เปิดประตูห้องทำงานออก พลางเอ่ยพูด

“ถ้างั้นขอรบกวนสักครู่นะครับ”

แคลอฮันกล่าวทักทายอย่างมีมารยาท แล้วเดินเข้าไปข้างใน

เขาเกร็งมากเสียจนทุกการเคลื่อนไหวส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเพราะความตื่นเต้น

ภาพดังกล่าวทำให้เครย์ลีบันแอบลอบยิ้ม