และขณะคิดในใจ หากสามารถกอดเขาจนตื่นขึ้นมาทุกวัน ความรู้สึกนั้นน่าจะไม่เลวเลย!
ทว่าเมื่อความคิดนี้โผล่ขึ้นมาในหัว เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้สติกลับมา และถูกความคิดที่แปลกประหลาดของตนนี้ทำให้ตกตะลึง!
อันที่จริงต้องรู้ว่าตรงหน้านี้คือขันที!
เขาคิดจะนอนกอดขันทีได้อย่างไร!?
สวรรค์ เขาเสียสติเป็นแน่!
ขณะเหลิ่งจวิ้นอวี๋หงุดหงิดใจ ทางด้านเล่อเหยาเหยา กลับไม่รู้ตัวเลยว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋เวลานี้กำลังคิดเรื่องนอนร่วมเตียงกับเธอ จึงเอ่ยพูดอย่างออกรสต่อไป
“เรียนท่านอ๋อง ความจริงบ่าวเพิ่งเป็นโรคชอบเดินละเมอ การเดินละเมอนี้ ความจริงกระทบต่อสุขภาพไม่มาก แต่เมื่อกลางคืนเข้านอนแล้ว จะลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นเดินไปทั่ว อาจเพราะเมื่อคืนบ่าวเดินละเมอ ไม่ระวังจึงมาถึงในห้องของท่านอ๋อง เมื่อเหนื่อยแล้ว จึงคิดว่าเตียงท่านอ๋องคือเตียงของบ่าว ล้มนอนลงไป ทว่านี้บ่าวไม่ได้ตั้งใจนะขอรับ บ่าวก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ดังนั้นขอท่านอ๋องโปรดใจกว้าง อย่าลงโทษบ่าวเลยนะขอรับ”
เอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาหันใบหน้าเล็กอย่างรู้เวลา เผยท่าทางน่าสงสารออกมา
ดวงตากลมโตงดงามคู่นั้น พร่ามัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ดวงตากลมโตดูแวววาวสดใส
เมื่อรวมเข้ากับท่าทางอันน่าสงสาร จึงดูราวกับลูกสุนัขตัวน้อยน่าสงสารตัวหนึ่ง ที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง!
แม้คนที่มองจะใจแข็ง ล้วนต้องเจ็บปวดใจ
แม้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จะรู้ว่าเล่อเหยาเหยาแสร้ง แต่เมื่อเห็นดวงตากลมโตแวววาวสุกใสของเธอ อดกระพริบตาอย่างสงสารไม่ได้
ดังนั้นใบหน้าก็อดอ่อนโยนลงไม่ได้เช่นกัน
“เป็นเช่นนี้เองหรือ ครั้งนี้แล้วไปเถอะ ข้าใจกว้างไม่เอาผิดเจ้าครั้งนี้”
“แหะๆ ขอบคุณท่านอ๋องที่เมตตาขอรับ!”
เมื่อเห็นพญายมไม่บีบบังคับต่อไปอีก เล่อเหยาเหยามีท่าทีอ่อนลง ยกยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มนั้นเปล่งประกายงดงาม ราวกับดอกฉยงฮวามากมายเบ่งบานพร้อมกัน งดงามเกินกว่าจะชื่นชมได้หมด!
เห็นขันทีน้อยตรงหน้ายิ้มงดงามราวบุปผา เหลิ่งจวิ้นอวี๋พักความหงุดหงิดเมื่อครู่ไว้ ช่างเถอะ เวลานี้เพียงให้เขาอยู่ข้างกายตนก็พอแล้ว เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง!
ดังนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋จึงให้เล่อเหยาเหยาปรนนิบัติเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำ
เพราะครั้งก่อนเคยปรนนิบัติท่านอ๋องมาแล้ว แม้ตอนนี้จะทำยังไม่คล่องแคล่ว แต่เล่อเหยาเหยาไม่เงอะงะเช่นครั้งแรก
ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋อ้าแขนออกกว้าง ปล่อยให้คนตัวเล็กหมุนรอบตัวตนไม่หยุด คล้ายภรรยาสาวที่ยุ่งวุ่นวายกับการดูแลสามี ช่างน่ารักงดงามเช่นนี้
หลังเสพสุขกับการเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยเล่อเหยาเหยา มื้อเช้าก็จัดเตรียมไว้พร้อมมแล้ว
ครั้งนี้ ไม่รู้เพราะแก้ปัญหาทางซีเจียงและหนานเหอเรียบร้อยแล้วหรือไม่ เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้สึกอยากอาหารขึ้นมา จึงกินมากกว่าปกติหนึ่งชาม ทั้งยังเอ่ยชมว่าวันนี้ห้องครัวทำอาหารได้ไม่เลวเลย
เมื่อพ่อครัวหลี่รู้เข้า ก็ดีอกดีใจอย่างยิ่ง
ดังนั้น หลังเหลิ่งจวิ้นอวี๋เข้าวังหลวง เล่อเหยาเหยามาที่โรงอาหาร พ่อครัวหลี่ยิ้มตาหยี พลางเอ่ยขอบคุณเล่อเหยาเหยาไม่หยุด
เพราะครั้งที่แล้วเธอออกหน้าให้ เขาจึงรักษาชามข้าวเหล็กนี้ไว้ได้
นอกจากนี้ ยังรู้สึกประหลาดใจที่ครั้งนี้เล่อเหยาเหยาช่วยคลายความทุกข์ใจให้ท่านอ๋องได้
ไม่เพียงพ่อครัวหลี่ที่ประหลาดใจ เรื่องเล่อเหยาเหยาได้รับความดีความชอบจากเบื้องบนเรื่องซีเจียงและหนานเหอ และยังได้รับรางวัลหนักจากท่านอ๋อง ต่างรู้กันดีทั่ววังอ๋องแล้ว
อันที่จริงภายในวังไม่มีสิ่งใดที่เป็นความลับ ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจากขันทีน้อยที่ไร้ชื่อในตอนแรก ได้กลายเป็นคนที่โด่งดังที่สุดในวังอ๋อง
ไม่ว่าบ่าวรับใช้ในวังอ๋องจะอิจฉาหรือริษยาเพียงใด แต่ก็ต่างพากันประจบประแจงเล่อเหยาเหยา
“เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้าช่างเก่งจริงๆ! เรื่องซีเจียงและหนานเหอ เจ้าคิดได้เช่นไร!? เล่าให้พวกเราฟังหน่อยเถอะ ”
“เสี่ยวเหยาจื่อ มาๆ อาหารจานนี้ไม่เลว เจ้าชิมดูเถอะ”
“เสี่ยวเหยาจื่อ ฮ่าๆ เมื่อก่อนข้าไม่เคยคุยกับเจ้า เลยไม่รู้ว่าจะทำตัวกับเจ้าเช่นไร ตอนนี้พวกเรามาเป็นเพื่อนกันดีหรือไม่!?”
“เสี่ยวเหยาจื่อ…”
ไม่นาน โต๊ะที่เล่อเหยาเหยาและเสี่ยวมู่จื่อนั่งอยู่เต็มไปด้วยผู้คน
ก่อนหน้านี้ เล่อเหยาเหยาและเสี่ยวมู่จื่อมักเลือกโต๊ะมุมในสุดนั่งกินข้าว อีกทั้งเพราะโต๊ะตัวนี้ลับตาคน ดังนั้นจึงมักไม่มีคนนั่ง แต่เพราะความดีความชอบของเล่อเหยาเหยา ได้กลายเป็นคนดังข้างกายท่านอ๋อง ทุกคนจึงอยากประจบเธอ อยากเพิ่มความสัมพันธ์กับเธอ เผื่อวันหน้าอาจจะเกิดเรื่องราวดีๆ ขึ้น!
ดังนั้น โต๊ะของเล่อเหยาเหยาและเสี่ยวมู่จื่อจึงแน่นขนัดด้วยผู้คน อีกทั้งทุกคนพยายามเอาใจเล่อเหยาเหยาไม่หยุด บางคนอิจฉาตาร้อนอย่างยิ่ง โดยพลันลืมไปว่าตอนแรกพวกเราทุกคนต่างขลาดกลัวท่านอ๋อง จนไม่กล้าไปปรนนิบัติท่านอ๋อง จนเล่อเหยาเหยาต้องเคราะห์ร้ายจับได้ฉลากที่ต้องไปปรนนิบัติท่านอ๋อง
แม้เล่อเหยาเหยาจะรู้แผนการของทุกคน แต่เพียงยิ้มรับ
กระทั่งพ่อครัวหลี่ส่งรังนกที่เพิ่งตุ๋นเสร็จให้กับเล่อเหยาเหยา ภายในห้องครัวเริ่มมีเสียงเอะอะขึ้นอีกครั้ง
ทว่าส่วนใหญ่นั่นเป็นเพราะอิจฉาริษยา
เพราะเป็นถึงซุปรังนก!
นั่นเป็นของล้ำค่าระดับใดกัน! ซุปรังนกหนึ่งถ้วยราคาไม่ต่ำกว่าสิบสองตำลึงเงิน อีกทั้งวันละถ้วย!
สวรรค์! หากสะสมขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่รู้เป็นกี่ตำลึงเงิน
แม้ตอนแรกพญายมให้รางวัลเป็นซุปรังนกวันละหนึ่งถ้วย เล่อเหยาเหยาคล้ายไม่พอใจ เพราะเธออยากได้เปลี่ยนพวกนี้เป็นเงิน เหลังครบสามปีแล้วไปจากที่นี่ จะได้มีเงินเก็บพกติดตัว
แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นถ้วยซุปรังนกนั้น ส่งกลิ่นหอมน่ารับประทาน เธอมองจนน้ำลายแทบไหลออกมา
บ่าวรับใช้คนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะบ่าวรับใช้เช่นพวกเขา จะเคยลิ้มรสของสิ่งนี้ที่ใดกัน ดังนั้นเวลานี้จึงทำตาปริบมองอย่างหิวกระหาย
เวลานั้น เล่อหยาเหยายังได้ยินเสียงกลืนน้ำลายรอบด้าน และสีหน้าอิจฉาริษยาต่างๆ นานา ทว่าเธอไม่สนใจ พราะนี้ถือเป็นเรื่องปกติ
เดิมทีเธอเป็นเพียงบ่าวรับใช้ระดับต่ำสุด ทุกเดือนได้รับเงินสองตำลึงเงิน เทียบกับคนที่ระดับชั้นสูงกว่าเธอพวกนี้ไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยตอนนี้เธอสามารถกินซุปรังนกได้วันละถ้วย แฮะๆ คิดดูแล้วเธอถือว่ายังได้กำไร
ขณะเล่อเหยาเหยายินดีอยู่ในใจ พ่อครัวหลี่ด้านข้างเอ่ยพูดพลางหัวเราะออกมา
“เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้าเยี่ยมจริงๆ! ข้าทำงานอยู่ที่นี่ตั้งนาน ยไม่เคยเห็นท่านอ๋องให้รางวัลเช่นนี้กับผู้ใดเลย! ต่อไปเจ้าทำหน้าที่ให้ดี ต้องก้าวหน้าเป็นแน่! ต่อไปข้าต้องฝากชีวิตไว้กับเจ้าแล้ว”
พ่อครัวหลี่ยิ้มละมุนบนใบหน้า ก่อนหัวเราะออกมา
หลังพ่อครัวหลี่เอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาหัวเราะตอบกลับไป ทว่าเมื่อได้กลิ่นซุปรังนก เธออดหิวไม่ได้
แม้เธอจะเคยกับซุปรังนกมาไม่น้อย แต่หลังมาถึงที่นี่ เธอข้ามเวลามาอยู่ในร่างที่ผอมเล็ก ต้องได้รับการบำรุงถึงจะถูกต้อง มิฉะนั้นวันหน้าเธออยู่ที่นี่กินอาหารหยาบๆ พวกนี้ จนขาดสารอาหารขึ้นมาจะทำเช่นไร!?