ตอนที่ 68 : วางแผนให้โจวอวิ๋น
“งั้นผมกล่าวอย่างไม่ปิดบัง จ้าวเมิ่งซีเป็นเพื่อนของผม ผมไม่กล้าคิดอะไรเกินเลยหรอกครับ” หวังเย่าพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ความคิดของผมที่มีต่อเธอก็คือความชื่นชม”
เมื่อได้ยินแบบนั้น จ้าวจวินจ่างก็คิ้วขมวด สมองของเด็กนี่ดูเหมือนจะมีปัญหา เขายังถามไม่ชัดเจนพอรึไง ?
แต่เมื่อดูสีหน้าที่จริงจังของหวังเย่าแล้ว เขาก็ไม่อาจจะจับผิดอะไรได้
จ้าวเมิ่งซีแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา เธอถึงกับเหม่อไป
“นายชื่นชมเสี่ยวซีตรงไหน ? ” จ้าวจวินจ่างยังถามต่อ
“พ่อ พ่อมาถามต่อหน้าหนูแบบนี้ จะให้หนูรู้สึกยังไง ? ” จ้าวเมิ่งซีเริ่มไม่พอใจขึ้นมา
“ไม่เป็นไร อยู่นี่มีเราแค่สามคน ลูกไม่อยากรู้คำตอบหรือ ? ” จ้าวจวินจ่างพูดขึ้น
“เหอะ….เรื่องมันเป็นแบบนี้ได้ยังไง ตอนนี้หนูก็ยังอายุไม่มาก” จ้าวเมิ่งซีกัดปากพูดขึ้นมา
หวังเย่าไม่ได้ฟังบทสนทนาของสองพ่อลูก เขาแค่สงสัยว่าจ้าวจวินจ่างนั้นต้องการจะบอกอะไร
ชื่นชมก็คือชื่นชม จำเป็นต้องรู้ด้วยหรือว่าเขาชื่นชมอีกฝ่ายตรงไหน แถมยังถามต่อหน้าผู้หญิงอีก แล้วจะให้เขาตอบว่ายังไง ?
เขาคิดสักพักและสุดท้ายก็ตัดสินใจจะบอกความจริง “จ้าวเมิ่งซีน่ะเธอดูดี อีกทั้งเธอยังมีความสามารถและแข็งแกร่ง ผมจึงชอบอยู่กับเธอ”
คำตอบนี้เป็นสิ่งที่หวังเย่าคิดว่าน่าพอใจ มันแฝงไปด้วยความจริงและคำชมเชย ถือว่าเป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบ
หลังจากที่พูดจบ เขาก็คอยสังเกตสีหน้าของสองคนพ่อลูก คำตอบที่ให้ไปนี้พวกเขาควรจะพอใจมากใช่ไหม ?
ผลก็คือจ้าวจวินจ่างกลับขมวดคิ้ว ส่วนจ้าวเมิ่งซีก็ก้มหน้าก้มตาอยู่ตลอด
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง ? มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้สิ” หวังเย่าสับสน
“หนูบอกพ่อแล้วว่า EQ เขาต่ำ พ่อไม่เชื่อหนูเอง” ตอนนั้นเองจ้าวเมิ่งซีก็ถอนหายใจออกมา
จ้าวจวินจ่างก็ถอนหายใจเช่นกันและพูดขึ้น “อยู่ ๆ ฉันก็นึกได้ว่ามีงานที่ต้องไปจัดการ อาหารมื้อนี้พวกนายกินกันตามสบาย”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายรีบกลับไป หวังเย่าก็หัวเราะออกมา “เฮ้อ ตอนนี้ก็ผ่อนคลายได้แล้ว พ่อเธอนี่อยู่ด้วยแล้วน่าอึดอัดจริง ๆ ”
จ้าวเมิ่งซีกำหมัดแน่นและมองไปที่หวังเย่า
“มีอะไร ? ฉันพูดอะไรผิดตรงไหน ? ” หวังเย่ากังวลขึ้นมาอีกครั้ง
“นายไม่ได้พูดอะไรผิด แค่ EQ ของนายมันต่ำ” จ้าวเมิ่งซีแสดงสีหน้าเฉยเมยออกมา
“ก็บอกว่ามากินข้าว พกแค่ปากมาก็พอแล้วไม่ใช่หรือ ? ” หวังเย่าโบกมือและไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้
ไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ หวังเย่ารีบหยิบตะเกียบขึ้นมาและพูดขึ้น “เธอเองก็กินด้วยสิ ถึงพ่อเธอจะเป็นคนเลี้ยง แต่พวกเราก็ต้องกินให้คุ้ม อาหารที่นี่ราคาแพงไม่เบาเลยนะ “
จ้าวเมิ่งซีอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เธอได้แต่คิดว่า หวังเย่าเป็นคนแบบไหนกัน ทำไมเธอถึงต้องรู้สึกดีกับเขาด้วย ?
แน่นอนว่าเธออาจจะสับสนไปเองก็ได้
เมื่อกินเสร็จ จ้าวเมิ่งซีก็ได้ขึ้นรถบัสกลับบ้าน ส่วนหวังเย่าก็เดินท้องป่องกลับห้องพักของตัวเอง จากนั้นเขาก็ตรวจสอบข่าวของวันนี้
“ขึ้นพาดหัวข่าวซะด้วย” หวังเย่ารู้สึกแปลกใจ และการที่เขาได้อันดับที่ 1 มาก็ทำให้โรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์โด่งดังไปด้วย ข้อมูลส่วนตัวของเขาถูกหยิบยกขึ้นมาพูดกันในอินเตอร์เน็ต
“อีก 1 เดือนก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย แม้ว่าจะได้ที่ 1 มา แต่นั่นก็ยังไม่พอ ภายในหนึ่งเดือนนี้ ฉันจะต้องพัฒนาตัวเองขึ้นมาอีก”
หวังเย่าตัดสินใจแล้วว่าจะลงสาขาผู้ตรวจสอบของมหาวิทยาลัยหัวเซี่ย ตอนแรกเขาไม่สนใจเรื่องมหาวิทยาลัยแต่ตอนนี้เขาไม่อาจจะมองข้ามมันได้
“อาอวิ๋น” หวังเย่าได้โทรไปหาโจวอวิ๋นและพูดขึ้น “ อาอวิ๋น พรุ่งนี้นายไปหาฉันที่คลับสกายตอน 8 โมงเช้านะ”
โจวอวิ๋นได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าดีใจออกมาทันที
เขารู้ว่าตอนนี้หวังเย่านั้นร่ำรวยแล้ว แต่ขาดแค่คนคอยติดตาม บางทีเขาอาจจะมีประโยชน์
“ฉันต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง” ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใส่ใจกับชีวิตเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้เลือดในตัวกลับร้อนรุ่มขึ้นมา
…
8 โมงเช้าของวันต่อมา โจวอวิ๋นก็ไปรอที่หน้าคลับสกายก่อนถึงเวลานัด 30 นาที เมื่อเห็นหวังเย่าเดินเข้ามา เขาก็รีบเดินเข้าไปหาทันที
“สวัสดีตอนเช้า” โจวอวิ๋นยิ้มทักทาย
“นายมาเร็วจริง ๆ “ หวังเย่าพาโจวอวิ๋นเข้าไปในคลับ ก่อนจะพาไปยังห้องรับรองส่วนตัวของสมาชิกวีไอพี
ทั้งสองได้นั่งลงก่อนที่พนักงานจะยกชาเข้ามาให้
“ดื่มชาก่อนสิ” หวังเย่าพูดขึ้น “ที่ฉันเรียกนายมาครั้งนี้ก็เพื่อถามเรื่องอนาคตของนาย”
โจวอวิ๋นจิบชาก่อนจะวางแก้วลง เขาเหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะถูกถามแบบนี้ เขาจึงตอบกลับทันที “อาเย่า ฉันอยากติดตามนาย”
“ทำไม ? ”
“ฉันเองก็อยากโดดเด่นและมีอนาคตที่สดใส” โจวอวิ๋นกัดฟันแน่นและพูดขึ้น “คนเราต่างก็อยากยิ่งใหญ่ขึ้น เมื่อมีโอกาสอยู่ตรงหน้า ถ้าไม่คว้าเอาไว้ งั้นฉันคงเป็นได้แค่ไอ้ขี้แพ้”
หวังเย่าจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ “สมกับเป็นพี่น้องฉันจริง ๆ ฉันจะช่วยนาย แต่นายจะไปได้ไกลแค่ไหนนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวนายเอง เข้าใจรึเปล่า ? ”
“ฉันเข้าใจ ขอบคุณมาก อาเย่า” โจวอวิ๋นโล่งอกขึ้นมาทันที
“เอาล่ะ เลิกพูดไร้สาระ ฉันจะพูดแผนการของฉันให้ฟัง ถ้านายติดขัดตรงไหนก็บอกมาได้เลย”
หวังเย่ายักคิ้วและพูดขึ้น “เป้าหมายของฉันคือมหาวิทยาลัยหัวเซี่ยสาขาผู้ตรวจสอบ นายไปอยู่ที่เมืองหัวเซี่ยกับฉันก่อน แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยทำหน้าที่ของนายคือคอยจัดการธุระให้กับฉัน แบบนี้เป็นยังไง ? ”
โจวอวิ๋นพยักหน้า “ไม่มีปัญหา ที่บ้านฉันนอกจากฉันแล้วก็ยังมีพี่ชายกับพี่สาวอยู่ดูแลบ้าน ฉันไปได้”
“งั้นฉันจะให้เงินนาย 100,000 เครดิต นี่คือค่าจ้างล่วงหน้า 4 ปี นายเอาเงินนี่ให้กับที่บ้านเพื่อที่พวกเขาจะได้สบายใจ” หวังเย่าพูดขึ้นต่อ “เดือนนี้นายต้องมาฝึกที่คลับนี้ ค่าเรียน, ค่าใช้จ่าย ฉันจะจ่ายให้นายเอง”
“ได้ “ โจวอวิ๋นตาแดงก่ำขึ้นมา เสียงของเขาแหบแห้ง “นายดีกับฉันจริง ๆ ฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นให้สมกับที่นายช่วยฉัน”
“พอได้แล้ว ผู้ชายที่ไหนเขาร้องไห้กัน ตอนนี้ฉันจะพานายไปเลือกคอร์สเรียนก่อน”
โจวอวิ๋นรู้จักที่นี่มานานแล้ว ว่าเป็นที่ฝึกซ้อมระดับสูง มีการสอนทักษะและบทเรียนต่าง ๆ รวมไปถึงการฝึกฝนร่างกาย, ทักษะต่อสู้, การใช้อาวุธและการทำสมาธิ
เขาเดินไปตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ 10 นาทีต่อมาเขาก็ได้ตัดสินใจ “อาเย่า ฉันเลือกทักษะการต่อสู้และทักษะสอดแนมลาดตระเวน ทักษะการต่อสู้ฝึกฝนที่นี่ได้เลย ส่วนอย่างหลังเรียนได้แค่เบื้องต้นเท่านั้น”
หวังเย่าพยักหน้า “ไม่มีปัญหา รอให้ฉันไปที่มหาวิทยาลัยหัวเซี่ยก่อน แล้วนายค่อยไปสมัครเป็นทหารรับจ้าง เพื่อเรียนรู้เรื่องการสอดแนมและลาดตระเวนที่นั่น”
จากนั้นหวังเย่าก็ได้จ่ายค่าเรียนทั้งหมดให้กับโจวอวิ๋น ก่อนจะโอนเงินให้กับอีกฝ่าย 100,000 เครดิตตามที่ตกลงเพื่อโจวอวิ๋นเอาไปให้ที่บ้าน
“จากวันนี้ไปเราจะพยายามกันอย่างหนัก เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น” หวังเย่าได้พูดขึ้นก่อนจะแยกตัวเพื่อออกไปฝึกซ้อม
ตอนนี้ทักษะมีดและธนูของเขาไม่ได้พัฒนามากนัก เขาจำเป็นจะต้องจริงจังกับการฝึกซ้อม มันอาจจะเป็นไปได้ที่จะก้าวหน้าขึ้นมาบ้างใน 1 เดือนนี้