“ดูเจ้าเถิดหนา ทั้งอ่อนโยนและซื่อสัตย์ ล้วนเป็นความผิดของท่านอาคนโตทั้งสิ้น แม้หรูฉินจะเป็นเสมือนไข่มุก แต่นางกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ทั้งที่ทำให้เจ้าต้องเสียใจ แต่เจ้ายังเห็นอกเห็นใจนางอีก”
พระสนมเต๋อเฟยรู้สึกว่ายิ่งได้เห็นหลินเมิ้งหยา ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความใจกว้างของลูกสะใภ้คนนี้ ใบหน้าท่าทางของนางเองก็งดงามมากเช่นกัน
ดูท่าคำพูดที่เคยบอกว่าหลินเมิ้งหยาจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตจะเป็นคำให้ร้ายของเจียงหรูฉินเสียมากกว่า
“หมู่เฟยชมเกินไปแล้วเพคะ ท่านอาคนโตเพียงแค่รักลูกสาวมาก สิ่งนี้หาใช่เรื่องผิดมิใช่หรือเพคะ? จากนี้ไปหยาเอ๋อร์ทำเป็นมองไม่เห็นเวลาเจอน้องหรูฉินก็น่าจะเพียงพอแล้ว หมู่เฟยอย่าได้กังวลไปเลยเพคะ”
เกรงว่าจากนี้เป็นต้นไปเจียงหรูฉินจะกลายเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญในจวนแห่งนี้เสียแล้ว
ทูลลากลับไปยังตำหนักหลิวซิน สาวใช้ทั้งสามและหลินจงอวี้ต่างรอคอยนางด้วยความกังวลใจ
“นายหญิงไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ?”
ป๋ายจื่อเป็นคนแรกที่พุ่งเข้ามาก่อน แต่นางกลับไม่กล้าแตะต้องแขนของหลินเมิ้งหยา
รอยฟกช้ำสีม่วงเหล่านั้นเหมือนจริงเหลือเกิน แม้แต่พวกนางยังอดที่จะตกใจไม่ได้
“ไม่เป็นไร ข้าก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเป็นเพียงของปลอม”
รอยฟกช้ำสีม่วงเหล่านี้ทำขึ้นเพื่อหลอกลวงคนอื่นเท่านั้น อีกไม่กี่วันก็จะจางหายไปเอง แม้ยาชนิดนี้จะมีส่วนผสมของยาพิษ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้อันตราย
“ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าบนโลกใบนี้จะมีของชนิดนี้ พี่สาว ท่านสอนข้าเรียนรู้เรื่องยาได้หรือไม่?”
หลินจงอวี้คว้ามือของหลินเมิ้งหยาพลางมองสำรวจ
แตะบริเวณรอยฟกช้ำสีม่วงด้วยความระมัดระวัง แม้ว่าหากมองผิวเผินจะเป็นเพียงรอยช้ำธรรมดา แต่ความจริงแล้วมันกลับนุ่มนิ่มมากไม่ต่างอะไรจากผิวหนังส่วนอื่นเลย
“หากเจ้าอยากเรียน ข้าก็จะสอน แต่ความรู้ที่ข้ามีล้วนเกี่ยวกับยาพิษ หากเจ้าไม่ทันระวังแล้วทำผิดเข้าตัวจะเกิดอะไรขึ้น?”
หลินเมิ้งหยาหยิกใบหน้าข้างแก้มของหลินจงอวี้ ใบหน้าเนียนนุ่มทำให้แม้แต่นางที่เป็นหญิงยังอดที่จะอิจฉาไม่ได้
เด็กคนนี้มีชาติกำเนิดเช่นไร? ราวกับสิ่งดีๆ ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนถูกเทลงบนร่างของเขา
“ข้าอยากเรียน! หากใครกล้าทำร้ายพี่สาวอีก ข้าจะวางยาให้ตายตกกันไปจนหมด”
อดทนต่อการถูกหยิกใบหน้าจากมือของหลินเมิ้งหยา นัยน์ตาของหลินจงอวี้เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
“โอ้โหยว นี่เจ้าคิดจะผันตัวมาเป็นคนดีแตก1เช่นนั้นหรือ?”
เด็กหนุ่มน่ารักเหลือเกิน หลินเมิ้งหยาอดไม่ได้ที่จะบีบคลึงใบหน้าของเขาเล่น ริมฝีปากอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเอื้อนเอ่ยคำพูดติดปากจากชาติที่แล้ว
“คนดีแตกคืออะไรขอรับ? เป็นคนเช่นไร? ชื่อนี้ช่างไพเราะเพราะพริ้งยิ่งนัก ข้าชอบ!”
หลินเมิ้งหยาอดไม่ได้ที่จะขำพรืดออกมา นางมิได้รู้สึกถึงความไพเราะเลยแม้แต่น้อย
นับตั้งแต่วันที่นางข้ามภพมา เรดาร์ตรวจจับยาพิษของนางทำให้นางหลบเลี่ยงคันลูกศรที่มองไม่เห็นมากมาย
ยาพิษ มิได้มีไว้เพื่อทำร้ายผู้อื่น
“ทูลพระชายา ฮูหยินหลินเดินทางมาถึงแล้ว คุณหนูรองกำลังต้อนรับอยู่หน้าประตูจวน”
คนรับใช้ในจวนรีบร้อนมากราบทูล ขณะเดียวกันบรรยากาศภายในตำหนักพลันเปลี่ยนไป
สีหน้าของสาวใช้ทั้งสามเคร่งขรึมขึ้นมา ราวกับว่าอีกอึดใจข้างหน้าจะออกไปสู้รบอย่างไรอย่างนั้น
“เป็นอะไรกัน? ก็เพียงแค่เสือตัวหนึ่ง เหตุใดพวกเจ้าจึงตื่นตระหนกถึงเพียงนี้? ผ่อนคลายหน่อยเถิด ตามมาด้วยกันกับข้า”
หลินเมิ้งหยากลับไร้ซึ่งท่าทางกระวนกระวาย แต่ถึงกระนั้นนางกลับคาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าซ่างกวนฉิงจะร้อนใจถึงเพียงนี้
เพิกเฉยต่อเส้นทางไปยังสรวงสวรรค์ แต่กลับเลือกจะทะลวงผ่านประตูนรกที่ปิดสนิทเข้ามา
อันที่จริงจวนของเจิ้นหนานโหวอยู่ไม่ไกลจากจวนอวี้
หากนั่งรถม้า เวลาธูปไม่เกินครึ่งดอกก็มาถึง
หลังจากที่ซ่างกวนฉิงได้รับข่าวคราวจากลูกสาว นางดีใจเป็นอย่างมาก
หอบหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ใบน้อย อีกทั้งยังพาคนสนิทของคนเองมายังจวนอวี้
“ท่านแม่มาแล้ว หวู่เอ๋อร์คิดถึงท่านเจียนขาดใจ”
อันที่จริงหลังจากทราบข่าว นางรีบส่งคนไปแจ้งมารดาทันที
เมื่อออกจากตำหนักหลิวซินก็มายืนรอรับหลินฮูหยินอยู่หน้าประตู
“ยัยเด็กคนนี้นี่! เฮ้อ ทรมานข้าเสียจริง”
ฮูหยินหลินสวมใส่ชุดผ้าไหมทอลายดอกไม้ ศีรษะประดับปิ่นปักผมลายดอกไม้แกะสลักจากทองเข้ากันได้ดีกับรองเท้าปักดิ้นทองคู่ที่กำลังสวมใส่ ลักษณะท่าทางของนางสง่างามหรูหรา
แม้จะส่งเสียงบ่นกระปอดกระแปด ทว่าสายตากลับไม่อาจปกปิดความรักความเอ็นดูเอาไว้ได้
เพิ่งจะลงจากรถม้าก็ได้เห็นจวนอวี้อันใหญ่โตโอ่อ่าสวยงาม ซ่างกวนฉิงรู้สึกได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดีงาม
คิดถึงอนาคตอันใกล้ อีกไม่นานของเหล่านี้จะตกเป็นของลูกสาวของตนเอง ดังนั้นริมฝีปากของนางจึงฉีกกว้าง
“ฮูหยิน พวกเราจะนำของไปไว้ที่ไหนหรือเจ้าคะ?”
คนขับรถและทาสเด็กของจวนอวี้ยกข้าวยกของลงจากรถกันวุ่นวาย
ขณะที่ซ่างกวนชิงคิดจะพาลูกสาวเดินผ่านประตูใหญ่เข้าไป สายตาพลันเหลือบไปเห็นโฉมนางร่างอรชรอ้อนแอ้นคนหนึ่งยกเก้าอี้ตัวเล็กๆ หนึ่งตัวเข้ามาแล้วนั่งลงที่หน้าประตู
“พระชายามีรับสั่งว่า ให้ฮูหยินหลินและคุณหนูรองเข้าทางประตูหลังเจ้าค่ะ”
ซ่างกวนฉิงและหลินเมิ้งหวู่จะยอมรับการต้อนรับเช่นนี้ได้อย่างไร พวกนางจ้องสาวใช้ตรงหน้าเขม็ง
“เจ้าเป็นใครกัน? หรือจวนอวี้แห่งนี้ไร้ซึ่งกฎระเบียบ แม้แต่สาวใช้ยังกล้าที่จะเสียมารยาทต่อแขก?”
ซ่างกวนฉิงเป็นถึงนายหญิงแห่งจวนหลิน ความรู้เรื่องงานบ้านงานเรือนมีมากกว่าหลินเมิ้งหวู่หลายเท่า
แต่น่าเสียดาย สาวใช้ที่นางต้องประมือด้วยในคราวนี้คือป๋ายซ่าว
“โอ้! เหตุใดข้าจึงไม่เคยได้ยินว่าจะมีแขกถูกเชิญมาที่นี่กันเล่า! ประตูใหญ่บานนี้มีเพียงท่านอ๋อง พระชายาเอกและพระสนมเต๋อเฟยเหนียงเหนียงสามารถเข้าได้เท่านั้น หากท่านต้องการเข้ามาในจวนแล้วละก็ จะต้องเข้าทางประตูเล็กทางด้านข้าง อีกทั้งที่นี่ใช่สถานที่ที่จะสามารถเข้าออกได้ตามอำเภอใจ ข้าก็ลืมไป คนที่ยอมให้ลูกสาวที่ยังไม่ออกเรือนมาอยู่บ้านคนอื่นจะถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดีได้อย่างไร”
มือทั้งสองข้างเท้าเอว คำพูดของป๋ายซ่าวทำให้สีหน้าของซ่างกวนฉิงดำถมึงทึงไปในทันที
แต่เพราะที่นี่คือจวนอวี้ หาใช่จวนของเจิ้นหนานโหว ดังนั้นแม้จะไม่พอใจ แต่ก็ต้องอดทน
“พี่ป๋ายซ่าวเก่งเหลือเกิน!”
หลินจงอวี้ที่แอบดูอยู่หน้าประตูห้องอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้กับป๋ายซ่าว
พลังการต่อสู้ของนางอยู่เหนือกว่าสาวใช้ทั่วไป
หลินเมิ้งหยานั่งบนเก้าอี้ จิบชาดูละครตรงหน้าด้วยท่าทางสบายใจ
“เจ้าเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น แม่ของข้าเป็นถึงฮูหยินของเจิ้นหนานโหว อีกทั้งยังเป็นน้องสาวแท้ๆ ของฮองเฮา แต่เจ้ากลับทำให้ท่านแม่ข้าต้องขุ่นเคือง เข้ามา เอาตัวนางไปโบย!”
อาจเพราะชินกับการใช้ชีวิตในจวนเจิ้นหนานโหวแล้ว ผอจื่อสวมชุดผ้าหยาบสองสามคนถลกแขนเสื้อขึ้นและคิดจะเข้ามาจับตัวป๋ายซ่าว
ป๋ายซ่าวที่ร่ำเรียนวิชาศิลปะการต่อสู้มาอย่างเจนจัดจะแพ้ให้กับคนเหล่านี้ได้อย่างไร!
นางสยายผม จับเสื้อผ้าให้หลุดลุ่ย ก่อนจะแผดเสียงร้องไห้โวยวายดังลั่น
“ไอ้หยา ไอ้หยา ไร้เหตุผลเหลือเกิน! เหตุใดจึงมีแขกใจดำอำมหิตเช่นนี้ ไม่เพียงแค่เข้ามาก่อความวุ่นวาย แต่ถึงขั้นคิดจะตบตีสาวใช้ประจำตัวของพระชายา สวรรค์โปรด สวรรค์โปรด ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!”
หลินเมิ้งหยาพ่นชาที่เพิ่งจิบ ก่อนจะรีบเข้าไปเกาะประตูดูการแสดงละครของป๋ายซ่าวกับหลินจงอวี้
ได้เห็นป๋ายซ่าวถีบเก้าอี้จนกระเด็น ชุดสะอาดที่กำลังสวมใส่ฉีกขาด ใบหน้างดงามมีรอยถูกแมวข่วน
นางทั้งร้องไห้ทั้งส่งเสียงร้องโวยวาย ทั้งที่ผอจื่อยังไม่ได้อยู่ใกล้ตัวนางเลยแม้แต่น้อย
กลับกันนั้น ใบหน้าและแขนของพวกนางกลับเต็มไปด้วยรอยบาดแผล
ดวงตาที่น่ากลัวดั่งเสือกลับมีหยดน้ำตารินไหลไม่หยุด แม้แต่หลินเมิ้งหยายังอดที่จะส่งเสียงเชียร์ไม่ได้
ผอจื่อเหล่านั้นทำอะไรไม่ถูก พวกนางจึงชะงักงันมิได้ลงมือทำอันใด
ป๋ายซ่าวสบโอกาส รีบทรุดตัวนั่งลงบนพื้น มือทั้งสองข้างหยิบยกเศษดินขึ้นมาป้ายหน้าป้ายตาตนเอง
“ฮือๆ แขกผู้นี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน ตบตีสาวใช้ของพระชายายังไม่พอ แต่ยังคิดจะแย่งเซียงกง2ของพระชายาไปอีก!”
คนที่อยู่หลังประตูหัวเราะจนท้องแข็ง
ป๋ายซ่าวแสดงละครออกมาอย่างสมจริงจนชาวบ้านแถวนั้นเริ่มเข้ามาห้อมล้อม
ผอจื่อที่ยืนอยู่ด้านนอกจวนไม่อาจทนเห็นอีกฝ่ายแสดงความคลุ้มคลั่งได้อีกต่อไป พวกนางรีบรูดแขนเสื้อของป๋ายซ่าวแล้วจัดท่าทางให้กับนางดีขึ้น
“เจ้า…เจ้า…”
ซ่างกวนฉิงเกือบหันหลังกลับด้วยความโกรธ นิ้วมือเรียวยาวชี้ไปทางป๋ายซ่าวที่กำลังเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ทว่านางกลับไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้
“ข้าทำไมอย่างนั้นหรือ? แม้ข้าจะเป็นเพียงสาวใช้ แต่อย่างน้อยข้าก็รู้จักคำว่ารักษาหน้า ผิดกับพวกเจ้าที่วิ่งโร่มากลั่นแกล้งสาวใช้ของผู้อื่น หน้าไม่อาย!”
ป๋ายซ่าวที่ยังมิได้ตกเป็นรองเลยแม้แต่น้อยโต้กลับ
แม้นางจะถือไพ่เหนือกว่า แต่การที่ต้องเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นจนเสื้อผ้าเลอะเปรอะเปื้อนก็ยังนับว่าน่าอายอยู่มาก
ไม่นานกลุ่มคนก็เริ่มแพร่กระจายข่าวลือเรื่องที่ฮูหยินของเจิ้นหนานโหวเข้ามาวางอำนาจบาตรใหญ่ในจวนอวี้
เกรงว่ายังไม่ทันจะหนึ่งชั่วยาม นางจะกลายเป็นตัวตลกของเมืองหลวงไปเสียแล้ว
“เจ้า…หวู่เอ๋อร์ พวกเราไปเข้าทางประตูหลังกัน!”
ซ่างกวนฉิงที่ไม่อาจทนได้อีกต่อไป รีบจับมือหลินเมิ้งหวู่ที่ยังคงเงอะงะอยู่ไปทางประตูหลังของจวนอวี้
“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปได้ ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือ ข้าคือป๋ายซ่าวแห่งตำหนักหลิวซิน หากวันหน้าพวกท่านมีเรื่องอันใดจะรบกวนก็สามารถมาหาข้าได้”
เมื่อศัตรูจากไป ป๋ายซ่าวรีบกลับมาทำตัวเป็นปกติ
นางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ ไม่นานใบหน้านวลเนียนก็กลับมาปรากฏอีกครั้ง
“นายหญิง นายหญิงเจ้าคะ หนู่ปี้แสดงละครเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
ป๋ายซ่าวที่กำลังดีอกดีใจรีบวิ่งเข้าประตูจวน
หลินจงอวี้หัวเราะจนท้องแข็ง ป๋ายจีกำลังช่วยเขานวดหน้าท้อง
ป๋ายจื่อหัวเราะจนลงไปกองกับพื้น
คนเดียวที่ยังคงรักษาอาการสงบนิ่งอยู่ได้คือหลินเมิ้งหยา ทว่าตอนนี้ใบหน้าของนางกลับกระตุกเล็กน้อยอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“อืม ไม่เลวเลย! หากอนาคตข้างหน้ากองทัพสองฝ่ายต้องเผชิญหน้ากันแล้วเรียกเจ้าไปดุด่าฝ่ายตรงข้าม เกรงว่าแม้แต่เทพเซียนยังต้องโกรธเกรี้ยวกับคำพูดคำจาของเจ้า”
นางสั่งให้ป๋ายซ่าวไปทำให้ซ่างกวนฉิงต้องรู้สึกขุ่นเคืองเท่านั้น
แต่ใครจะรู้ว่านางจะเล่นใหญ่เล่นโตถึงขั้นทำให้ซ่างกวนฉิงและหลินเมิ้งหวู่ต้องเสียหน้าเช่นนี้
เมื่อดูจากเหตุการณ์นี้แล้ว เกรงว่าอนาคตป๋ายซ่าวของนางจะได้ขึ้นครองจวนอวี้เสียแล้ว
“ด่ากองทัพ? เรื่องนี้เหมาะกับหนู่ปี้ที่สุดเลยเจ้าค่ะ หากนายหญิงมีโอกาสแล้วละก็ หนู่ปี้จะลองไปทำดูเจ้าค่ะ แม้แต่ท่านายพล หนู่ปี้ก็จะด่าไม่ให้เหลือ!”
วันนี้ป๋ายซ่าวสร้างผลงานไปคนเดียวเต็มๆ แม้จะได้ทำเรื่องน่าอายไปสักเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังดีใจเหลือเกิน
“เอาล่ะ เจ้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เถิด อีกเดี๋ยวยังมีอะไรสนุกๆ ให้ดู!”
หลินเมิ้งหยาหัวเราะมีเลศนัย อีกสี่คนที่เหลือรู้สึกประหลาดใจเหลือเกิน
***********************
1 คนดีแตกคือละครชุดอเมริกันแนวอาชญากรรมของ ชื่อเดิมคือ Breaking Dad ดับเครื่องชน คนดีแตก
2 เซียงกงคือคำที่ใช้เรียกสามี หญิงสาวสมัยโบราณมักใช้เรียกสามีที่คนเองเคารพนับถือมาก อีกทั้งสามีคนนั้นยังมีฐานะร่ำรวยสูงศักดิ์