ทันทีที่ท่านพ่อออกไปทำงาน ฟีเรนเทียก็แวะไปยังห้องวิจัยของดอกเตอร์โอมัลลี่ตั้งแต่เช้าตรู่

โล่งอกที่ยังเช้าอยู่มาก ในห้องวิจัยจึงมีแค่เอสทีร่าคนเดียว

ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายน่าจะอารมณ์เสียเพราะเรื่องที่พลาดใบแนะนำไปต่อหน้าต่อตา และได้ยินคำพูดเยาะเย้ยจากเจสันแท้ๆ แต่วันนี้นางก็ยังคงทำงานของตัวเองราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

มันยิ่งทำให้หัวใจของฟีเรนเทียเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกอยากจะช่วยเหลือเอสทีร่าให้ได้

เธอเปิดประตูเข้าไปเงียบๆ เอสทีร่าที่กำลังเช็ดโต๊ะวิจัยอย่างขยันขันแข็งจึงเอ่ยทักทายเธอด้วยความยินดี

“มาแล้วเหรอคะ คุณหนู”

“อรุณสวัสดิ์ เอสทีร่า! ”

“วันนี้ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะคะ”

“คิดวิธีดีๆ ออกแล้วน่ะ! ”

“วิธีดีๆ เหรอคะ”

เอสทีร่าเบิกตากว้าง

“ความคิดดีๆ ที่จะช่วยให้เอสทีร่าได้ใบแนะนำไง”

“คุณหนูฟีเรนเทีย”

เอสทีร่ามองเธอด้วยความซาบซึ้งใจ ทั้งๆ ที่ในมือยังถือผ้าขี้ริ้วเอาไว้

“เอสทีร่า มีหนังสือที่ก่อนหน้านี้เคยเอาให้ข้าดูอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“สมุดบันทึกสูตรของท่านย่าเหรอคะ”

“อื้อ นั่นแหละเอาให้ข้าดูอีกครั้งได้มั้ย”

ตอนที่เธอแวะเข้าๆ ออกๆ ที่นี่เพื่อรับการรักษาข้อมือ เธอเคยถามคำถามมากมายกับเอสทีร่า

เรื่องแรกก็เพื่อเพิ่มความสนิทสนม เรื่องที่สองก็เพื่อสืบให้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้น

ในบรรดาเรื่องที่ได้รู้มาทั้งหลายนั่น มีอยู่อย่างหนึ่งคือเรื่องเกี่ยวกับย่าของเอสทีร่า

ถึงแม้จะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในแถบชนบท และเป็นสถานที่ที่ไม่มีแพทย์เข้าถึงแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้สมุนไพรหลากหลายชนิดที่หาได้ในละแวกนั้นคิดค้นวิธีการรักษาผู้คน พร้อมกับถ่ายทอดสืบต่อกันมาในตระกูลจากรุ่นสู่รุ่น

เอสทีร่าเองก็ได้รับอิทธิพลทางด้านนั้นมาจากตระกูล ทำให้ตัวนางได้จับสมุนไพรเรียนรู้เกี่ยวกับมันตั้งแต่เด็ก และคิดมาตลอดว่าอยากจะช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บไข้ได้ป่วย

“ได้สิคะ รอสักครู่นะคะ”

เอสทีร่าหยิบสมุดบันทึกบนโต๊ะหนังสือที่อยู่มุมห้องวิจัยของตัวเองออกมา

มันเป็นสมุดบันทึกเก่าๆ ที่ผ่านมือมาหลายรุ่น

ฟีเรนเทียรับมันมาถือไว้ พลางเปิดหน้ากระดาษไปประมาณกลางเล่ม

“ช่วยอธิบายเกี่ยวกับยานี่เพิ่มอีกหน่อยได้มั้ย”

เอสทีร่ามองตำแหน่งที่เธอชี้ ก่อนจะเอ่ยพูด

“มันเป็นยาที่เวลาที่คนในหมู่บ้านทำงานได้รับบาดเจ็บที่ไหล่หรือข้อเท้าพลิก ท่านย่าก็จะหลอมมันขึ้นมา สั่งให้ข้าช่วยเอาไปให้น่ะค่ะ”

เอสทีร่ายิ้มด้วยความอาลัยในขณะที่อ่านลายมือของย่า

“มันเป็นยาที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาปากต่อปากเป็นระยะเวลานาน ไม่ได้มีการจดบันทึกเผยแพร่อย่างเป็นทางการก็จริงแต่มันเป็นยาที่ช่วยลดอาการบวม และก็ช่วยลดความเจ็บปวดได้ในระดับหนึ่งด้วยค่ะ”

“อันนี้มันใช้ยังไงเหรอ ไม่ใช่ยากินใช่มั้ย”

“ค่ะ จุ่มยาใส่ผ้าให้ชุ่ม แล้วเอาไปโปะไว้บนบริเวณที่เจ็บน่ะค่ะ”

มันเป็นยาที่เธอเคยอ่านผ่านตามาครั้งหนึ่ง แต่ว่าแล้วเชียว เธอจำได้ถูกต้องแล้ว

ฟีเรนเทียถามคำถามสำคัญอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับประเด็นที่ไม่ได้มีการบันทึกไว้

“ยานี่ใช้ได้นานมั้ย”

“ค่ะปกติเวลาทำงานใช้แรงงาน แต่ละคนก็จะต้องเจ็บป่วยกันคนละที่สองที่อยู่แล้ว บางคนยังใช้ทุกคืนอยู่หลายเดือนเลยด้วยค่ะ”

“กลิ่นล่ะ? กลิ่นไม่เหม็นเหรอ”

“ไม่ค่ะ ใกล้เคียงกับกลิ่นหอมหวานมากกว่าด้วยค่ะ ส่วนผสมหลักมันเป็นผลไม้ตากแห้งน่ะค่ะ”

ยอดเยี่ยม!

ฟีเรนเทียพยายามเก็บซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ขณะพูดออกไปอย่างสงบนิ่ง

“งั้นพวกเรามาลองเปลี่ยนมันนิดหน่อยละกัน ทำให้มันเข้มข้นเหมือนยาเมลคอนเมื่อคราวก่อนได้ใช่มั้ย”

เอสทีร่าพยักหน้าตอบรับคำพูดของเธอในทันที

ไม่ถามด้วยซ้ำว่าจะเอาไปใช้ที่ไหน

“ค่ะ คุณหนู”

นัยน์ตาทั้งสองข้างที่มองมายังเธอนั้นเปี่ยมไปด้วยความเชื่อใจ

เธอยิ้มให้เอสทีร่า

หากสิ่งนี้เป็นไปตามแผน เธอก็จะสามารถส่งตัวเอสทีร่าไปยังอะคาเดมีของอาณาจักรได้อย่างปลอดภัย

“อ๊ะ ว่าแต่มีสมุนไพรที่กินหรือทาบนร่างกายแล้วให้ความรู้สึกเย็นสบายบ้างมั้ย”

“ความรู้สึกเย็นสบาย เอ เหมือนจะมีใบชาที่ชื่อฮิปซีย์อยู่ค่ะ”

“อ๊ะ ฮิปซีย์! ”

ก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยลองดื่มเหมือนกัน

ดื่มลงไปแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นในปากเหมือนใบเปเปอร์มินต์

“ช่วยเตรียมมันในรูปแบบสารสกัดให้ด้วยนะ”

“ฮิปซีย์ ทำไมถึง…”

“เดิมทีขนาดอาหารเองยังต้องมีกลิ่นหอม ถึงจะรู้สึกอร่อยมากขึ้นไม่ใช่เหรอ ยาเองก็เหมือนกัน การที่มันให้ความรู้สึกเหมือนมีประสิทธิภาพเป็นเรื่องสำคัญนะ”

“อา ว่าแล้วเชียว”

เอสทีร่ามองเธอด้วยแววตานับถือ

ฟีเรนเทียยักไหล่ เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“ขี้ผึ้งกับน้ำมัน ข้าจะสั่งให้คนจัดหาส่งมาที่นี่ให้เอง จะต้องผสมสารสกัดเข้มข้นสองอย่างลงไปในนั้น”

ยาที่ช่วยบรรเทาอาการบวมและให้ความรู้สึกผ่อนคลายความเมื่อยล้าเล็กน้อยกับใบชาที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายเหมือนใบเปเปอร์มินต์และขี้ผึ้ง

นึกถึงยาชนิดใหม่ที่ถือกำเนิดจากการผสมผสานกันของสิ่งเหล่านั้นแล้วเธอก็หลุดยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ

ยาขี้ผึ้งตราเสือ

ช่วงหนึ่งเคยถูกเรียกว่ายาขี้ผึ้งแห่งชาติ ใช้เป็นยาบรรเทาอาการสารพัด ทั้งคัดจมูก อาการปวด อาการปวดตามข้อกระดูก เธอตั้งใจจะให้ยาที่ว่านั่นเกิดใหม่ในโลกนี้

ฟีเรนเทียก็จะใช้มันส่งเอสทีร่าไปยังอะคาเดมีพร้อมกับใบแนะนำสองใบที่เปล่งประกาย!

คนสูงวัยอย่างท่านปู่กับโบรชูลจะไม่ถูกยาบรรเทาอาการปวดนี่ล่อลวงได้ยังไงกัน

หากยานี่พัฒนาจนประสบความสำเร็จ สิ่งที่ต้องครุ่นคิดก็เหลือแค่อย่างเดียวเท่านั้น

เข่าของท่านปู่ที่รู้สึกเจ็บ มันข้างซ้ายหรือข้างขวากันเนี่ยแหละคือปัญหาละ