บทที่ 74 โจรร้าย

แผนที่ที่ฮั่นเปียวให้เขามานั้นแสดงถึงภูมิประเทศภายในเขตแดนหมอกโลหิต

เฉินเฉียงที่ได้ลอบเข้ามาแล้วได้อาศัยความมืดมิดปกคลุมกาย เขาได้ทำให้โจรกระจอกคนหนึ่งหมดสติไปในขณะที่มาปล่อยทุกข์ ก่อนที่จะลากเขาไปจากที่พบเขาห้าไมล์

ตู้ม เฉินเฉียงได้ทุ่มโจรกระจอกคนนี้ลงพื้นอย่างไม่ไยดี

ด้วยการที่โจรผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะเพียงระดับทหารขั้นกลาง ยามที่กระแทกพื้นทำให้โจรผู้นี้ได้สติด้วยความเจ็บปวด

เมื่อเขาได้เห็นจิตสังหารที่ปรากฏบนหน้าของเฉินเฉียงแล้ว เขาได้ยืนขึ้นตรงและเตรียมที่จะวิ่งหนีไป แต่นั่นก็ทำให้เขาได้เห็นว่าดาบดั้นเมฆมาจ่อที่คอของเขาแล้ว

“ถ้าไม่อยากจะตายอย่างน่าอนาถก็ตอบคำถามข้ามา”

“ไอ้หนู แกจะทำอะไร” โจรกระจอกได้พยายามสงบสติก่อนที่จะใช้มือผลักดาบของเฉินเฉียงออกไปทีละน้อย

“ช่างกล้า” เฉินเฉียงที่เห็นก็ได้ขยับดาบของเขาให้จมลึกเข้าไปในคอของโจรกระจอกเล็กน้อยจนเริ่มมีเลือดซิบ

โจรกระจอกที่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดก็นึกกลัวจนร้องครวญครางออกมาและรีบพูดอย่างไว “พี่ชาย ค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็ได้ หากมีเรื่องใดจะถาม โปรดถามมาได้เลย”

หลังจากถามคำถามไปแล้ว เฉินเฉียงในที่สุดก็พบที่ตั้งของกองโจรถูหมั่นเถียน หลังจากนั้นเขาก็ได้เชือดคอโจรกระจอกคนนี้ไปในทันที

กองโจรกลุ่มนี้มือถูหมั่นเถียนเป็นผู้นำและยังมีหัวหน้าหน่วยอีกสี่คน แต่ละคนนั้นมีระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ระดับนายพลวิญญาณ และแต่ละคนนี้ก็ประจำอยู่ในแต่ละชั้นของเขตแดนหมอกเลือดแห่งนี้ โดยจุดที่สูงที่สุดคือที่อยู่ของถูหมั่นเถียน

หากเฉินเฉียงต้องการจะไปที่อยู่ของถูหมั่นเถียน มีเพียงทางเดียวก็คือต้องเผชิญหน้ากับสี่คนนี้ไปทีละคน

อย่างไรก็ตาม นอกจากหัวหน้าหน่วยสี่คนนี้แล้ว ไม่มีใครที่สามารถจะกีดขวางเฉินเฉียงเอาไว้ได้

โดยหัวหน้าแต่ละคนนั้นมีโจรภายใต้สังกัดเป็นระดับทหารอยู่ที่ประมาณหน่วยละร้อยคน

ต่อให้เขาสามารถจัดการโจรที่อยู่ชั้นล่างได้หมดแต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าหน่วยอื่นของโจรจะไม่เอะใจ

นั่นก็เพราะแต่ละชั้นนั้นมีระยะช่วงชั้นเพียงสามร้อยเมตรเท่านั้น

ตราบใดที่เกิดเสียงต่อสู้ แน่นอนว่าพวกโจรที่อยู่ชั้นเหนือกว่าต้องได้ยิน ต่อให้เขานั้นจะก้าวเข้าสู่ระดับนายพลวิญญาณได้แล้วก็ยังยากที่จะจัดการ

ภายใต้ข้อมูลที่ได้มาทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้แล้วว่าด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ยังยากที่จะทลายกองโจรนี้ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว หากอยู่ๆก็กลับไปแล้วเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปสู้ฮั่นเปียวที่ตกตายไปอย่างตาไม่หลับได้กัน

เมื่อบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ได้แล้ว เฉินเฉียงได้ซ่อนตัวในความมืดและมองดูเขตแดนหมอกโลหิตแต่ละชั้นพร้อมทั้งคิดหาแผนการอย่างเงียบงัน

เฉินเฉียงไม่ได้ใส่ใจในเหล่าโจรที่อยู่ในระดับทหารแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะด้วยตัวเขาในตอนนี้นั้นสามารถกวาดล้างเหล่าศิษย์สำนักเต่าดำได้จนหมด ยิ่งไปกว่านั้นคือในตอนนี้เขายังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้หลังจากการบ่มเพาะจุดตันเถียนโดยการอัดแน่นพลังสายเลือดเข้าไปอย่างเปี่ยมล้น

ที่เขาต้องจัดการจริงๆมีเพียงระดับหัวหน้าหน่วยเท่านั้น

ถึงจะคิดได้แบบนี้แต่เขาก็ยังคิดวิธีการดีๆไม่ออกอยู่ดี

ต่อให้เขาไม่ใช่คู่มือของห้าคนนี้ แต่เขาก็ไม่ยอมให้คนเลวชาติพันธุ์นี้หลุดรอดไปได้ง่ายๆ

ถึงจะสังหารทั้งหมดไม่ได้แต่อย่างน้อยขอลดทอนจำนวนของพวกที่อยู่ในชั้นหนึ่งไปจนหมดก็ยังดี

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงก็ได้เก็บงำจิตสังหารและค่อยๆรอบเข้าไปที่ชั้นหนึ่ง โดยอาศัยสายหมอกเร้นกายเพื่อหาโอกาสโจมตี

ด้วยการที่ชั้นแรกนั้นมีระยะสูงจากพื้นดินสามร้อยเมตรนับจากพื้น จึงทำให้มีกองโจรลาดตระเวนเพื่อป้องกันการโจมตีอยู่อย่างหนาแน่น

แต่ด้วยการที่เฉินเฉียงนั้นมีทักษะไร้ตัวตนและการตรวจสอบด้วยเสียง ทำให้เขานั้นฆ่าโจรลาดตระเวนพวกนี้ได้อย่างรวดเร็ว และทำให้เขานั้นเริ่มปีนเข้าไปในชั้นที่หนึ่งนี้

พื้นที่ของเขตแดนเลือดในตอนนี้ค่อยเล็กลงเรื่อยๆ

เขตแดนเลือดชั้นแรกที่เฉินเฉียงอยู่ในตอนนี้นั้นมีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งมีพื้นที่กว่าสามพันตารางเมตร

ถึงแม่ว่าท้องฟ้าในตอนนี้จะยังคงมืดมิด แต่สิ่งแปลกปลอมอย่างเฉินเฉียงนั้นก็ยังสามารถพบเห็นได้อย่างง่ายดาย และในตอนนี้ หัวหน้าหน่วยที่อยู่ประจำการที่ชั้นแรก ใบหน้าของเขานั้นมีหนวดรุงรังและกำลังนั่งลงบนโต๊ะที่ตั้งไว้กลางสวน ตอนนี้ได้มีคนกว่ายี่สิบคนได้รุมล้อมชายคนนี้เอาไว้

คนเหล่านี้พูดคุยกันอย่างสนุกปาก แต่นั่นก็ยังแสดงออกมาซึ่งความเคารพในหัวหน้าหน่วยที่อยู่ตรงหน้า

“ท่านห้า ในคราวนี้พวกเราปล้นชิงได้เนื้อดีๆมามากมายนัก ไม่รู้ว่าท่านจ้าวชั้นที่หนึ่งจะแบ่งสันยังไงบ้าง”

โจรกระจอกคนหนึ่งได้เดินมาหาจ้าวชั้นที่ห้าพลางรินเหล้าใส่ชามให้ด้วยรอยยิ้มที่แจ่มใส

“ฮ่าฮ่าฮ๋า ไอ้หนู อย่าได้เป็นกังวลไป ในครั้งนี้พวกเราได้มามากมายจริง มีเนื้อชิ้นงามกว่าแปดสิบชิ้น คนของชั้นเราต้องได้มาไม่น้อยกว่าสิบชิ้นอย่างแน่นอน”

“ในคืนนี้ พี่ใหญ่คนนี้ขอบอกไว้เลยว่าในค่ำคืนนี้พวกเจ้าจะต้องได้ลิ้มรสเนื้อชั้นเลิศ ไอ้หนู รีบไปดูสิว่าเนื้อได้ที่รึยัง ข้ารอไม่ไหวอีกแล้ว”

เมื่อพูดจบ จ้าวชั้นที่ห้าก็ได้แสดงออกซึ่งความหิวกระหาย

“พร้อมแล้วครับท่านห้า ข้าจะตัดไปให้ท่านลิ้มลองเดี๋ยวนี้”

เมื่อพูดจบ โจรกระจอกคนหนึ่งได้นำมีดเฉือนตัดชิ้นเนื้อที่ย่างอย่างหอมกรุ่นเป็นชิ้น

ที่มุมมืดของชั้นนี้ เฉินเฉียงได้มองเหตุการณ์ด้วยสีตาที่แดงฉาน นิ้วของเขากดแน่นไปที่ฝ่ามือจนทำให้เลือดไหลออกมา

และรอคอยอยู่นิ่งๆไม่ไหวติง

แต่เขาทนรออีกไม่ไหวแล้ว

เขาต้องฆ่าไอ้โจรนี่เพื่อระบายแค้น

ด้วยเทคนิคท่าเท้าของเขานั้นสามารถเด็ดหัวไอ้ระยะตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็ก้าวออกมาจากความมืดในทันที

“ฮื้ม”

ในตอนที่ก้าวเดินออกมานั้น เขาก็ได้เห็นเลือดที่หยดออกจากบาดแผลที่เกิดจากการอดกลั้นของตนหยดลงพื้น และนี่ทำให้ดวงตาของเขาเปล่งประกาย

เลือดพิษ

ขนาดวานรเขี้ยววายุตัวใหญ่ยักษ์ยังต้องตกตายภายใต้เลือดเขาเพียงไม่กี่นาที นับประสาอะไรกับมนุษย์

เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินเฉียงได้พบโจรคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่รวมกลุ่ม หลังจากฆ่าไปแล้วเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของกลุ่มโจรนี้ในทันที

เป็นตอนนี้ที่จ้าวชั้นที่ห้ากำลังกัดกินเนื้อย่างอย่างเมามันพลางดื่มด่ำล่ำสุราอย่างสนุกสนาน เพียงไม่นาน ไหเหล้าที่ตั้งอยู่ตรงหน้าก็ได้หมดลง

“เฮ้ ไอ้ตัวจ้อย ไปเอาเหล้ามาหน่อย”

เฉินเฉียงผู้ซึ่งตอนนี้ได้แฝงตัวเองเป็นหนึ่งในหมู่โจรไปแล้วก็ได้วิ่งไปหยิบเหล้ามาสองไหเมื่อได้ยิน

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้ตัวจ้อย มา มาดื่มกับข้า วันดีๆแบบนี้พวกเราต้องดื่มด้วยกัน”

ภายใต้คำพูดของจ้าวชั้นที่ห้านี้ เหล่าโจรทั้งหลายได้ยกชามเหล้าดื่มกันถ้วนหน้า

เฉินเฉียงผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างๆแต่ไม่ได้ยกเหล้าดื่มไปด้วยและทำเพียงมองเหล่าโจรดื่มเหล้าผสมเลือดของเขาไปนั้น ได้เตะตาจ้าวชั้นที่ห้าในทันที

อย่างที่เขาคาดไว้ เหล่าโจรกระจอกผู้ซึ่งมีการบ่มเพาะอยู่ในระดับทหารได้แสดงอาการออกมาแทบจะในทันทีที่ดื่มลงไป

“ท่าน จ้าวชั้น เหล้านี่…”

โจรกระจอกคนหนึ่งได้พูดออกมาห้าคำก่อนที่จะมีเลือดสีดำพรั่งพรูออกมาจากทวารทั้งเจ็ดและล้มลงไปกับพื้นไม่ไหวติง

เพียงช่วยพริบตา โจรกระจอกทั้งหมดก็ได้ทรุดลงไปและตายเกือบจะในทันทีแต่ก็ตายลงในที่สุด

จ้าวชั้นที่ห้าผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ด้วยการที่เขานั้นมีระดับการบ่มเพาะที่สูงกว่า เมื่อเห็นสถานการณ์แล้ว เขาก็ได้ลุกขึ้นและคิดจะเดินเข้าไปหาเฉินเฉียง เวลานี้ เฉินเฉียงที่เตรียมพร้อมไว้แล้วได้ใช้เคล็ดวิชาสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ในทันใด

หลังจากก้าวเดินไปเพียงสองก้าว หัวหน้าหน่วยได้ยืนนิ่งเงียบไม่ไหวติง เฉินเฉียงได้ดึงดาบดั้นเมฆออกมาก่อนที่ตั้งดาบให้อยู่ระนาบเดียวกับคอของหัวหน้าหน่วยคนนี้และเหวี่ยงดาบออกไปหมายจะบั่นคอของหัวหน้าหน่วยคนนี้อย่างสุดแรง

แต่เฉินเฉียงนั้นก็ดูเหมือนจะดูแคลนเลือดพิษของตนมากเกินไป

ก่อนที่จะได้บั่นคอไปนั้น จ้าวชั้นที่ห้าก็ได้ทรุดตัวลงไปเฉกเช่นลูกน้องของตน

สวนของชั้นที่ห้าในตอนนี้ที่เคยครื้นเครง ก็ได้เงียบสงบอย่างกับป่าช้า