เล่ม 2 ตอนที่ 81 โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวง

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ก๊อกๆๆ!

จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะที่ด้านนอกประตู

จ้าวหมิงเดินไปเปิดประตูและเห็นว่าเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง

“เจ้าเป็นใคร”

“นึกว่าใคร ที่แท้ก็ใต้เท้าองครักษ์นี่เอง”

จ้าวหมิงขมวดคิ้วและรู้สึกว่าคนนี้ไม่ได้มาดี ดังนั้นเขาจึงชักสีหน้าแล้วเอ่ยเสียงขรึม

“มีอะไรก็พูดมาสิ แล้วรีบออกไปซะ!”

เขาพูดพลางทำท่าจะปิดประตูใส่

“นี่…อย่าเพิ่งใจร้อนสิ ที่ข้ามาเพราะมีธุระ”

ชายคนนั้นรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วหยุดการเคลื่อนไหวของจ้าวหมิง จากนั้นใช้โอกาสนี้มองเข้าไปในประตู ราวกับว่ากำลังมองหาอะไรบางอย่าง

“ถ้ายังไม่ไปอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

จ้าวหมิงพูดพลางคว้าข้อมือและผลักคนผู้นั้นออกไปอย่างแรง!

บ่าวรับใช้คนนั้นเดินเซและล้มลงกับพื้น เจ็บจนต้องเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันและความโกรธของเขาก็ปะทุขึ้นทันที

“รู้ไหมว่าข้าเป็นใครถึงได้ผลักข้าแบบนี้! ข้าเป็นถึงคนของตระกูลฉู่เชียวนะ!”

เมื่อจ้าวหมิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็หันกลับมาและหัวเราะ

คนตระกูลฉู่ถ่อมาถึงที่นี่เพื่อมาหาเรื่องมิใช่หรือ

“เจ้า…!”

“นี่คือบ้านของฉู่หลิวเยว่เองหรือ ซอมซ่อเล็กอย่างกับรังหนู ถุ๊ย!” บ่าวรับใช้ตระกูลฉู่คนนั้นตะเกียกตะกายลุกขึ้น แล้วยิ่งทำตัวกำเริบมากขึ้น “ไหนบอกว่าวันนี้จะจัดงานดื่มฉลองกันมิใช่รึ ถุ๊ยๆ นี่ก็ครึ่งค่อนวันแล้วยังไม่มีใครมาอีกหรือ เงียบเป็นป่าช้า”

“ปากหมา ไม่เห็นจะเงียบเป็นป่าช้าสักนิด”

มีน้ำเสียงเย็นชาของหญิงสาวดังขึ้นมา ซึ่งเป็นฉู่หลิวเยว่และฉู่หนิงที่ออกมาพอดี

จ้าวหมิงรีบเอ่ยขึ้น

“ผู้บัญชาการ คุณหนูใหญ่ คนนี้จงใจมาก่อกวน ข้าน้อยจะรีบไล่เขาไปเองขอรับ!”

ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นและมองดูบ่าวรับใช้หนุ่มคนนั้นด้วยความสนใจ

“ทำไม เดี๋ยวนี้คนในตระกูลฉู่ไร้ความสามารถแล้วหรือ พวกเขาถึงได้ไม่กล้าแม้แต่จะมาเอง”

บ่าวรับใช้คนนั้นโกรธหน้าดำหน้าแดง

“เจ้าด่าใครเป็นหมาฮะ!”

ฉู่หลิวเยว่ยักไหล่

“ใครอยากรับก็รับไปสิ!”

บ่าวรับใช้คนนั้นสะอึกอย่างแรง ดวงตาของเขากลอกไปมาและหัวเราะเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“หึ ไหนเมื่อวานเจ้าบอกจะจัดงานดื่มฉลองมิใช่หรือ จนป่านนี้แล้วท่านทั้งสองยังอยู่ที่บ้านอีกหรือ คงมิใช่ว่า…ไม่มีแม้กระทั่งสถานที่จัดงานหรอกกระมัง หรือพวกท่านจะทำอาหารเลี้ยงแขกกันในบ้านโกโรโกโสนี่ดีล่ะ ก็ไม่น่าใช่อีก เกรงว่าจะไม่มีใครมาเลยต่างหากใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆๆๆ!”

ฉู่หนิงหน้านิ่งขรึม

“สงสัยเจ้าคงไม่อยากมีปากนี่แล้ว!”

บ่าวรับใช้ตระกูลฉู่คนนั้นสะดุ้ง แล้วถอยไปข้างหลังด้วยความหวาดกลัว

ได้ยินมาว่ายามนี้ฉู่หนิงได้ฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้าแล้ว และลมปราณก็แตกต่างออกไปจริงๆ!

กระนั้น…แล้วยังไงล่ะ

ในเมืองหลวงอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ คงไม่มีใครคบค้าสมาคมกับสองคนพ่อลูกนี้ด้วยหรอก!

ไม่มีแม้กระทั่งโรงเตี๊ยมที่ยินดีช่วยเหลือพวกเขา

เขายักไหล่เยาะเย้ย

“โอ้ ตอนนี้ใต้เท้าฉู่หนิงได้เป็นถึงหัวหน้าองครักษ์แล้วนี่ คงไม่ถือสาผู้น้อยอย่างข้าหรอกกระมัง อีกอย่าง ข้าน้อยมาเพื่อช่วยท่าน ผู้อาวุโสใหญ่ให้ข้าฝากมาบอกท่านว่าหากท่านไม่มีที่จัดงาน ก็มิใช่ว่าจะไม่มีวิธี”

“ตระกูลฉู่มีโรงเตี๊ยมหลายแห่ง หากท่านไม่เกี่ยง ผู้อาวุโสก็ไม่แล้งน้ำใจให้ท่านใช้สถานที่ได้ แล้วยังใจดี…ลดราคาให้ท่านอีกด้วย ท่านว่าดีหรือไม่”

นี่คือจุดสิ้นสุดของความอัปยศอดสู!

“ใต้เท้าฉู่หนิงอย่าเพิ่งอารมณ์เสีย ผู้อาวุโสก็แค่อยากช่วยท่าน! ท่านดูสิ เมื่อวานพวกท่านบอกเอาไว้เสียดิบดีว่าจะจัดงานดื่มฉลอง หากวันนี้ไม่มีสถานที่…”

เขาตบหน้าเบาๆ “หน้าหัวหน้าองครักษ์ของท่านจะเอาไปไว้ที่ไหน”

ไฟแห่งความโกรธโหมกระหน่ำในใจของฉู่หนิง เขารวมพลังที่ฝ่ามือและพร้อมที่จะกำจัดเขาทันที

ในขณะนั้นเอง ก็มีอีกคนเข้ามาใกล้ไม่ไกล

“ขอถามสักหน่อย ที่นี่คือบ้านของคุณหนูฉู่หลิวเยว่หรือไม่”

พวกเขาต่างหันไปมอง

ผู้มาเยือนเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างหน้าตาดียิ้มแย้มแจ่มใส

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า

“ที่นี่เป็นบ้านของข้าเอง ไม่ทราบว่าท่าน…”

ชายคนนั้นประหลาดใจเล็กน้อย แล้วยิ้มอย่างเป็นมิตรมากขึ้น

“เสียมารยาทแล้วๆ ที่แท้ท่านก็คือคุณหนูฉู่หลิวเยว่นี่เอง ข้าน้อยคือเจ้าของโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวง นามว่าซูหุย”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา คนที่อยู่ตรงนั้นก็ตกตะลึง

โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงเป็นโรงเตี๊ยมในเมืองหลวงที่มีอายุนับร้อยปีและมีชื่อเสียงมาก

มีข่าวลือว่าโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงมี ‘สามเอกลักษณ์’ รสชาติที่เลิศรส ราคาที่แพงหูฉีก และทัศนียภาพที่งดงามไม่มีที่เปรียบ!

บอกเลยว่ารสชาติถูกปากถูกใจทุกคนที่ได้ลิ้มลอง

ซึ่งเหมาะสมกับราคาที่คนธรรมดาเอื้อมไม่ถึง

แม้แต่ลูกหลานของตระกูลขุนนางบางตระกูลก็อาจไม่สามารถมาทานอาหารกันที่นี่ได้

ส่วนทิวทัศน์บรรยากาศตั้งแต่ชั้นบนลงล่าง จากด้านนอกไปจนถึงด้านในมีความหรูหราโอ่อ่าสง่างามเป็นเอกลักษณ์ของเมืองหลวง!

ด้วยเหตุนี้โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงจึงเป็นโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งในเมืองหลวง

โรงเตี๊ยมอิ๋งปินและที่อื่นๆ ไม่มีทางเปรียบเทียบได้

ทว่าตอนนี้เจ้าของโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงมาทำอะไรที่นี่

“ท่านมาที่นี่มี…”

“ได้ยินมาว่าคุณหนูฉู่หลิวเยว่จะจัดงานดื่มฉลอง ไม่ทราบว่าโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงมีคุณสมบัติพอที่จะรับใช้ท่านหรือไม่”

บรรยากาศบริเวณโดยรอบก็เงียบลงทันที

ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ

“ท่านหมายความว่า…พวกท่านยินดีให้เราจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้หรือ”

ซูหุยโค้งตัวลงเล็กน้อย

“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

“…”

ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้คาดคิดจริงๆ ว่าหลังจากที่ถูกปฏิเสธจากโรงเตี๊ยมทั้งหมดในเมืองหลวง แล้วโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงจะเสนอช่วยเหลือพวกเขา!

ในเวลานี้ กระทั่งฉู่หนิงก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

“เถ้าแก่ซู ท่านพูดจริงหรือ แต่การจะจัดงานเลี้ยงที่โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงได้ต้องของล่วงหน้าเป็นเดือนเลยมิใช่หรือ ตอนนี้พวกเราไป…ก็คงไม่มีที่หรอกกระมัง”

โรงเตี๊ยมอื่นไม่ต้องพูดถึง ทว่าที่โต๊ะที่โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงคงเต็มตลอดแน่นอน!

ซูหุยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ใต้เท้าฉู่หนิงมิต้องเป็นห่วง วันนี้โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงไม่รับแขกอื่น แล้วจัดบริการสำหรับคุณหนูหลิวเยว่เท่านั้น”

“…”

เสียงของซูหุยดั่งฟ้าร้องในหูของพวกเขาสามคน และเป็นเวลานานโดยที่ไม่สามารถสงบอารมณ์ลงได้

ฉู่หลิวเยว่เป็นฝ่ายได้สติกลับมาก่อน

นี่คือ…มีคนช่วยกู้หน้าสถานการณ์ใช่หรือไม่

ที่สำคัญคือใครเป็นยื่นมือช่วย

นางไร้สหายในเมืองหลวง ไร้ผู้สนับสนุน คนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อ

ใครเต็มใจเสี่ยงที่จะสู้กับความอันตรายของตระกูลฉู่เพื่อช่วยนางแบบนี้

ไม่ถูกต้อง

ทำให้โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงทำเช่นนี้ได้ คนนั้นจะต้องมีเบื้องหลังและอำนาจที่แข็งแกร่ง แล้วจะเกรงกลัวตระกูลฉู่ได้อย่างไร

“เถ้าแก่ซู ท่านแน่ใจว่าจะช่วยเราจริงหรือ ข้าได้ยินมาว่าชาหนึ่งถ้วยของท่านราคาห้าร้อยตำลึง หลังจากงานเลี้ยงนี้ข้าเกรงว่าสองคนนี้จะไม่มีปัญญาจ่ายเงินให้ท่าน ท่านอยากขาดทุนนักหรือ”

บ่าวรับใช้คนนั้นคิดไม่ถึงว่าคนจากโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงจะมาที่นี่ เขาจึงประหลาดใจ กระนั้นฝีปากก็ยังไม่ยอมแพ้แล้วเอ่ยค่อนแขวะอย่างแข็งกร้าว

ซูหุยได้ยิน แต่ไม่แม้แต่จะมองเขา และยิ้มให้ฉู่หลิวเยว่

“คุณหนูหลิวเยว่ไม่ต้องกังวลไป วันนี้มีคนจ่ายเงินทั้งหมดให้ท่านแล้ว”

“ใครหรือ”

“คุณชายรองเหยียน”

คุณชายรองเหยียน?

หรือว่าจะเป็น…เหยียนเก๋อจากเจินเป่าเก๋อ

“ท่านยังไม่ทราบหรือ ที่ดินพื้นที่ล่าสัตว์ที่ท่านขายให้พวกเขาก่อนหน้านี้มีสัตว์อสูรระดับสุงปรากฏตัว เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ คุณชายรองเหยียนจึงเหมาโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงให้ท่านโดยเฉพาะ แล้ววันนี้เขาก็จะมาดื่มฉลองให้ท่านในวันนี้อีกด้วย”

“ใต้เท้าฉู่หนิง คุณหนูหลิวเยว่ เชิญขอรับ…”