ตอนที่ 82 เหมาโรงเตี๊ยม
โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงตั้งอยู่บนถนนตะวันออกที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุดในเมืองหลวง
ฉู่หลิวเยว่และพรรคพวกของตนตามเถ้าแก่ซูกลับมายังที่นี่ และถนนก็เต็มไปด้วยผู้คนที่สัญจรกันขวักไขว่
ซูหุยยิ้มและชี้ไปข้างหน้า
“ข้างหน้านี่แล้วขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่มองไปในทิศทางที่เขากำลังชี้ไป และเห็นโรงเตี๊ยมสองชั้นแบบโบราณ และบนป้ายแผ่นโลหะเขียนคำว่า ‘โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวง’ สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
นางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ที่นี่แพงหูฉีกมาก และค่าเช่าร้านเล็กๆ ก็แพงอย่างน่าขัน
ในฐานะที่เป็นร้านอาหารแห่งแรกในเมืองหลวงของจักรวรรดิ โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงมีเพียงสองชั้นเองหรือ
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองไปรอบๆ เรื่อยเปื่อย แม้แต่ร้านขายผ้าที่อยู่ติดกันก็มีตั้งสามชั้น
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงดูเตี้ยกว่ามาก
ในเวลานี้ ประตูโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงกำลังปิดสนิท และมีเพียงคนรับใช้สองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเท่านั้น
นางเห็นหลายคนยืนอยู่หน้าประตูคุยกำลังกับบ่าวรับใช้
“ปิดเหรอ ปกติโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงจะปิดตอนสิ้นเดือนไม่ใช่หรือ ทำไมวันนี้ถึงได้ปิดกะทันหันเล่า”
บ่าวรับใช้ตอบด้วยความสุภาพ
“พวกท่านทั้งหลาย ข้าน้อยต้องขอโทษจริงๆ นี่เป็นคำสั่งของเถ้าแก่เราแค่ต้องปฏิบัติตาม หวังว่าคพวกท่านจะยกโทษให้ข้าน้อยด้วย”
“เจ้าขอโทษจบหรือยัง ข้าได้ตกลงกับพี่น้องแล้วว่าจะรวมตัวกันที่นี่วันนี้! เจ้ามาพูดแบบนี้ตอนนี้! ข้าจะเอาหน้าไปไว้ไหน!”
คนพวกนี้แต่งตัวหรูหราสมฐานะคุณชาย แต่คนที่เหมือนจะเป็นผู้นำนั้นใช้วาจาหยาบคายและดูท่าทางโกรธมาก
ฉู่หลิวเยว่มองดูและพบว่าผู้พูดค่อนข้างคุ้นตายิ่งนัก
“ให้เถ้าแก่ของเจ้าออกมาพบข้า โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงของพวกเจ้าจะไม่ไหวหน้าตระกูลลู่อย่างข้าหรือไร”
อ่อ เขานี่เอง
คุณชายสี่ของตระกูลลู่ ลู่จื้อเทา
บ่าวรับใช้คนนั้นพูดเสียงเรียบนิ่ง
“วันนี้เราต้อนรับแขกอื่นไม่ได้จริงๆ ท่านค่อยกลับมาวันหลังเถิด นอกจากนี้ในเมืองหลวงยังมีโรงเตี๊ยมมากมาย ท่านเปลี่ยนสถานที่ก็มิได้ต่างกันมาก”
“จะเหมือนกันได้ยังไง”
ลู่จื้อเทาขึ้นเสียง
“พวกเจ้าทำมาค้าขายกันยังไงถึงกล้าไล่แขก เชื่อหรือไม่ว่าข้า…”
ซูหุยก้าวไปข้างหน้า
“คุณชาย ต้องขออภัยอย่างยิ่ง”
“ลู่จื่อเท่าหันหน้าไปมองแล้วขมวดคิ้ว
“เจ้าเป็นใคร!”
บ่าวรับใช้สองคนนั้นโค้งคำนับ
“เถ้าแก่”
ซูหุยพยักหน้า
พวกลู่จื้อเทาชำเลืองมองกันและกัน ทุกคนต่างแปลกใจเล็กน้อย เพราะไม่คาดคิดชายอ้วนที่อยู่ข้างหน้าเขาที่ดูเป็นมิตรนี้ แท้จริงแล้วเป็นเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวง
โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงมีชื่อเสียงโด่งดังมาก แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเห็นเถ้าแก่ได้ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง พวกเขาก็ยังไม่รู้จักซูหุย
“ที่แท้เจ้าก็คือเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงนี่เอง เจ้ามาพอดี เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้แล้วใช่หรือไม่ พวกเราเป็นแขกประจำของโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวง พวกเจ้าจะไม่ต้อนรับข้าหรือ”
น้ำเสียงของลู่จื้อเทายังคงก้าวร้าวมาก
มีคนข้างหลังดึงเขาและกระซิบเบาๆ
“คุณชายสี่ โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงนี่ไม่ธรรมดา พวกเราเกรงใจเขาหน่อยเถิด…”
ลู่จื้อเทาหัวเราะเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำอีก
“ก็แค่โรงเตี๊ยมเองมิใช่หรือ คิดว่าอยู่สูงเสียดฟ้าหรือไร ตระกูลลู่ของข้าก็ค้าขายเหมือนกัน ข้ายังไม่เคยเห็นใครกล้าไล่แขกแบบนี้มาก่อน ทำไม โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของเมืองหลวงไม่เห็นลูกค้าอยู่ในสายตาหรือไร!”
เสียงของเขายิ่งดัง และดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมายรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว
ฝูงชนต่างทยอยเข้ามามุงล้อมเรื่อยๆ
บางคนตื่นเต้นเหมือนมาดูเรื่องสนกๆ
ลู่จื้อเทายิ่งดูมีความมั่นใจมากขึ้น
ซูหุยกำหมัดแน่น
“โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงนั้นไม่กล้าเป็นโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งในเมืองหลวงหรอก ทว่าวันนี้มีคนเหมาโรงเตี๊ยมทั้งหมดแล้ว ไม่สะดวกจริงๆ ทุกท่านโปรดอภัยด้วย”
ทันทีที่เถ้าแก่แถลงเรื่องนี้ออกไป สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
เหมา…เหมาโรงเตี๊ยม!
เหมาทั้งโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวง!
นั่นเป็นเงินเท่าไหร่กัน!
ใครที่มีเงินมากมายขนาดนั้น!
ลู่จื้อเทาหน้าเสียเพราะเขานั้นเข้าใจชัดเจนดียิ่ง กระทั่งตระกูลลู่อยากเหมาโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงได้นั้นก็มิใช่เรื่องง่าย!
นั่นมันแทบจะเป็นการเผาเงินทิ้งได้เลย!
คนที่สามารถทำเช่นนี้ได้…เกรงว่าคงมิอาจต่อกรได้ง่าย
“อย่างนี้นี่เอง…ทำไมไม่บอกก่อนเล่า”
ลู่จื้อเทาและพรรคพวกข้างหลังเปลี่ยนท่าทีเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสี
“เช่นนั้นพวกเราค่อยมาใหม่พรุ่งนี้ก็ได้”
ซูหุยยิ้มให้
“ขออภัยอีกครั้ง ท่านนั้นเหมาสามวัน หากท่านอยากมาจริงๆ โปรดใหม่ในอีกสามวันข้างหน้าเถิด”
ตอนที่ 83 รนหาที่ตาย
ถนนทั้งสายตกอยู่ในความเงียบอย่างน่าแปลกประหลาดอีกครั้ง
สามวัน!
เหมาโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงสามวัน
คนคนนั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!
“นี่…นี่มัน…”
เพราะตกใจมากจึงทำให้ลู่จื้อเทาถึงกับพูดติดอ่าง
“วันนี้เป็นวันดีสำหรับแขกผู้มีเกียรติของเรา ดังนั้นหากมีสิ่งใด ทางโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงก็จะไม่ถือสาให้มากความ พวกท่านเชิญกลับไปเถิด”
หลังจากที่ซูหุยพูดคำไม่กี่คำนี้ เขาก็หันหลังกลับ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คิดที่จะต่อล้อต่อเถียงกับพวกเขาต่อไปอีก
เวลาปกติ ต่อให้เป็นประมุขตระกูลลู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องพบเจอ วันนี้ถือว่าเขาพยายามอดทนที่จะพูดกับลู่จื้อเทาก็ยากแล้ว
“คุณชายสี่ เราอย่าหาเรื่องโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงเลย เราไปกันเถอะ”
ลู่จื้อเทาไม่พอใจ แต่เมื่อเขาได้รับการเตือนเช่นนี้ เขาก็พอมีสติขึ้นมาบ้าง
ขณะที่เขาคิดได้ดังนั้นและกำลังจะจากไป เขาก็หันมามองเห็นหญิงงามผู้หนึ่งอยู่ไม่ไกล
นางยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ และดูเหมือนจะทำให้ทุกสิ่งรอบตัวนางดูหมองไปเสียหมด
ดวงตาของลู่จื้อเทาเป็นประกาย!
มีความเมืองหลวงมีหญิงงามอันน่าตกตะลึงเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เมื่อรับรู้ถึงสายตาของลู่จื้อเทาที่มองมา สายตาของฉู่หลิวเยว่ก็ขยับเล็กน้อย
ลู่จื้อเทาไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดขององค์ชายรัชทายาท
ที่ปะทะฝีปากกันครั้งก่อน นางก็อำพรางรูปร่างหน้าตาเอาไว้ เป็นธรรมดาที่เขาจะจำนางไม่ได้
“โอ้ แม่นางตระกูลใดกัน ไฉนข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
เขาพูดพลางก้าวไปข้างหน้า
ซูหุยขยับเข้ามาบังหน้าเขาเอาไว้
รอยยิ้มที่สุภาพบนใบหน้าของเขาหายไป และแฝงคำเตือนในน้ำเสียงของเขา
“สตรีท่านนี้คือคุณหนูฉู่หลิวเยว่ เป็นแขกผู้มีเกียรติของโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงในวันนี้เอง”
…
“อะไรนะ! พวกมันกำลังจัดงานเลี้ยงที่โรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงหรือ!? เป็นไปได้ยังไง! พวกมันไม่มีปัญญาพอที่จะจ่ายเงินแน่!”
เมื่อได้ยินรายงานข่าวจากบ่าวรับใช้ คนทั้งตระกูลฉู่ต่างก็ตกตะลึง
“ว่ากันว่าคุณชายรองเหยียนแห่งเจินเป่าเก๋อเป็นผู้เหมาโรงเตี๊ยมให้ บอกว่าถือเป็นการขอบคุณที่นางขายโฉนดที่ดินให้ขอรับ”
ฉู่เยี่ยนยิ่งมีความรู้สึกเกลียดชัง
ตอนแรกทุกอย่างก็เรียบร้อยดี ใครจะไปรู้ว่าเหยียนเก๋อจะมาตัดทางทำให้เสียแผนได้
“ข้าก็ได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆ นี้สัตว์อสูรระดับสูงได้ปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ล่าสัตว์ และราคาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว องค์หญิงสี่จึงพาคนไปที่นั่นในวันนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว”
“ฉู่หลิวเยว่นี่โชคดีจริงๆ! ขายพื้นที่ล่าสัตว์ไป แม้ว่าจะสูญเสียสัญญาหมั้นหมายกับองค์ชายรัชทายาทไป แต่ก็สามารถเอาชนะใจเจินเป่าเก๋อได้…”
“เจินเป่าเก๋อคือที่แบบไหน ถึงจะเห็นฉู่หลิวเยว่อยู่ในสายตาเพราะพื้นที่ล่าสัตว์เล็กๆ นั้น ข้าว่านางคงจะใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนเสียมากกว่า!”
“ไม่ใช่เวลามาพูดถึงเรื่องนี้ คิดก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป! เจินเป่าเก๋อถือได้ว่าเป็นผู้สนับสนุนฉู่หลิวเยว่แล้ว เกรงว่าข่าวนี้คงลือไปทั่วเมืองหลวงแล้ว! คนพวกนั้นไม่แน่อาจจะสนับสนุนสองพ่อลูกนั่นเพราะเห็นแก่หน้าเจินเป่าเก๋อก็ได้!”
ผู้อาวุโสสูงสุดในตระกูลฉู่มีสีหน้าบูดบึ้งและทันใดนั้นก็หัวเราะเยาะ
“หึ เรื่องนี้มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก เจินเป่าเก๋อแย่งของขององค์ชายรัชทายาทไป ตอนนั้นยังมีสัตว์อสูรระดับสูงมาปรากฏตัวในพื้นที่ล่าสัตว์อีก เกรงว่าเจินเป่าเก๋อคงเป็นหนามตำตาองค์ชายเข้าแล้ว ไม่ว่าองค์ชายจะจัดการกับเจินเป่าเก๋ออย่างไร ฉู่หลิวแยว่ก็โดนหมายหัวอยู่ในบัญชีนั้นแล้ว วันนี้ไปที่นั่นไม่เพียงแต่อยู่ตรงข้ามกับตระกูลฉู่แต่ยังเป็นการยั่วโมโหองค์ชายรัชทายาทอีกด้วย ข้าดูสิว่าจะไปได้สักกี่น้ำ”
…
ฉู่หลิวยเยว่เข้าไปในโรงเตียมเฟิ่งหวง นางก็เพิ่งเห็นว่าถึงแม้จะมีเพียงสองชั้น แต่พื้นที่ภายในก็ใหญ่มาก
เมื่อเดินเข้าไปข้างในก็พบว่านอกจากห้องโถงด้านหน้าแล้ว จริงๆ แล้วยังมีอาคารทรงกลมอยู่ด้านหลัง
ตรงกลางตึกเป็นทะเลสาบน้ำใสสะอาด!
ทางเดินซิกแซกในทะเลสาบล้วนแกะสลักด้วยไม้กฤษณา และอาคารของโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงทั้งหลังก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ ที่ทำให้รู้สึกสดชื่น
“ใต้เท้าฉู่หนิงและคุณหนูหลิวเยว่ไม่ต้องกังวล ข้าได้ส่งคนไปบอกแขกเหรื่อเรื่องเปลี่ยนสถานที่จัดเลี้ยงเป็นโรงเตี๊ยมเฟิ่งหวงแล้ว พวกท่านทั้งสองสามารถรอที่นี่ได้อย่างสบายใจ”
สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ แม้แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ยังแอบคิดในใจว่าอีกฝ่ายได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้เพียบพร้อมทั้งหมดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ฉู่หนิงจึงอดพูดไม่ได้
“เยว่เอ๋อร์ ครั้งนี้ลูกต้องขอบคุณคุณชายรองเหยียนดีๆ ด้วยนะ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า อันที่จริง นางก็มีเรื่องจะถามคุณชายรองเหยียนอยู่เหมือนกัน
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงมาจากนอกประตู
“คุณชายรองเหยียนมาแล้ว!”
เมื่อเอ่ยถึงก็มาพอดี
ฉู่หลิวเยว่หันหลังไปมองและเห็นว่าเหยียนเก๋อเดินมาทางด้านนี้พอดี
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเหยียนเก๋อจะมาถึงเป็นคนแรก
ด้วยสถานะของเขา การมาด้วยตัวเองเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องยากยิ่งนัก อีกทั้งยังมาก่อนอีกด้วย
ฉู่หลิวระงับความประหลาดใจ นางแย้มยิ้มและเดินไปข้างหน้าเพื่อคำนับทักทาย
“คุณชายรองเหยียน”
เมื่อเหยียนเก๋อได้ยินดังนั้นก็เหมือนหัวใจหล่นวูบ เขาจึงรีบรุดไปข้างหน้า
“ไม่ต้องๆ”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขาด้วยความสงสัยบางอย่าง ก็เห็นว่าท่าทางของเขาดูประหม่าเล็กน้อยราวกับว่าเขา…ระมัดระวังมากเกินไปจนควบคุมไม่ได้
มันดูค่อนข้างแตกต่างไปจากท่าทางสุขุมและเยือกเย็นที่นางเคยเห็นเมื่อคราวก่อน
“คุณชายรองเหยียน ท่านเป็นอะไรหรือ”
เหยียนเก๋อพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง และเขาก็ยิ้มมุมปากอย่างดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ
“เปล่า ไม่มีอะไร! คุณหนูหลิวเยว่สอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้ เป็นเรื่องยินดีอย่างยิ่ง ข้าจึงมาที่นี่เพื่ออวยพรฉลองให้ท่านโดยเฉพาะ”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
“กระนั้นของขวัญท่านนั้นชิ้นใหญ่เกินไปมากจริงๆ”
เหยียนเก๋อโบกมือ
“นี่ไม่ถือว่ามากมายอะไร ไม่มากมายจริงๆ ข้าน้อยยังนำของขวัญมาด้วย วางอยู่ข้างนอกประตูเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองโดยไม่รู้ตัวและเห็นว่าดูเหมือนจะมี…หีบกล่องมากมายวางอยู่ด้านนอก!
นางหางตากระตุก
นี่ส่งของขวัญมาเป็นหีบขนาดนี้เชียวหรือ
“คุณชายรองเหยียน ท่านเกรงใจกันเกินไปแล้ว…”
เหยียนเก๋อฝืนยิ้มออกมา
ซื้อโฉนดที่ดินฮูหยินของนายท่านแล้วยังจ่ายให้แค่สามแสนตำลึง…
หากเขารู้ตั้งแต่แรก เขาคงไม่รนหาที่ตายเช่นนี้หรอก!